ทำงานแบบคนเก่งยุคใหม่ เขาใช้ AI กันแบบนี้ 💪
สรุป Session Unlocking Potential: Generative AI as a Competitive Advantage for Business โดย ดร.วิโรจน์ จิรพัฒนกุล, ผู้ร่วมก่อตั้ง Skooldio ในงาน Digital SME Conference Thailand 2024
การทำงานแบบ SMEs มักจะมีความรู้สึกที่ว่า “เหนื่อย” มีไอเดียเยอะแต่ก็ทำไม่ไหว เพราะไม่มีเงินจ้างคนมีความสามารถ แต่ข่าวดีคือเทคโนโลยีใหม่อย่าง Generative AI จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาตรงนี้
Table of Contents
3 ความสามารถหลักของ AI
Generative AI คือ AI ที่ Generate หรือสร้างสิ่งที่เราต้องการออกมา โดยผ่านการ Prompt หรือคำสั่งที่ทำให้ AI ตอบคำถาม ซึ่ง AI ในวันนี้นั้นมีความสามารถหลัก 3 อย่าง คือ
1. Limitless INTELLIGENCE ฉลาดไม่สิ้นสุด
จุดแข็งแรกของ AI คือช่วยให้เราเข้าใจ Unstructured Data หรือข้อความ รูป หรือวิดีโอจำนวนมาก และช่วยประมวลผลออกมาตามที่เราต้องการได้ ซึ่งการใช้งานแบบนี้นั้นมีตัวอย่างที่หลากหลายมาก เช่น
🔸 การสรุปรีวิวจากลูกค้าที่แต่เดิมทีอาจจะต้องเขียนโค้ด แยกรีวิวตาม Sentiment หรือใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย แต่ในปัจจุบันเราสามารถส่งข้อมูลรีวิวสินค้าให้ GenAI ประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว
🔸 การประมวลผลรูปภาพ เช่น การอ่านรูปจากสลิปโอนเงินและสรุปออกมาเป็นข้อมูลในรูปแบบตารางทั้งผู้โอน ผู้รับเงิน ยอดเงิน และวันเวลา ที่ถึงแม้ในปัจจุบันยังไม่สามารถอ่านข้อมูลได้ถูกต้อง 100% แต่ก็ประหยัดเวลาในการทำงานอย่างมาก
🔸 การใช้ AI ให้ช่วยคิดไอเดียธุรกิจผ่าน Issue Tree เช่น ถ้าหากธุรกิจมีปัญหาที่การหากำไร องค์กรก็จำเป็นจะต้องแยกสาเหตุออกมาให้ชัดว่าเกิดจากอะไร ซึ่งแต่เดิมกระบวนการนี้อาจต้องจ้างที่ปรึกษาราคาแพง แต่เมื่อมี GenAI แล้ว ผู้ประกอบการเองก็สามารถใช้ GenAI ช่วยคิดและวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาได้ และยิ่งไปกว่านั้นการให้ GenAI ช่วยคิดนั้นสามารถระบุ Framework ที่ต้องการได้ด้วย
🔸 การใช้ AI ช่วยระดมสมอง เพราะการจะมีไอเดียที่ดีได้นั้น จำเป็นจะต้องมีไอเดียที่ “เยอะ” โดยทั่วไปคนมักจะกลัวการถูกตัดสิน แต่ AI นั้นไม่กลัวผิด ทำให้ AI สามารถแนะนำและเสนอไอเดียออกมาได้เป็นจำนวนมาก และท้ายที่สุดจะทำให้เราได้เจอไอเดียดี ๆ ที่นำไปสู่การสร้าง Innovation นั่นเอง
🔸 การใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลหรือการเขียนโค้ด ที่ฟังอาจดูเป็นเรื่องยากที่ต้องใช้ความรู้ด้าน Programming แต่การใช้ AI เข้ามาช่วยนั้นทำให้คนที่อาจไม่มีความรู้ด้าน Data หรือ Coding สามารถทำได้ เช่น การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของจำนวนโพสต์และ Impression ใน Social Media
2. Effortless IMAGINATION สร้างสรรค์ไม่ติดขัด
หลาย ๆ ครั้งที่เรามีไอเดีย แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร การใช้ AI จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์ แต่การถามเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ การใส่ Constrain หรือข้อจำกัดต่างหากที่จะทำให้เราได้คำตอบที่แตกต่างกันออกไป เหมือนกับที่ดร.ต้าเชื่อว่า “กันดาร คือ สินทรัพย์” ตัวอย่าง เช่น
🔸 การเขียนพาดหัวโพสต์ใน Social Media หากเราสั่งให้เขียนโพสต์ธรรมดา ก็จะได้ข้อความกลาง ๆ แต่ถ้าลองใส่ว่า โพสต์สำหรับ “ช่วงปีใหม่” และต้องการข้อความ “กวน ๆ” ที่เป็นเงื่อนไข ก็จะสามารถทำให้ข้อความที่ได้ออกมามีความ Unique และตรงกลุ่มเป้าหมายของเรามากขึ้นได้
