เคยไหม? 🧠 อ๊องทุกที เมื่อเจองานใหม่ ระบบใหม่
ต้องศึกษาอยู่นานกว่าจะเข้าใจ จนรู้สึกหมดพลัง!

จริง ๆ แล้วไม่ใช่เพราะคุณไม่เก่ง แต่เพราะเราไม่เคยถูกสอน ‘วิธีเรียนรู้’ ที่ถูกต้องมาตั้งแต่แรก และยิ่งโตขึ้น สมองของเราก็ยิ่งเรียนรู้ได้ช้าลง

วันนี้ Skooldio สรุปเทคนิคเด็ดจากคลิป TED Talk โดย ดร.Lila Landowski นักประสาทวิทยาศาสตร์ชื่อดัง ดีกรี Director ของ Australian Society for Medical Research และ Epilepsy Tasmania รวมถึงเป็นผู้เชี่ยวชาญประจำ ABC ออสเตรเลีย เธอได้นำหลักการ Neuroscience มาบอกเคล็ดลับ 6 ข้อ ที่ช่วยให้คุณกลายเป็นคนที่เรียนรู้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นทันที

คอร์สฟรี คนทำงานค่าตัวแพงแบบ top performer โดยอานนทวงศ์ มฤคพิทักษ์ VP of People, LINE MAN Wongnai | How to Become a Top Performer | Skooldio

1. สมาธิ (Focus) – ถ้าไม่โฟกัส สมองก็ไม่จดจำ

การจดจ่ออย่างมีสมาธิเป็นหัวใจของการเรียนรู้ ถ้าไม่ได้โฟกัส สมองจะไม่สามารถบันทึกข้อมูลใหม่ได้ดีพอ เพราะสมองจะสร้างการเชื่อมต่อของเซลล์ประสาท (Synapse) ได้ก็ต่อเมื่อ มันรับรู้ว่าสิ่งนั้นสำคัญ

🔹 ลองทำสิ่งนี้: ก่อนเรียนรู้อะไรใหม่ ลองฝึกจดจ่อกับสิ่งเล็ก ๆ เช่น การรับรู้ถึงสัมผัสของรองเท้ากับพื้นขณะสวมใส่ หรือเสียงรอบตัว เพื่อฝึกสมองให้รู้จักโฟกัส และช่วยให้คุณจดจำข้อมูลที่ซับซ้อนขึ้นได้ดีขึ้น

📌 มือถือคือศัตรูของสมาธิ – การเลื่อนโซเชียลบ่อย ๆ ทำให้สมองเคยชินกับการเปลี่ยนโฟกัสเร็วเกินไป ส่งผลให้สมาธิลดลงแบบที่วัดผลได้จริง


2. ความตื่นตัว (Alertness) – สมองพร้อมเรียนรู้เมื่อร่างกายตื่น

ถ้าง่วง หรือรู้สึกเบลอ สมองจะรับข้อมูลใหม่ได้น้อยลง เพราะระดับสารเคมีที่ช่วยเรื่องความจำ เช่น นอร์อิพิเนฟริน (Norepinephrine) และโดพามีน (Dopamine) จะลดลง ทำให้ประสิทธิภาพในการจดจำแย่ลง

🔹 ลองทำสิ่งนี้: ออกกำลังกายเบา ๆ เพียง 20 นาที เช่น วิ่งเหยาะ ๆ หรือกระโดดตบ จะช่วยให้สมาธิดีขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ได้นานถึง 2 ชั่วโมง!


