เปิดแนวทางปั้นคนและองค์กรให้พร้อมเปลี่ยนสู่ยุค AI

สรุป session AI Transformation: Building the AI-Powered Organization โดยดร.ต้า วิโรจน์ จิรพัฒนกุล Managing Director ที่ Skooldio และ Google Developers Expert ด้าน Machine Learning ในงาน Skooldio Open House 2025
ในปี 2024 ที่ผ่านมาเรียกได้ว่าเป็นปีแห่ง AI ปีนี้กลยุทธ์ของหลาย ๆ ธุรกิจเองก็อยากจะ adopt ใช้ AI ในองค์กรมากขึ้น แล้วเราจะสร้างองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วย AI อย่างไรได้บ้าง?
❓องค์กรของคุณกังวลกับเรื่องอะไรมากที่สุด
จากการสอบถามผู้ที่มาเข้าร่วมฟังใน session นี้พบว่าคำตอบมีหลากหลาย ยกตัวอย่างเช่น ความกังวลในเรื่องทักษะของคน / วัฒนธรรมองค์กร / ไม่กล้าที่จะ adopt AI มาใช้ / มีแรงต้านเมื่อต้องเรียนรู้ที่จะใช้เครื่องมือใหม่ เป็นต้น
ปัญหาใหญ่ไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยีแต่อยู่ที่ ‘คน’ สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้เกิด Adoption คือเรื่องของ ‘คน’
1. Work Reinvented: AI is Shaping Tomorrow’s Work Today
🔸 ‘Generative AI จะเปลี่ยนทุกอาชีพ’
ในแต่ละอาชีพก็จะมีงานบางส่วนที่ยังต้องอาศัยคนทำ แต่ก็จะมีบางงานที่สามารถใช้การ automation มาแทนที่ ยกตัวอย่างเช่น งานแอดมิน บางงานก็ยังคงใช้มนุษย์ทำงานแต่ AI จะเข้ามาช่วย ทำให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น สะดวกขึ้น ยกตัวอย่างเช่น งานประเภท computer and mathematical
🔸 LLMs (Large Language Models)
เก่งภาษามาก เช่นหากเปรียบเทียบการแปลระหว่าง ChatGPT กับ Google Translate ด้วยประโยคเดียวกันก็จะพบว่า ChatGPT มีความเข้าใจภาษา เข้าใจศัพท์แสลงต่าง ๆ ได้ค่อนข้างเก่งกว่า
LLMs มีความรู้ทั่วไปมากกว่าเราและเก่งกว่าเราในหลาย ๆ เรื่อง ดังนั้นหากในองค์กรของเรามีข้อมูลต่าง ๆ AI ก็สามารถเรียนรู้และช่วยตอบช่วยคิดได้
นอกจากนี้ LLMs ก็เป็นผู้ช่วยเขียนโค้ดที่ดี ยกตัวอย่างจากทีม Skooldio ที่นำเอา AI มาช่วยทำ Game Prototype ในแคมเปญวันฮาโลวีนเมื่อปีที่ผ่านมา โดยใช้เวลา 2 ชั่วโมงก็สามารถสร้างต้นแบบเกมเสร็จ แสดงให้เห็นว่าอะไรที่ใช้เวลาทำนานหรือทำไม่ได้โดยง่ายก็สามารถทำได้ง่ายขึ้นใช้เวลาน้อยกว่าเดิม
🔸 Multimodal AI ปลดล็อกศักยภาพข้อมูลหลากรูปแบบ
สามารถรับข้อมูล input เป็น format ไหนก็ได้ และ output ออกแบบเป็น format ใดก็ได้เช่นเดียวกัน ทั้งข้อความ ภาพ เสียง วิดิโอ เป็นคีย์สำคัญที่จะช่วยปลดล็อกศักยภาพของข้อมูลที่เรามีในองค์กร เช่นการให้ AI ช่วยฟังและวิเคราะห์เพื่อหาจุดที่ควรพัฒนาปรับปรุงในการบริการของคอลเซนเตอร์ ทำให้องค์กรทำงานได้ง่ายขึ้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น
🔸โมเดลที่ ‘คิด’ ก่อนพูด (Complex Reasoning)
