future-you-cover

“ตอนเด็ก ๆ ผมชอบดูโดราเอมอน แล้วมีตอนหนึ่งที่โดราเอมอนพาโนบิตะไปเจอตัวเองในอนาคต แล้วมันฉิบหายมาก จากการที่โนบิตะไม่ตั้งใจเรียน สอบได้ที่โหล่ แต่งงานกับน้องสาวไจแอนท์ แล้วครอบครัวตกอับมาก ซึ่งมันกระตุกจิตกระชากใจผมมาก”

 

“เลยค่อนข้างสนใจว่าจะเป็นยังไงถ้า AI ช่วยฉายภาพอนาคตให้เราเห็นได้ ก็เลยเกิดเป็นโปรเจกต์นี้ ที่ AI ช่วยให้เราได้คุยกับตัวเองในอนาคต แล้วสามารถกลับมาดูว่าถ้าเราเปลี่ยนอะไรในปัจจุบัน จะทำให้เราสามารถเปลี่ยนอนาคตได้ด้วยไหม” ดร.พีพี-พัทน์ ภัทรนุธาพร ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำวิจัยเกี่ยวกับ Human-AI Interaction หรือปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และปัญญาประดิษฐ์ เล่าถึงโปรเจกต์ ‘Future You’ ซึ่งเขาร่วมทำกับทีมวิจัยจาก MIT Media Lab

future-you-sign-in

มนุษย์มักมีความกังวลและสงสัยเกี่ยวกับอนาคตเสมอ และอาจจะเข้มข้นมากขึ้นในปัจจุบันที่ความเปลี่ยนแปลงทั้งรวดเร็วและคาดเดาได้ยาก AI เข้ามาทดแทนหลายทักษะที่เราเคยครอบครอง พาให้เรารู้สึกสั่นคลอนต่อคุณค่าความเป็นมนุษย์ในอนาคต ไม่แปลกที่หลายชุดคำถามจะผุดขึ้นมาคลุมเป็นบรรยากาศยุคสมัยแห่งการ burnout “เราจะเป็นอย่างไรในวันข้างหน้า?” หรือการดิ้นรนปรับตัวจะทำให้เรายอม trade-off กับคุณค่าบางอย่างที่เราเคยยึดถือ จนอาจจะ “โตไปเป็นใครที่เราไม่ชอบ”

pat-pataranutaporn

ดร.พีพี-พัทน์ ภัทรนุธาพร นักเทคโนโลยีจาก MIT Media Lab

แต่ AI ก็เหมือนเทคโนโลยีอื่น ๆ ในประวัติศาสตร์ที่มีสองด้านเสมอ ยังมีการค้นหา use cases ที่สามารถนำ AI มาแก้ปัญหาและยกระดับความเป็นอยู่ของมนุษย์ให้ดีขึ้นอยู่เสมอ เช่นเดียวกับโปรเจกต์ Future You ที่ย้อนใช้ AI จำลองให้เราสามารถพูดคุยกับตัวเองในอนาคต สร้างบทสนทนาที่มีความหมายเพื่อลดความวิตกกังวลต่ออนาคตและอารมณ์ด้านลบลดลง และเพิ่มความรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวตนในอนาคตมากขึ้น

future-you-system

“สวัสดี ฉันจากโลกอนาคต” เมื่อ AI พาเรานั่งไทม์แมชชีนไปพูดคุยกับตัวเองในอนาคต

ดร.พีพี อธิบายแพลตฟอร์ม Future You อย่างง่าย ๆ ว่า “คือเราใช้ AI สองโมเดล ตัวแรกจำลองหน้าเราในอนาคต ก็คือทำให้เราแก่นั่นแหละ อีกตัวคือโมเดลภาษาที่ช่วยสร้าง possible memory ของเราในอนาคตว่าถ้าเราอายุ 60 ชีวิตเราจะเป็นยังไงบ้าง (อ้างอิงจากประวัติและเป้าหมายปัจจุบันของเรา เพื่อให้ตัวตนอนาคตดูมีมิติและน่าเชื่อถือ) เพื่อให้คนได้ reflect และลองกลับไปคิดเปลี่ยนแปลงชีวิตในปัจจุบันของตัวเอง”