🔸 การสร้างรูป ที่ถ้าหากใส่ Prompt ธรรมดาก็อาจได้แค่รูปทั่วไปที่หาได้ตามตลาด แต่หากใส่ความจำเพาะเจาะจงลงไปเพิ่ม ใส่ Reference อ้างอิงเข้าไป ก็ทำให้ได้ภาพที่มีเอกลักษณ์และมีความโดดเด่นมากขึ้น ดังนั้นหากจะสร้างรูปภาพโดยใช้ GenAI เราควรทำผ่าน 3 ขั้นตอนดังนี้
👉 Conditional Controlling หรือเงื่อนไข ซึ่งคือโครงรูปที่ต้องการ (สามารถวาดมือไปเป็นตัวอย่าง หรือตัดแปะรูปที่ต้องการมาผสมกัน) แล้วค่อยให้ GenAI สร้างรูปตามที่กำหนดแทนการใส่เพียงคำสั่งที่เป็นข้อความเพียว ๆ
👉 Inpainting หลังจากได้ภาพต้นแบบแล้วจึงนำมาปรับแต่งเพิ่มเติมต่อตามต้องการ
👉 Style Transfer สุดท้ายคือการปรับภาพตามสไตล์ที่กำหนด เช่น รูปการ์ตูน รูปสีน้ำ หรือตัวอย่างศิลปินที่ต้องการ
📍และถ้าเราใช้ AI ให้เกิดประโยชน์แล้วล่ะก็ เราจะสามารถสร้าง Hyper-Personalization at Scale
3. Seamless INTEGRATION เชื่อมต่อไม่มีสะดุด
แม้หลาย ๆ คนจะคุ้นเคยการใช้งาน AI ผ่านทางแชท แต่จริง ๆ แล้วถ้าจะใช้งาน AI ให้เกิดประโยชน์สูงสุดนั้นต้องใช้งานผ่าน API เพื่อให้การทำงานนั้นไปได้ไกลยิ่งขึ้น และสามารถสร้างระบบ Automation ได้ ตัวอย่างเช่น
🔸 ทีม Skooldio สร้าง GPT เพื่อช่วยคิด Caption สำหรับโฆษณาคอร์สเรียนสำหรับตำแหน่งงานต่าง ๆ โดยการเขียนสูตรผ่าน Spreadsheets ซึ่งการทำแบบนี้ก็ช่วยลดงานถึกลงไปได้มาก
🔸 การอัปโหลดไฟล์ผ่าน API ที่สามารถอัปโหลดได้ทั้งรูปและวิดีโอได้มากกว่าเพียงแค่ 3-5 รูปพร้อมกัน จากนั้นจึงให้ AI ช่วยแนะนำ Highlight ของวิดีโอที่ในอนาคตสามารถปรับใช้ในการทำรายการต่าง ๆ ได้
🔸 การใช้ AI ช่วยเขียนโค้ดทำงานง่าย ๆ ได้ เช่น โค้ดวิเคราะห์ข้อมูลยอดวิวจาก YouTube ช่องต่าง ๆ ด้วยที่แต่เดิมอาจต้องมีความรู้เรื่องการเขียนโค้ด แต่ในปัจจุบันเราสามารถทำได้ผ่านการเขียน Script ด้วยการถาม ChatGPT จากนั้นจึง Copy และนำโค้ดไปรัน
🔸 การใช้ AI ผ่านเครื่องมือ Low-code / No-code เพื่อตอบกลับอีเมลอัตโนมัติ ซึ่งสามารถทำได้โดยการลากวาง Workflow ให้มีการตอบกลับอัตโนมัติเมื่อมีอีเมลเข้ามาและข้อความตรงกับเงื่อนไขต่าง ๆ ที่กำหนดไว้
ซึ่งแต่เดิมหากไม่มี GenAI การทำความเข้าใจภาษามนุษย์นั้นอาจทำได้ยาก แต่เมื่อมี GenAI การทำความเข้าใจ Intention และข้อความภายในอีเมลก็ง่ายขึ้น หรือแม้กระทั่งการสร้างโพสต์ Social Media ด้วยการวาง Flow อัตโนมัติของ AI หลาย ๆ ตัวก็เช่นเดียวกัน
🔥 ดร.ต้าฝากทิ้งท้ายเอาไว้ว่า ในเมื่อจุดแข็งของ SMEs คือการลองผิดลองถูกได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นเมื่อ AI เข้ามา นี่คือโอกาสที่จะทำให้ SMEs ชนะองค์กรใหญ่ได้ “อย่ารอมันพร้อมจนเราตกขบวน”
ไม่ว่าจะเริ่มใช้ หรือ ยังไม่เคยใช้มาก่อน เนื้อหาในคอร์สนี้คือสิ่งที่คุณ ‘ต้องรู้’ เกี่ยวกับ Generative AI หากไม่อยากตกขบวน ด้วยเนื้อหาด้าน Generative ที่ออกแบบและสอนโดยอย่าง ดร. ต้า – วิโรจน์ จิรพัฒนกุล Google Developer Expert ด้าน Machine Learning
คอร์สออนไลน์ Getting Started with AI and ChatGPT ผสมผสานการบรรยายเนื้อหาภาคทฤษฎีที่สำคัญ ไปกับภาคปฏิบัติ ด้วย Demo ที่อาจารย์ผู้สอนจะสาธิตการใช้งานให้คุณเข้าใจวิธีการทำงานอย่างถ่องแท้ พร้อมกับแบบฝึกหัดต่าง ๆ ในบทเรียน ให้คุณได้ออกแบบ Prompt และลองใช้งานด้วยตนเอง
อ่านรายละเอียด/สมัครเรียน คลิก Getting Started with AI and ChatGPT
“ยุค AI มาถึงแล้ว องค์กรของคุณพร้อมแล้วหรือยัง?”
พบกับหลักสูตร Generative AI สำหรับผู้บริหารให้เริ่มทำ AI Transformation ที่ครบจบในที่เดียว Workshop 1 วันพร้อมลงมือทำจริง!
อ่านรายละเอียด/สมัครเรียน คลิก Generative AI Mastery for Executive