เปิดแนวทางปั้นคนและองค์กรให้พร้อมเปลี่ยนสู่ยุค AI
สรุป session AI Transformation: Building the AI-Powered Organization โดยดร.ต้า วิโรจน์ จิรพัฒนกุล Managing Director ที่ Skooldio และ Google Developers Expert ด้าน Machine Learning ในงาน Skooldio Open House 2025
ในปี 2024 ที่ผ่านมาเรียกได้ว่าเป็นปีแห่ง AI ปีนี้กลยุทธ์ของหลาย ๆ ธุรกิจเองก็อยากจะ adopt ใช้ AI ในองค์กรมากขึ้น แล้วเราจะสร้างองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วย AI อย่างไรได้บ้าง?
จากการสอบถามผู้ที่มาเข้าร่วมฟังใน session นี้พบว่าคำตอบมีหลากหลาย ยกตัวอย่างเช่น ความกังวลในเรื่องทักษะของคน / วัฒนธรรมองค์กร / ไม่กล้าที่จะ adopt AI มาใช้ / มีแรงต้านเมื่อต้องเรียนรู้ที่จะใช้เครื่องมือใหม่ เป็นต้น
ปัญหาใหญ่ไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยีแต่อยู่ที่ ‘คน’ สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้เกิด Adoption คือเรื่องของ ‘คน’
1. Work Reinvented: AI is Shaping Tomorrow’s Work Today
‘Generative AI จะเปลี่ยนทุกอาชีพ’
ในแต่ละอาชีพก็จะมีงานบางส่วนที่ยังต้องอาศัยคนทำ แต่ก็จะมีบางงานที่สามารถใช้การ automation มาแทนที่ ยกตัวอย่างเช่น งานแอดมิน บางงานก็ยังคงใช้มนุษย์ทำงานแต่ AI จะเข้ามาช่วย ทำให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น สะดวกขึ้น ยกตัวอย่างเช่น งานประเภท computer and mathematical
LLMs (Large Language Models)
เก่งภาษามาก เช่นหากเปรียบเทียบการแปลระหว่าง ChatGPT กับ Google Translate ด้วยประโยคเดียวกันก็จะพบว่า ChatGPT มีความเข้าใจภาษา เข้าใจศัพท์แสลงต่าง ๆ ได้ค่อนข้างเก่งกว่า
LLMs มีความรู้ทั่วไปมากกว่าเราและเก่งกว่าเราในหลาย ๆ เรื่อง ดังนั้นหากในองค์กรของเรามีข้อมูลต่าง ๆ AI ก็สามารถเรียนรู้และช่วยตอบช่วยคิดได้
นอกจากนี้ LLMs ก็เป็นผู้ช่วยเขียนโค้ดที่ดี ยกตัวอย่างจากทีม Skooldio ที่นำเอา AI มาช่วยทำ Game Prototype ในแคมเปญวันฮาโลวีนเมื่อปีที่ผ่านมา โดยใช้เวลา 2 ชั่วโมงก็สามารถสร้างต้นแบบเกมเสร็จ แสดงให้เห็นว่าอะไรที่ใช้เวลาทำนานหรือทำไม่ได้โดยง่ายก็สามารถทำได้ง่ายขึ้นใช้เวลาน้อยกว่าเดิม
Multimodal AI ปลดล็อกศักยภาพข้อมูลหลากรูปแบบ
สามารถรับข้อมูล input เป็น format ไหนก็ได้ และ output ออกแบบเป็น format ใดก็ได้เช่นเดียวกัน ทั้งข้อความ ภาพ เสียง วิดิโอ เป็นคีย์สำคัญที่จะช่วยปลดล็อกศักยภาพของข้อมูลที่เรามีในองค์กร เช่นการให้ AI ช่วยฟังและวิเคราะห์เพื่อหาจุดที่ควรพัฒนาปรับปรุงในการบริการของคอลเซนเตอร์ ทำให้องค์กรทำงานได้ง่ายขึ้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โมเดลที่ ‘คิด’ ก่อนพูด (Complex Reasoning)
