ขั้นตอน Usability Testing

ในโลกที่ผู้ใช้มีทางเลือกมากมาย ความง่ายในการใช้งาน Digital Product จึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่จะตัดสินว่าแอปหนึ่งจะอยู่หรือไป หากผู้ใช้ต้องเสียเวลาเรียนรู้หรือรู้สึกสับสน พวกเขาอาจจะเลิกใช้แอปนั้นทันที การออกแบบประสบการณ์ที่เรียบง่ายและตรงไปตรงมาจึงเป็นแกนกลางความสำเร็จของการทำ Digital Product

Usability Design and Psychology for Digital Products

Usability คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญกับการออกแบบ

ในการพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ดิจิทัล (Digital Products) เช่น เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือซอฟต์แวร์ต่าง ๆ หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามได้คือ “Usability” หรือ “ความสามารถในการใช้งาน” ของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ซึ่งความสามารถในการใช้งานนี้ไม่ได้หมายถึงแค่การที่ระบบทำงานได้เพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงการที่ผู้ใช้สามารถใช้งานผลิตภัณฑ์นั้นได้อย่าง ง่ายดาย มีประสิทธิภาพ และรู้สึกพึงพอใจด้วย ซึ่งสิ่งคำคัญที่หลายคนอาจจะสงสัยก็คือ ในช่วงที่ทำ Usability Testing มันมีจุดไหนบ้างที่เราต้องสังเกตระหว่างที่ผู้ใช้งานทดสอบตัว Prototype ของโปรดักส์

5 หลักสำคัญของการทำ Usability Testing

หากการออกแบบหน้าตาแอปคือสิ่งที่ดึงดูดผู้ใช้งานให้ “เริ่มต้น” กดเข้ามาใช้งาน สิ่งที่จะทำให้พวกเขา “อยู่ต่อ” และ “กลับมาใช้อีก” คือประสบการณ์การใช้งานที่ดี และใช้งานได้อย่างลื่นไหล การทดสอบความง่ายในการใช้งาน (Usability Testing) จึงเป็นหัวใจสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะมันคือวิธีที่ช่วยให้เรามองเห็นว่า ผู้ใช้สามารถเข้าใจการใช้งานได้ง่ายแค่ไหน เจออุปสรรคตรงไหน ใช้เวลานานเท่าไร หรือรู้สึกยังไงระหว่างการใช้งาน เนื้อหาถัดจากนี้จะพาคุณไปรู้จัก 5 ปัจจัยสำคัญที่ควรโฟกัสในการทดสอบ usability ของ Digital Product

1. Learnability (การรู้ว่าใช้งานอย่างไร)

สิ่งที่ต้องปักธงไว้เป็นอย่างแรกสุดในช่วงการทดสอบเลยก็คือ เราต้องสังเกตว่าผู้ใช้งาน (user) เขามีความสามารถที่จะเรียนรู้วิธีการใช้งานตัว Prototype ของ Digital Product เราไหม เขาเห็นดีไซน์ครั้งแรกแล้วบอกได้หรือเปล่าว่าจุดไหนเอาไว้ทำอะไร ถ้ามี task บางอย่างที่เขาอยากจะทำให้สำเร็จ เขาเรียนรู้ได้ไหมว่าต้องไปทำอะไรตรงไหนจากแค่ “การเห็นดีไซน์” อย่างเดียว

ยกตัวอย่างในกรณีของแอปที่เกี่ยวกับการโอนเงิน จุดประสงค์ที่เราต้องมีในใจเลยก็คือ เราต้องสังเกตว่าผู้ใช้งานสามารถโอนเงินได้สำเร็จไหม เป็นต้น

2. Efficiency (มีประสิทธิภาพในการใช้งาน)

ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ เกี่ยวกับ Efficiency ก็คือ ปริมาณ action และเวลาที่ผู้ใช้งานเอาไปลงกับการทำ Task นั้น ๆ มันได้ผลกลับมาคุ้มค่ารึเปล่า เช่น ถ้าอยากจะแค่โอนเงินไปให้เพื่อน มันสามารถทำได้สะดวกแค่ไหน ถ้าการโอนเงินมันใช้ขั้นตอนเยิ่นเย้ออย่างกับการยื่นภาษีประจำปี มันก็ถือเป็นการออกแบบการใช้งานที่ไม่ค่อยมี effiency เท่าไหร่ 

เพราะฉะนั้น ถ้าเราสามารถทำให้ลูกค้าสามารถเรียนรู้วิธีการใช้งานเองได้สำเร็จแล้ว รู้ว่าต้องโอนเงินยังไง และเข้าใจว่าสเต็ปหนึ่งสองสามสี่ สิ่งต่อไปที่เราต้องดูคือ กว่าผู้ใช้งานจะทำกิจกรรมนึงสำเร็จได้ มันต้องใช้เวลานานแค่ไหน? คลิกเยอะหรือเปล่า? ลงแรงไปกับ “การคิด” มากแค่ไหนในแต่ละขั้นตอน?