ผ่านการพูดคุยมีปฏิสัมพันธ์กับตัวตนในอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้ผู้คนสามารถสร้าง interactive future selves หรือตัวตนในอนาคตแบบโต้ตอบได้ ที่สามารถสะท้อนความฝัน เป้าหมาย และแรงบันดาลใจในอนาคต เราจะสามารถร่วมออกแบบสำรวจเส้นทางชีวิต ทดลองบทบาทและอาชีพใหม่ ๆ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสนับสนุนคุณสมบัติที่สำคัญในอนาคต ได้แก่ lifelong learning, career adaptability, และ personal growth

ไม่โตไปเป็นคนอื่น แต่เป็น “ตัวเราในอนาคตที่ดีขึ้น”

“ในทางจิตวิทยามันจะมีคำหนึ่งเรียกว่า Future Self-Continuity คือยิ่งเราเชื่อมโยงกับตัวเราในอนาคตเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะปรับพฤติกรรมในระยะยาวมากยิ่งขึ้น” ดร.พีพี เล่าเสริม

โปรเจกต์ Future You อ้างอิงถึงแนวคิด Future Self-Continuity ซึ่งหมายถึงความเชื่อมโยงระหว่างตัวเราปัจจุบันกับตัวเราในอนาคต งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าผู้ที่รู้สึกเชื่อมโยงกับอนาคตมากขึ้นจะมีพฤติกรรมการตัดสินใจระยะยาวดีขึ้น เช่น การออมเงินและสุขภาพจิตที่ดีขึ้น

โดยจากการทดลองจริงกับผู้เข้าร่วม 188 คน พบว่า Future You ช่วยลดความวิตกกังวล ลดความรู้สึกหมดไฟ และเพิ่มความเชื่อมโยงกับตัวเองในอนาคตได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ โปรเจกต์ยังได้รับความสนใจระดับโลก มีผู้ใช้มากกว่า 60,000 คนใน 190 ประเทศ และยังได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนอย่างกว้างขวาง หากสนใจอยากลองพูดคุยกับตัวเองในอนาคต สามารถทดลองใช้ Future You ได้ที่นี่

‘โชคชะตา’ หรือจะสู้ ‘Big Data’ หรือแบบนี้ AI จะแทนที่โหราศาสตร์

สิ่งที่น่าสนใจและเราได้ชวน ดร.พีพี พูดคุยต่อยอด คือการที่โมเดลการสนทนากับตัวเองในอนาคตของ ‘Future You’ ที่ใช้การคาดการณ์ความเป็นไปได้ในอนาคตด้วย AI มีความคล้ายคลึงกับศาสตร์การพยากรณ์ในโลกของการดูดวงอย่างมีนัยยะสำคัญ

ฝั่ง AI นำข้อมูลมหาศาลเกี่ยวกับพฤติกรรมและประวัติของมนุษย์มาวิเคราะห์เพื่อค้นหา ‘แพทเทิร์น’ ที่ซ่อนเร้นและนำมาใช้ทำนายอนาคต ในขณะที่อีกฝั่งหนึ่งศาสตร์ดูดวงใช้การสังเกตการเคลื่อนไหวของดวงดาวและตำแหน่งของจักรวาล ที่ผ่านการศึกษาและสืบทอดความรู้อย่างต่อเนื่องมานับพันปี ทั้งสองระบบต่างมุ่งหวังที่จะค้นหาแนวโน้มและรูปแบบที่ช่วยให้เราเข้าใจเส้นทางชีวิตในวันข้างหน้า แม้ว่าวิธีการจะแตกต่างกัน แต่เป้าหมายในการเปิดเผยอนาคตนั้นกลับมีความสอดคล้องกันอย่างน่าสนใจ

ในรายการ Living With AI ตอนที่ 4 ที่ว่าด้วยเรื่อง AI กับการดูดวง โปรเจกต์ ‘Future You’ ถูกนำเสนอในฐานะเครื่องมือที่เปรียบเทียบกับศาสตร์การพยากรณ์จากหมอดู พร้อมการถกเถียงถึงความเหมือนและความแตกต่างกันระหว่างการทำงานของ algorithm และการตีความสัญลักษณ์ในจักรวาล รวมถึงบทบาทของนักตีความและจรรยาบรรณในการทำนายอนาคต หากคุณสนใจประเด็นเหล่านี้

 

More in:AI

Comments are closed.