มีการปรับปรุงแนวทางการคิด แก้ไขข้อผิดพลาด มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และอาจคาดหวังได้ว่ามันก็จะมีความฉลาดเพิ่มขึ้นอีกเรื่อย ๆ และสามารถเข้ามาช่วยทำงานหลาย ๆ อย่างแทนเราได้
ใช้ LLMs เป็นเพื่อนคู่คิด ช่วยระดมสมองออกไอเดีย
Flow การทำงานกำลังเปลี่ยนไป AI สามารถมาช่วยเราได้ หากคิดได้ไม่ถูกใจก็สามารถขอไอเดียเพิ่มได้อีกเรื่อย ๆ ให้ลองคิดได้หลายมุม สวมหมวกเป็นลูกค้า เป็นพาร์ทเนอร์ก็ได้
ยกระดับการสร้างคอนเทนต์ด้วย GenAI
ตัวอย่างที่ 1 : AI-Generated Personas สอน AI ให้เรียนรู้ลักษณะของคน,ตัวละคน เพื่อนำไป Generate คอนเทนต์ใหม่ในภายหลัง
ตัวอย่างที่ 2: Content Customization สร้างคอนเทนต์แบบ personalized ในปริมาณมาก ๆ
2. Efficiency Unleashed: AI Agents are Automating Processes at Scale
เราจะเพิ่ม Efficiency ในองค์กรได้อย่างไร? >> Automation
เพราะ Automation สามารถช่วยลดเวลา ลดความผิดพลาด ลดต้นทุนได้ เพิ่ม productivity ช่วยในการ scale ได้ และต่อไปจากการ Automation ธรรมดาจะไปสู่ Intelligent Automation ‘AI Agents’ เราสามารถนำเอา AI มาช่วยตัดสินใจ ใช้ความฉลาดทางภาษาของ LLMs มาช่วยในการ automate งานได้
AI Agents
ความแตกต่างของ AI Agents กับโมเดล Chatbot ทั่วไปคือเรื่องการ ‘execute’ AI Agents ไม่ใช่แค่ช่วยคิดแต่ตัดสินใจแทนเราจบงานให้เราได้ด้วย
Low-Code / No-Code Automation Tools : เริ่มมีหลายเครื่องมือที่สามารถช่วยเราสร้าง flow ต่าง ๆ ได้ง่ายมากขึ้น
AI Agentic Workflows : นำเอา Agents หลายตัวมาทำงานต่อกัน ซึ่งนี่อาจเป็นแนวทางที่ทำให้เรานำเอา AI มาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3.Workforce Transformed: HR Must Drive the AI Revolution
ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป workforce ก็ต้องเปลี่ยนด้วย โดย HR เป็นคีย์สำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในองค์กร
หลายรายงานที่ถูกเผยแพร่ออกมา นำเสนอตรงกันว่าถ้าอยากให้องค์กรเป็น GenAI powered organization ได้อย่างแท้จริง ทุกอย่างเริ่มที่ ‘หัวหน้า’ / ‘ผู้บริหาร’
ยกตัวอย่างจากประโยคหนึ่งของ Udemy ที่รายงานไว้ว่า ‘GenAI skills are leadership skills ’
เพราะถ้าหากผู้บริหารไม่รู้ AI ก็ไม่สามารถขับเคลื่อนพาองค์กรไปต่อในโลกยุคหน้าได้เลย
โดย 65% ของผู้บริหารยอมรับว่ายังไม่มีทักษะความเชี่ยวชาญ (expertise) ที่จำเป็นมากพอที่จะพาองค์กรกล่าวข้าม AI Transformation นี้ได้
AI Knowledge Gap ยังคงเป็นปัญหาขององค์กรส่วนใหญ่
ผู้บริหารหลายคนรู้ว่า workforce ต้องการใช้ AI รู้ว่ามันสามารถสร้าง value ได้มากมาย และให้ GenAI เป็น top 3 priority ของปี 2024 ที่ผ่านมา แต่มีบริษัทเพียง 6% เท่านั้นที่เริ่มอัปสกิลให้พนักงานของตัวเองเรียบร้อยแล้ว