มีการปรับปรุงแนวทางการคิด แก้ไขข้อผิดพลาด มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และอาจคาดหวังได้ว่ามันก็จะมีความฉลาดเพิ่มขึ้นอีกเรื่อย ๆ และสามารถเข้ามาช่วยทำงานหลาย ๆ อย่างแทนเราได้
🔸 ใช้ LLMs เป็นเพื่อนคู่คิด ช่วยระดมสมองออกไอเดีย
Flow การทำงานกำลังเปลี่ยนไป AI สามารถมาช่วยเราได้ หากคิดได้ไม่ถูกใจก็สามารถขอไอเดียเพิ่มได้อีกเรื่อย ๆ ให้ลองคิดได้หลายมุม สวมหมวกเป็นลูกค้า เป็นพาร์ทเนอร์ก็ได้
🔸 ยกระดับการสร้างคอนเทนต์ด้วย GenAI
ตัวอย่างที่ 1 : AI-Generated Personas 👉 สอน AI ให้เรียนรู้ลักษณะของคน,ตัวละคน เพื่อนำไป Generate คอนเทนต์ใหม่ในภายหลัง
ตัวอย่างที่ 2: Content Customization 👉สร้างคอนเทนต์แบบ personalized ในปริมาณมาก ๆ
2. Efficiency Unleashed: AI Agents are Automating Processes at Scale
เราจะเพิ่ม Efficiency ในองค์กรได้อย่างไร? >> Automation
เพราะ Automation สามารถช่วยลดเวลา ลดความผิดพลาด ลดต้นทุนได้ เพิ่ม productivity ช่วยในการ scale ได้ และต่อไปจากการ Automation ธรรมดาจะไปสู่ Intelligent Automation 👉 ‘AI Agents’ เราสามารถนำเอา AI มาช่วยตัดสินใจ ใช้ความฉลาดทางภาษาของ LLMs มาช่วยในการ automate งานได้
❓ AI Agents
ความแตกต่างของ AI Agents กับโมเดล Chatbot ทั่วไปคือเรื่องการ ‘execute’ AI Agents ไม่ใช่แค่ช่วยคิดแต่ตัดสินใจแทนเราจบงานให้เราได้ด้วย
🟠 Low-Code / No-Code Automation Tools : เริ่มมีหลายเครื่องมือที่สามารถช่วยเราสร้าง flow ต่าง ๆ ได้ง่ายมากขึ้น
🟠 AI Agentic Workflows : นำเอา Agents หลายตัวมาทำงานต่อกัน ซึ่งนี่อาจเป็นแนวทางที่ทำให้เรานำเอา AI มาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3.Workforce Transformed: HR Must Drive the AI Revolution
ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป workforce ก็ต้องเปลี่ยนด้วย โดย HR เป็นคีย์สำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในองค์กร
หลายรายงานที่ถูกเผยแพร่ออกมา นำเสนอตรงกันว่าถ้าอยากให้องค์กรเป็น GenAI powered organization ได้อย่างแท้จริง ทุกอย่างเริ่มที่ ‘หัวหน้า’ / ‘ผู้บริหาร’
ยกตัวอย่างจากประโยคหนึ่งของ Udemy ที่รายงานไว้ว่า ‘GenAI skills are leadership skills ’
เพราะถ้าหากผู้บริหารไม่รู้ AI ก็ไม่สามารถขับเคลื่อนพาองค์กรไปต่อในโลกยุคหน้าได้เลย
โดย 65% ของผู้บริหารยอมรับว่ายังไม่มีทักษะความเชี่ยวชาญ (expertise) ที่จำเป็นมากพอที่จะพาองค์กรกล่าวข้าม AI Transformation นี้ได้
🟠 AI Knowledge Gap ยังคงเป็นปัญหาขององค์กรส่วนใหญ่
ผู้บริหารหลายคนรู้ว่า workforce ต้องการใช้ AI รู้ว่ามันสามารถสร้าง value ได้มากมาย และให้ GenAI เป็น top 3 priority ของปี 2024 ที่ผ่านมา แต่มีบริษัทเพียง 6% เท่านั้นที่เริ่มอัปสกิลให้พนักงานของตัวเองเรียบร้อยแล้ว
