🇹🇭 คนไทยควรศึกษา และเตรียมรับมือ! กลยุทธ์ปรับธุรกิจ สู้ทุนจีน 🇨🇳
ถอดกลยุทธ์ Temu แอป eCommerce จากจีน ที่สร้างความสะเทือนให้ Amazon!
ตั้งแต่เปิดตัวในเดือนกันยายน 2022 Temu ได้เปลี่ยนโฉมวงการ eCommerce อย่างรวดเร็ว ท้าทายยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon, Shein และ Etsy ซึ่งความสำเร็จของ Temu มาจากวิธีการที่หลากหลาย เช่น อัลกอริทึม กลยุทธ์การตลาดเชิงรุก และโมเดลธุรกิจที่ใช้ ‘Data’ เป็นหลัก ทำให้ภายในไม่กี่เดือน Temu กลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในวงการ eCommerce ภายในปี 2023 มียอดขายในสหรัฐฯ ประมาณ 9 พันล้านดอลลาร์ และดึงดูดผู้ใช้กว่า 100 ล้านคน
จุดเด่นของ Temu คือการเสนอสินค้าราคาถูกหลากหลายประเภท ทำให้เป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับคนที่อยากประหยัด Temu มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การชอปปิงแบบ personalized ให้กับลูกค้าแต่ละคน โดยเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่องและปรับอัลกอริทึมแบบเรียลไทม์ แพลตฟอร์มนี้เก็บข้อมูลมหาศาลจากการใช้งานของผู้ใช้ ทำให้อัลกอริทึมสามารถเรียนรู้และแนะนำสินค้าที่เหมาะกับแต่ละคนได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ
นอกจากนี้ Temu ยังออกแบบหน้าตาแอปให้น่าสนใจ เอาลูกเล่นจากโซเชียลมีเดียมาใช้ เช่น หน้าจอเลื่อนไม่มีที่สิ้นสุดแบบ TikTok หรือ Instagram ทำให้คนใช้นานขึ้น และมีเกมเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้รางวัลเป็นคูปองส่วนลดและระบบสะสมแต้ม ทำให้การชอปปิงสนุกขึ้นและดึงดูดให้ลูกค้ากลับมาบ่อย ๆ ซื้อของมากขึ้น
Temu ใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ในทุกด้านของธุรกิจ รวมถึงการผลิตสินค้าตามความต้องการของลูกค้า ทำให้ลดการสูญเสียและเพิ่มประสิทธิภาพ และ Temu ใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า “ผลิตย้อนกลับ” (reverse-manufacturing) เพื่อให้สินค้าตรงกับความต้องการลูกค้าแบบทันที โดยเริ่มแรก Temu จะผลิตสินค้าออกมาแค่จำนวนน้อย ๆ ก่อน จากนั้นก็ค่อย ๆ เพิ่มปริมาณสินค้าที่คนชอบ และตัดสินค้าที่ไม่ค่อยมีคนซื้อออกไป วิธีนี้ทำให้ Temu สามารถเปิดตัวสินค้าใหม่ ๆ ได้เร็วมาก และยังประหยัดเงินอีกด้วย
Ines Durand ผู้เชี่ยวชาญด้าน eCommerce ที่ SimilarWeb วิเคราะห์ว่า “Temu ใช้ระบบที่ยอดเยี่ยม ซึ่งอาศัยการรวบรวม Data จำนวนมากในสเกลยักษ์ใหญ่ พวกเขารวบรวม Data เกี่ยวกับแนวโน้มผู้บริโภค รวมถึง product ที่ค้นหาและคลิกมากที่สุด ซึ่งพวกเขาจะนำไปให้กับผู้ผลิตแต่ละราย”
Durand ยังเสริมอีกว่า “ในขณะที่ Amazon ขาย Data นี้ให้กับผู้ผลิตในราคาสูง แต่ Temu กลับให้ข้อมูลนี้กับผู้ผลิตฟรี ๆ ซึ่งเป็นข้อมูลที่พวกเขาใช้เพื่อ ‘ทดสอบตลาด’ ด้วย product จำนวนน้อย
สำหรับด้านการตลาด Temu ทุ่มเงินโฆษณามหาศาล โดยในปี 2023 ใช้เงินเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์โฆษณาบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Meta และ Google รวมถึงโฆษณาใน Super Bowl ด้วย ทำให้คนรู้จักแบรนด์มากขึ้นและมีผู้ใช้ใหม่เพิ่มขึ้นเยอะ แต่ก็ทำให้ต้นทุนโฆษณาสูงขึ้นและส่งผลต่อกำไรของ Temu เอง
แม้จะลดต้นทุนต่อออเดอร์ลงแล้ว Temu ก็ยังมีปัญหาเรื่องการทำกำไร เพราะต้นทุนในการหาลูกค้าใหม่สูงมาก การตั้งราคาต่ำเพื่อดึงดูดลูกค้าทำให้ขาดทุนในแต่ละออเดอร์ โดยเฉพาะในตลาดนอกสหรัฐฯ
Temu ขายของถูกกว่า Amazon 60-70% โดยต่อรองกับ Supplier และมีระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพสูง โรงงานจีนสามารถขายให้ลูกค้าอเมริกาเหนือได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านคนกลาง ทำให้ราคาถูกลงมาก
อย่างไรก็ตาม Temu ยังมีความท้าทายหลายอย่าง เช่น การส่งของจากจีนใช้เวลานานกว่า 10 วัน ซึ่งช้ากว่า Amazon มาก นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องคุณภาพสินค้าที่ไม่สม่ำเสมอ ซึ่งอาจทำให้ลูกค้าไม่กล้าซื้อของราคาแพงในอนาคต
แม้ Temu เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงในตลาด eCommerce อเมริกาอย่างน่าทึ่ง แต่ความสำเร็จในระยะยาวขึ้นอยู่กับการแก้ปัญหาดังกล่าว, การใช้ Data ที่มีอย่างฉลาด ประกอบกับกลยุทธ์การตลาดที่แยบยล และการจัดการ network ทั่วโลกอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาราคาให้ต่ำ
เรียกได้ว่า Temu ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการ eCommerce และอาจเป็นแนวทางให้เห็นว่าอนาคตวงการค้าปลีกจะต้องปรับตัวอย่างไรต่อไป
Ref:
https://newdigitalage.co/retail/how-shein-and-temus-algorithms-are-transforming-the-world-of-ecommerce/
https://alphabridge.co/featured/temus-strategies-for-explosive-growth/
https://techwireasia.com/2023/08/shein-vs-temu-the-fast-fashion-war-you-didnt-notice-happening/
https://www.bbc.com/news/business-68563339