“ทำงานหนักมาก แต่สุดท้ายผลลัพธ์ที่ออกมาก็ยังไม่ดีพอ อาจเป็นเพราะ work hard แต่ไม่ได้ work smart”
สรุปเซสชัน AI and Employee Wellbeing: Revolutionizing Workplace Happiness and Efficiency – Jitta Case Study โดยคุณอ้อ พรทิพย์ กองชุน Chief Growth Officer ผู้ร่วมก่อตั้ง Jitta และ Jitta Wealth รวมถึงยังเป็นอดีตผู้บริหารระดับสูง Google ในงาน Thailand HR Tech Conference & Exposition 2024
คุณอ้อมาแชร์เคสการใช้ AI ทำให้ work smart ในองค์กร
🔵 AI Drive Work Efficiency
สำหรับ Customer Service เราสามารถใช้ chatbot มาช่วยทำให้งาน efficient ขึ้น ยกตัวอย่างเช่น Jitta ใช้ตัวที่ dev เอง พัฒนาจาก Google Cloud Dialogflow แต่เราต้องเทรนมันว่าต้องตอบลูกค้าแบบไหน ทำให้เราไม่ต้องทำงาน 24 ชั่วโมง มี AI ตัวนี้ที่ตอบข้อมูลของลูกค้าเอง เพราะลูกค้าใหม่ที่เข้ามาก็มักถามคำถามเดิม ๆ แต่ถ้าคำถามมัน advanced มากขึ้นอีกเราก็เทรนตัวบอทของเราได้
สิ่งนี้ช่วยชีวิตได้มาก ตอบลูกค้าประมาณแสนครั้งต่อเดือน
เวลาทำกองทุน pain point คือผลตอบแทนไม่ดี ลูกค้าไม่แฮปปี้ อยากถอนทุนคืน สิ่งที่ Jitta ทำคือเอาข้อมูลทุกอย่างที่มีของลูกค้าและตลาด มาทำเทรนให้ AI ช่วยดู ว่าใครคือลูกค้าที่อยากอยู่และอยากจะอยากไปจากเราแล้ว โดยใช้ confidence score วิเคราะห์และให้คะแนนลูกค้า
สิ่งสำคัญสุดคือต้องมีข้อมูลให้ AI เอาไปวิเคราะห์และเรียนรู้ ถ้าอยากทำต้องดูก่อนว่าเรามีข้อมูลที่จะเอามาวิเคราะห์แล้วหรือยัง
🔵 AI Boosts our productivity
Productivity สำคัญ ถ้าจะ Work life balance
Generate Employee Handbook at once!
Jitta ทำ handbook การใช้ AI ให้พนักงานซึ่งผลคือทำให้ productivity ดีขึ้นจริง ๆ
แต่วิธีใช้คือ เราต้องมี data เพื่อให้ ai เรียนรู้ องค์กรที่ไม่เคยเอาข้อมูลไว้บนดิจิทัลก็ควรต้องเริ่มทำแล้ว
🔹 Enhancing Marketing Team Performance
ส่วนใหญ่เราใช้ Gen AI ทำ OKR แต่ปัญหาที่องค์กรมักจะพบคือ เป้าหมายของ OKR คืออะไร เราอาจจะมีแค่ไอเดีย เราก็ถาม ChatGPT เลยว่าองค์กรอยากได้เป้าแบบนี้ เราจะออกแบบ OKR ของทีม Design ออกมายังไง
แต่คำตอบที่ได้จาก AI มันเป็นแค่ไอเดีย มันอาจไม่ได้ตรงขนาดนั้น ดังนั้น สกิลเดิมของเราที่มีอยู่คือการต่อยอด ทำให้มันสอดคล้องกับสิ่งที่เราตั้ง OKR
บางทีเราใช้ AI ไปถึงจุดนึง แต่ไม่เข้าใจที่มาที่ไปของพื้นฐานงานนี้เลย สิ่งที่ Jitta อยากได้คือ คุณมี Skillset พื้นฐานหรือเปล่า background เขารู้อะไรมาบ้าง สิ่งนี้ก็สำคัญ
สำหรับ Pain point การประชุมซ้อนประชุม พรีวิว AI จาก Google จะมาช่วยเรื่อง productivity ในการประชุม โดยเราสามารถสามารถส่ง AI ไปประชุมแทนได้และสามารถบอก AI ได้ว่าถ้าเขาพูดเรื่องนี้ ให้ถามคำถามด้วย ส่วนอีกฟีเจอร์คือ ให้ AI สรุปการประชุมได้
เอา AI มาทำให้มีเวลามากขึ้น work smart ขึ้น
🔵 AI Powered Mindfulness
คีย์หลักของ New Gen คือเรื่อง Work from Home เรื่องนี้ก็สำคัญ การจัดการเรื่อง work from anywhere / flexible hour
No rules rules ถึงแม้ว่าเราไม่ strict ว่าต้องเข้า-ออกงานกี่โมง แต่เรา track outcome โดยใช้เครื่องมือได้เช่น Jira / NOTION ได้
สำหรับเรื่อง unlimited vacation ทาง Jitta ก็ track อยู่ แต่ที่สำคัญคือคนไม่ค่อยลา เพราะก่อนลา พนักงานจะการพิจารณาตัวเองอยู่แล้วว่ามีงานที่ต้องทำ ทำให้คนมี accountability และทำให้เขาคิดวิเคราะห์เอง value contribution ว่าเราควรลาช่วงนั้นไหม มีวิจารณญานของตัวเอง
🔵 AI Build Wealthy Personal Finance
เงินก็เป็นเรื่องใหญ่ Well-being ของคนไทยเริ่มน้อยลง เพราะไม่ได้ดูเรื่อง personal finance
ปัญหาของ New Gen เขาไม่ได้ทำงานแล้วมีสวัสดิการอย่างเดียว แต่มีเรื่องของการเก็บเงินด้วย มีพนักงานย้ายงานอยู่เสมอ เพราะหนีหนี้ และอาจมีไลฟ์สไตล์กินหรูอยู่ดี Jitta ทำ personal finance ให้ AI มาช่วยสร้างวินัย ทุกการใช้จ่ายใช้ไปเลย แต่มีเงินออม ระหว่างทางลงทุนไม่ให้ถอน รวมถึง cashback แบบเอาไปลงทุน
AI ทำให้ช่วยเก็บเงินล้านแรกไม่ยาก ยิ่งอยากได้เงินล้านมากขึ้น ก็ควรเก็บเงินให้เร็วขึ้น
สุดท้ายองค์กรเราควรมี AI เราอาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องปรับ ถ้าเราอยากให้ employee รักองค์กรยาว ๆ การเอา AI มาสร้าง Well-being ก็สำคัญ
#PMAT #ThailandHRTech2024 #HRTechExpo #HRConference #HREvent #HRSustainable #HRLeadership #HRNetworking #HRInnovation #DigitalLeadership #AI