3. Errors (ข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น)

ในส่วนนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่ตรงไปตรงมาสำหรับการทำ Usability Testing มาก เวลาที่ผู้ใช้งานได้ทดลองใช้ Prototype ของเรา เขาสามารถทำกิจกรรมทั้งหมดโดยที่ไม่พบข้อผิดพลาดเลยหรือเปล่า ถ้าเกิดมีขึ้นมา มันเป็น error ที่รุนแรงไหม แล้วให้ไปสังเกตต่อด้วยว่าผู้ใช้งานสามารถแก้กลับมาได้หรือเปล่า และกว่าจะแก้กลับมาได้มันทำได้ยากหรือง่าย

4. Satisfaction (ความพึงพอใจในการใช้งาน)

ผู้ใช้งานมีความพอใจมากน้อยแค่ไหนเวลาที่ใช้งาน Digital Product ของเรา ซึ่งคำตอบก็จะหาได้จากพฤติกรรมของเขา เขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร อารมณ์ระหว่างการใช้เป็นอย่างไรบ้าง ถ้าเราอยากให้ผู้ใช้งานมีความพึงพอใจมากขึ้นก็สามารถไปดูในส่วนของ Visual และ Motion ของตัวโปรดักส์ได้เพราะในหลาย ๆ ครั้งสองสิ่งนี้คือปัจจัยที่ทำให้ผู้ใช้งานเขาเพลิดเพลินและอยากกลับมาใช้งานซ้ำอีก

5. Memorability (จำได้ว่าใช้งานอย่างไร)

เวลาที่ผู้ใช้งานออกจากแอปไป เขาสามารถจำวิธีการใช้งานหลังกลับมาใช้ซ้ำได้หรือเปล่า ซึ่งนี่เป็นจุดที่หลายคนมองว่ามันวัดได้ค่อนข้างยากเพราะเวลาเราทำ Usability Test เรามักจะโฟกัสที่รีแอคชั่นของการใช้งานครั้งแรก แต่เรื่อง Memorability มันเป็นการวิเคราะห์ที่ต้องอาศัยการเปรียบเทียบในระยะยาว และต้องหยิบผู้ใช้งานที่เคยใช้ครั้งแรก เอากลับมาใช้งานซ้ำในช่วงระยะเวลาหนึ่งในอนาคต ซึ่งจุดนี้มันอาจจะจัดการนัดแนะได้ค่อนข้างลำบาก 

สุดท้ายนี้ Usability ไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามในการออกแบบหน้าจอ แต่มันคือ หัวใจหลักของประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดี ผลิตภัณฑ์ดิจิทัลที่สามารถใช้งานได้ง่าย ชัดเจน และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างราบรื่น ย่อมสามารถสร้างคุณค่าและความสำเร็จให้กับธุรกิจได้ในระยะยาว ดังนั้น นักออกแบบและนักพัฒนาทุกคนควรให้ความสำคัญกับ Usability ตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการออกแบบ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ดิจิทัลสามารถเชื่อมต่อกับผู้ใช้ได้อย่างแท้จริง


สำหรับใครที่อยากเรียนรู้การออกแบบ Digital Product ให้ใช้งานง่ายด้วยหลักจิตวิทยา พร้อมมีตัวอย่าง Case Study ที่น่าสนใจมาประกอบ ห้ามพลาด! คอร์ส Usability Design and Psychology for Digital Products

สอนโดยคุณปุ้ม-บุศยา กิตติรังสิ Head of User Experience Design ที่ Skooldio ผู้สอนมากประสบการณ์ที่พร้อมเผยเทคนิคการออกแบบ Digital Product ให้ใช้งานง่าย ที่คุณสามารถเอาไปใช้ทำงานต่อได้ทันที

สมัครเรียน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก Usability Design and Psychology for Digital Products ได้เลย!

 

More in:Design

Comments are closed.