3. การนอนหลับ (Sleep) – สมองใช้เวลานอนเพื่อเก็บข้อมูล

การนอนหลับไม่ใช่แค่การพักผ่อน แต่เป็นเวลาที่สมองนำข้อมูลใหม่มาประมวลผลและจัดเก็บ ถ้าเรียนรู้สิ่งใหม่แต่พักผ่อนไม่พอ สมองอาจบันทึกข้อมูลได้ไม่ดี และบางส่วนอาจถูกลบเลือนไป

🔹 ลองทำสิ่งนี้: ถ้าต้องเรียนรู้อะไรใหม่ พยายามให้ร่างกายได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอในคืนนั้น เพราะช่วง Deep Sleep เป็นเวลาที่สมองจัดเก็บความทรงจำได้ดีที่สุด


Getting Started with AI and ChatGPT | Skooldio


4. การทำซ้ำ (Repetition) – ยิ่งฝึก สมองยิ่งจดจำ

การเห็นหรือได้ยินอะไรแค่ครั้งเดียวไม่พอ การทำซ้ำช่วยสร้าง “ไซแนปส์ (Synapse)” หรือจุดเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาท ทำให้สมองจดจำสิ่งนั้นได้ดีขึ้น

🔹 ลองทำสิ่งนี้: ทบทวนสิ่งที่เรียนรู้ภายใน 24 ชั่วโมงแรก ลองพูดออกเสียง หรือเขียนสรุป เพราะการใช้ประสาทสัมผัสที่หลากหลายช่วยให้สมองจดจำข้อมูลได้ดีขึ้น

📌 สมองจะไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เจอแค่ครั้งเดียว – ถ้าต้องการให้สมองจดจำ ต้องทำซ้ำบ่อย ๆ จนกว่าการเชื่อมต่อของเซลล์ประสาทจะแข็งแรงขึ้น


5. การพัก (Rest) – หยุดพัก เพื่อให้สมองจัดระเบียบ

สมองต้องการเวลาในการประมวลผล ถ้าเรียนรู้ติดกันนานเกินไป ข้อมูลใหม่อาจทับกับข้อมูลเก่าจนสับสน (Retrograde Interference)

🔹 ลองทำสิ่งนี้: หลังจากเรียนรู้ ลองพัก 10-20 นาทีโดยไม่ใช้มือถือ ทำกิจกรรมเบา ๆ เช่น เดินเล่น หรือจิบชา สิ่งนี้ช่วยให้สมองจัดการข้อมูลได้ดีขึ้น

📌 อย่าเรียนรู้เรื่องที่คล้ายกันติดกันเกินไป – สมองต้องการเวลาย่อยข้อมูล ถ้าเรียนรู้หลายเรื่องที่คล้ายกันเกินไป สมองอาจสับสนและลืมบางส่วนไปเลย


6. เรียนรู้จากข้อผิดพลาด (Learning from Mistakes) – ยิ่งพลาด ยิ่งจำแม่น

สมองของเรามีระบบที่ทำให้จำข้อผิดพลาดได้ดีกว่าความสำเร็จ เพื่อให้หลีกเลี่ยงปัญหาเดิมในอนาคต นี่คือเหตุผลว่าทำไมการลองผิดลองถูกจึงช่วยให้เรียนรู้ได้ดีที่สุด

🔹 ลองทำสิ่งนี้: อย่ากลัวที่จะทำผิดพลาด ลองท้าทายตัวเองให้เผชิญกับความยาก เช่น ถ้าฝึกภาษาใหม่ ลองพูดออกเสียงแม้จะผิดพลาดไปบ้าง การทำผิดช่วยให้สมองจดจำได้แม่นยำขึ้น

📌 ข้อผิดพลาดกระตุ้นการจดจำ – ความกังวลหลังทำผิดช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องเผชิญกับมัน ไม่ใช่หลีกเลี่ยง


การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัย สมาธิ ความตื่นตัว การนอนหลับ การทำซ้ำ การพัก และการเรียนรู้จากข้อผิดพลาด ถ้าคุณนำหลักการเหล่านี้ไปใช้ สมองจะเรียนรู้ได้เร็วขึ้นและจดจำได้ดีขึ้น

จำไว้ว่า – ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ สมองของคุณก็พัฒนาได้เสมอ!

ลองนำ 6 วิธีนี้ไปใช้ แล้วคุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในการเรียนรู้ของตัวเอง 

Source : Brain Hack: 6 secrets to learning faster, backed by neuroscience

More in:Productivity

Comments are closed.