ปัญหาหลัก ๆ ที่ทำให้คนยังไม่มีทักษะนี้อาจมาจากการไม่มีเวลามากพอที่จะเรียนรู้ ยังไม่ถูกเทรนให้ใช้เครื่องมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือจำได้แต่นำไปประยุกต์ใช้ไม่เป็น รวมไปถึงเครื่องมือยังไม่ match กับ workflow หรือยังไม่เชื่อใจ AI
ทักษะที่จำเป็นสำหรับบุคลากรแห่งอนาคต
ทักษะสมัยใหม่ที่จำเป็น Digital Literacy / Data Literacy / AI Literacy
ทักษะมนุย์ที่ยั่งยืน Critical Thinking / Creative Thinking / Lifelong Learning / Interpersonal Skills
ทักษะเทคโนโลยีขั้นสูง Software Development / UX/UI / Data Science / Data Engineering / Cybersecurity / Cloud Computing
Future of Jobs 2025 – จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ World Economic Forum
จากรายงานนี้สิ่งที่น่าสนใจคือ AI และ Big Data เป็นทักษะที่มีความสำคัญอันดับหนึ่งเหมือนกันทั้งในประเทศไทยและระดับโลก
นอกจากนี้ทักษะที่เกี่ยวข้องกับด้านการคิด อย่าง Analytical thinking และ creative thinking ก็เป็นทักษะที่ทุกคนควรต้องมี
เพิ่มความ “ฉลาด” ด้วย AI แต่ต้องไม่พึ่งพามันมากจนเกินไป
อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องระวังคือทำให้แน่ใจว่าคนในองค์กรเราไม่ได้พึ่งพา AI เยอะจนเกินไปจนเขาไม่เก่งขึ้น เราควรจะให้เขาเป็นเหมือนพาร์ทเนอร์กับ AI เรียนรู้กับ AI และเก่งขึ้นไปพร้อม ๆ กัน
Accenture life trends 2025
จากรายงานนี้ของ Accenture หนึ่งในเทรนด์ที่น่าจำตามอง คือเรื่อง The dignity of work หรือ ศักดิ์ศรีของการทำงาน หลายคนอาจจะอยาก complain ว่าเดี๋ยวนี้อะไรก็ให้ใช้ AI ต้อง productive ขึ้น ซึ่งรายงานนี้ระบุว่าพนักงานเกือบ 50% บอกว่า ‘improving productivity’ คือคำที่เขาได้ยินบ่อยมากและได้ยินบ่อยกว่าเรื่องของการ improving customer value หรือ workforce development และ 60% ของพนักงานกังวลว่า GenAI จะทำให้เขาเครียดมากขึ้น burn out มากขึ้น
ดังนั้นยิ่ง AI และ Automation เข้ามารวดเร็วเท่าไหร่ dynamic การทำงานของ workforce ก็กำลังจะเปลี่ยนไป และต้องการ mindset ใหม่ ๆ ในการบริหารคน บริหาร culture ขององค์กร
สิ่งที่ HR ต้องทำเพื่อสร้าง Gen AI-Powered Workforce
1. Learning and Development
2. Teaming and Performance Management
3. Talent Acquisition and Internal Mobility
4. Professional Identity
5. Strategic Workforce Planning
Top 5 L&D focus areas จาก Linkedin Learning
1. Align ทุกอย่างกับ business goal
2. อัปสกิลคนในองค์กร
3. สร้าง culture ของการเรียนรู้
4. ดูไปถึงเรื่องของการ develop อาชีพของเขา
5. Improve retention