![flat-design](https://i0.wp.com/localhost/wp-content/uploads/2018/02/flat-design.png?resize=800%2C600&ssl=1)
credit : rikitanone
การใส่ animation หรือ motion ต่างๆ ผสมผสานกับ flat design ที่เรียบง่าย เป็นแนวทางการออกแบบ UI ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพื่อช่วยให้ User ไม่รู้สึกเบื่อกับการใช้แอปพลิเคชันแบบเดิมๆ
ในบทความนี้ เราจะมาดูกันว่า Animation เหล่านั้นมีกี่ประเภทและประกอบไปด้วยองค์ประกอบอะไรบ้าง
Table of Contents
1. Hero Animations
![splash-screen](https://i0.wp.com/localhost/wp-content/uploads/2018/02/splash-screen.gif?resize=800%2C600&ssl=1)
Splash Screen (credit: cuberto)
Hero Animations ให้แปลตรงตัวเลยก็เหมือนกับ Animation หลัก ที่เป็นเสมือนตัวสร้างประสบการณ์ระหว่างแอปพลิเคชันกับ User เปรียบเสมือน Branding ของแอปเลยก็ว่าได้
ลองคิดว่าคุณกำลังนั่งเครื่องบิน แล้วไม่มี Safety Demonstration Video ไม่มีคนมาอ่านหรือทำท่าอะไรให้ดู มีแต่แผ่นพับเสียบไว้ให้เราอ่านเราก็คงไม่ได้ให้ความสนใจอะไรกับความปลอดภัยมากนัก แต่ถ้ามองในมุมกลับกันการที่มีคนมาทำท่าสนุกๆ หรือมีวิดีโอสาธิตที่น่าตื่นเต้นก็จะทำให้ลูกค้าเกิดประสบการณ์ร่วมที่ดีตั้งแต่เครื่องยังไม่ออกบิน อีกทั้งยังสร้าง Brand Image ให้กับสายการบินได้อีกด้วย
การที่ User กำลังรอ Loading จะเข้าไปใช้แอปพลิเคชัน Animation ในหน้า Splash Screen ก็สามารถสร้างประสบการณ์แรกเข้าที่น่าตื่นตาตื่นใจให้กับ User ได้
2. Micro Interactions
Micro Interactions เป็นส่วนประกอบเล็กๆ ที่ทำให้แอปไม่แข็งทื่อ สร้างความสนุกสนานให้กับการใช้งาน
ถ้าระหว่างเราอยู่บนเครื่องบินแล้วแอร์ไม่ยิ้มให้ ความประทับใจของเราที่มีต่อสายการบินนั้นคงลดลง ไม่ว่าอาหารจะอร่อยแค่ไหนก็ตาม
Micro Interactions สามารถเป็นได้ตั้งแต่การรอโหลดในแอปพลิเคชัน สติกเกอร์ที่ขยับได้ (สวัสดีวันจันทร์) ซึ่งเจ้าส่วนประกอบเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้แหละที่ทำให้แอปดูมีชีวิต มีสีสันและมี human touch มากขึ้น
3. Visual Feedback
![visual-feedback](https://i0.wp.com/localhost/wp-content/uploads/2018/02/visual-feedback.gif?resize=800%2C600&ssl=1)
credit: zeeyoung
Visual Feedback เป็นการตอบสนองจากการกด ปัด ลาก ดึงหรืออะไรก็ตามที่ User ทำกับแอปของเรา แล้ว Interface มีการตอบสนองกลับ เช่น ปุ่มเปลี่ยนสี ไอคอนเปลี่ยนขนาด หรือหน้าจอสไลด์เข้ามา เป็นต้น
ลองนึกว่าเรากดรีโมทเรียกแอร์โฮสเตสสาวสวย แต่เราไม่เห็นไฟบนหัวสว่างขึ้น เราก็คงจะไม่รู้ว่าตัวเองกดเรียกไปแล้วหรือยัง ควรต้องกดซ้ำอีกทีหรือไม่
ตัวอย่างของ Visual Feedback แบบต่างๆ
![visualfeedback-example](https://i0.wp.com/localhost/wp-content/uploads/2018/02/visualfeedback-example.gif?resize=800%2C600&ssl=1)
การเคลื่อนไหวที่ตอบสนองการเปลี่ยนผ่านระหว่างหน้าต่างๆ ในแอป (credit: Christophekerebel)
![animated-component-prioritized](https://i0.wp.com/localhost/wp-content/uploads/2018/02/animated-component-prioritized.gif?resize=800%2C600&ssl=1)
การเคลื่อนไหวของส่วนประกอบต่างๆ ตามลำดับความสำคัญ (credit : Vitaly Rubtsov)
![play-pause-animated](https://i0.wp.com/localhost/wp-content/uploads/2018/02/play-pause-animated.gif?resize=800%2C600&ssl=1)
การเปลี่ยนแปลงฟังก์ชันของปุ่มหลังถูกกด เช่น ปุ่ม Play กดแล้วกลายเป็น Pause (credit : tamaskojo)
ไม่ใช่แค่เท่ แต่ feel good
การทำกราฟิกที่เคลื่อนไหวไม่ใช่แค่เพื่อความสนุกหรือความเท่ แต่เป็นการสร้างประสบการณ์ร่วมที่ดีให้กับผู้ใช้