ปัญหาหลัก ๆ ที่ทำให้คนยังไม่มีทักษะนี้อาจมาจากการไม่มีเวลามากพอที่จะเรียนรู้ ยังไม่ถูกเทรนให้ใช้เครื่องมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือจำได้แต่นำไปประยุกต์ใช้ไม่เป็น รวมไปถึงเครื่องมือยังไม่ match กับ workflow หรือยังไม่เชื่อใจ AI
🟠 ทักษะที่จำเป็นสำหรับบุคลากรแห่งอนาคต
1️⃣ ทักษะสมัยใหม่ที่จำเป็น 👉 Digital Literacy / Data Literacy / AI Literacy
2️⃣ ทักษะมนุย์ที่ยั่งยืน 👉 Critical Thinking / Creative Thinking / Lifelong Learning / Interpersonal Skills
3️⃣ ทักษะเทคโนโลยีขั้นสูง 👉 Software Development / UX/UI / Data Science / Data Engineering / Cybersecurity / Cloud Computing
🟠 Future of Jobs 2025 – จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ World Economic Forum
จากรายงานนี้สิ่งที่น่าสนใจคือ AI และ Big Data เป็นทักษะที่มีความสำคัญอันดับหนึ่งเหมือนกันทั้งในประเทศไทยและระดับโลก
นอกจากนี้ทักษะที่เกี่ยวข้องกับด้านการคิด อย่าง Analytical thinking และ creative thinking ก็เป็นทักษะที่ทุกคนควรต้องมี
🟠 เพิ่มความ “ฉลาด” ด้วย AI แต่ต้องไม่พึ่งพามันมากจนเกินไป
อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องระวังคือทำให้แน่ใจว่าคนในองค์กรเราไม่ได้พึ่งพา AI เยอะจนเกินไปจนเขาไม่เก่งขึ้น เราควรจะให้เขาเป็นเหมือนพาร์ทเนอร์กับ AI เรียนรู้กับ AI และเก่งขึ้นไปพร้อม ๆ กัน
🟠 Accenture life trends 2025
จากรายงานนี้ของ Accenture หนึ่งในเทรนด์ที่น่าจำตามอง คือเรื่อง The dignity of work หรือ ศักดิ์ศรีของการทำงาน หลายคนอาจจะอยาก complain ว่าเดี๋ยวนี้อะไรก็ให้ใช้ AI ต้อง productive ขึ้น ซึ่งรายงานนี้ระบุว่าพนักงานเกือบ 50% บอกว่า ‘improving productivity’ คือคำที่เขาได้ยินบ่อยมากและได้ยินบ่อยกว่าเรื่องของการ improving customer value หรือ workforce development และ 60% ของพนักงานกังวลว่า GenAI จะทำให้เขาเครียดมากขึ้น burn out มากขึ้น
ดังนั้นยิ่ง AI และ Automation เข้ามารวดเร็วเท่าไหร่ dynamic การทำงานของ workforce ก็กำลังจะเปลี่ยนไป และต้องการ mindset ใหม่ ๆ ในการบริหารคน บริหาร culture ขององค์กร
🟠 สิ่งที่ HR ต้องทำเพื่อสร้าง Gen AI-Powered Workforce
1. Learning and Development
2. Teaming and Performance Management
3. Talent Acquisition and Internal Mobility
4. Professional Identity
5. Strategic Workforce Planning
🟠 Top 5 L&D focus areas จาก Linkedin Learning
1. Align ทุกอย่างกับ business goal
2. อัปสกิลคนในองค์กร
3. สร้าง culture ของการเรียนรู้
4. ดูไปถึงเรื่องของการ develop อาชีพของเขา
5. Improve retention

More in:Business

Comments are closed.