ในโลกธุรกิจยุคนี้ ข้อมูล หรือ Data เป็นสิ่งสำคัญที่สามารถสร้างพลังช่วย ขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าได้ แต่บางองค์กรอาจพบว่าแม้มีข้อมูลมากมายมหาศาลอยู่ในมือ แต่กลับไม่สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ และหากคู่แข่งของเราสามารถใช้ข้อมูลได้อย่างชาญฉลาด ในขณะที่เรายังคง ‘งง’ ไม่รู้จะทำยังไงกับกองข้อมูลตรงหน้า ก็อาจเป็นจุดที่ทำให้เราถูกทิ้งห่างจากคู่แข่งได้
Table of Contents
Data สำคัญกับธุรกิจอย่างไร?
ข้อมูลช่วยให้เราตัดสินใจได้ฉลาดขึ้น
การมีข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างถูกต้องจะช่วยให้เราเข้าใจลูกค้า พฤติกรรมของตลาด และประสิทธิภาพของกลยุทธ์ต่างๆ ได้อย่างลึกซึ้ง ทำให้เราสามารถปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจได้อย่างตรงจุดมากขึ้นนั่นเอง
วัดผลผิดจุด ก็เหมือนติดกระดุมเม็ดแรกผิด
สิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการใช้ข้อมูลให้เกิดประโยชน์คือ การวัดผลให้ถูกจุด เราไม่จำเป็นต้องวัดทุกสิ่ง แต่ควรโฟกัสไปที่การวัดสิ่งที่ “matter” หรือสิ่งที่สำคัญต่อการตัดสินใจทางธุรกิจ
ยกตัวอย่างเช่น บริษัทแห่งหนึ่งมียอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่มขึ้นถึง 100% ในเดือนเดียว ฟังแล้วอาจดูน่าชื่นใจ แต่ถ้า 80% ของผู้ใช้งานเหล่านั้น “churn” หรือเลิกใช้แอปภายใน 24 ชั่วโมงหลังดาวน์โหลดตัวเลขยอดดาวน์โหลดที่สวยหรูอาจไม่ได้สะท้อนว่าลูกค้าชื่นชอบผลิตภัณฑ์ของเราจริงหรือไม่ ในขณะที่การวัดผลที่ดูว่ามีลูกค้า active อยู่เพียง 20% ต่างหาก ที่สะท้อนถึงคุณค่าที่เรามอบให้กับลูกค้าได้ดีกว่า และทำให้เราสามารถนำพาธุรกิจไปในทิศทางที่ถูกต้องได้
เราควรจะวัดผลอะไรบ้าง?
Pirate Metrics หรือ AARRR! (ที่เปรียบเสมือนเสียงร้องของโจรสลัด) เป็น Framework ที่ช่วยในการวาง metrics สำหรับธุรกิจได้ เป็น Framework ที่แบ่งการวัดผลออกเป็น 5 ขั้นตอนหลัก ได้แก่
- Acquisition (A): เราดึงดูดลูกค้าให้มาเจอเราได้ดีแค่ไหน
- Activation (A): ลูกค้าที่เข้ามาใช้งาน มีประสบการณ์ที่ดีและอยากใช้ต่อหรือไม่
- Retention (R): ลูกค้ากลับมาใช้งานซ้ำหรือไม่
- Revenue (R): ลูกค้าสร้างรายได้ให้กับเราได้อย่างไร
- Referral (R): ลูกค้าแนะนำบอกต่อให้คนอื่นมาใช้หรือไม่
การทำความเข้าใจและวัดผลในแต่ละขั้นตอน จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของธุรกิจ รู้ว่าส่วนไหนมีปัญหาและควรปรับปรุง ที่สำคัญคือ อย่ามองตัวเลขเป็นแค่ตัวเลข แต่ให้มองว่าเบื้องหลังตัวเลขเหล่านั้นคือ “คน” ที่มีความต้องการและพฤติกรรม การพยายามทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเบื้องหลังตัวเลขเหล่านั้นจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง
เปลี่ยน Data ให้เป็น Insights: เข้าใจลูกค้ามากขึ้นด้วยการทดลอง
วิธีหนึ่งที่สำคัญในการเปลี่ยน Data ให้เป็น Insights คือ การทำการทดลอง หรือที่ในโลกเทคโนโลยีเรียกว่า A/B Testing
การทดลองช่วยให้เรา “ฟังเสียงลูกค้า” ได้อย่างแท้จริง หากเราต้องการทำนายพฤติกรรมลูกค้า แต่ไม่เคยทำการทดลอง ก็เหมือนไม่มีข้อมูลให้เราวิเคราะห์หรือคาดการณ์ได้เลย การทำ A/B Testing คือการนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือฟีเจอร์ 2 รูปแบบให้กับกลุ่มผู้ใช้งานที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน และดูว่าแบบไหนได้รับการตอบรับที่ดีกว่า
สิ่งสำคัญคือทั้งสองแบบต้องมีความเป็น “apples to apples” และกลุ่มทดสอบต้องมีสัดส่วนของผู้ใช้งานที่คล้ายกัน เพื่อให้ผลลัพธ์มีความน่าเชื่อถือ โดยการทดลองอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เราปรับตัวตามความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น และนำไปสู่การ personalized หรือการปรับให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าแต่ละรายได้ดียิ่งขึ้น
โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความรู้และความเชื่อที่เรามีอาจไม่ทันยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป การทำการทดลองและใช้ข้อมูลให้เป็น จึงเป็นทางออกที่ช่วยให้เราตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงมากกว่าความคิดเห็นส่วนตัว
เปลี่ยนข้อมูลมากมายในมือ ให้เป็นพลังขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้า
การมีข้อมูลมากมายก็ไม่อาจพาธุรกิจไปข้างหน้าได้ หากเราไม่รู้วิธีที่จะนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้งานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด การให้ความสำคัญกับการวัดผลที่ถูกต้อง การทำการทดลองเพื่อเข้าใจลูกค้า การตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูล จะช่วยให้องค์กรสามารถเปลี่ยนข้อมูลจำนวนมาก ให้กลายเป็นขุมทรัพย์ที่สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันได้
เริ่มต้นไปด้วยกันกับคอร์สออนไลน์ Driving Business Impact with Data ปลดล็อกศักยภาพและขับเคลื่อนธุรกิจสู่อนาคตด้วยข้อมูล เรียนกับดร. ต้า – วิโรจน์ จิรพัฒนกุล อดีต Data Scientist ที่ Facebook Inc. และ Google Developers Expert ด้าน Machine Learning
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม / สมัครเรียน คลิก Driving Business Impact with Data