อยากหยิบ Features นั้นมาทำ หยิบ Bug นี้มาแก้ อยากทำทุกอย่างแต่ไม่ทัน เรียง Priority ยังไงดี?
ใครที่ทำงานใน Product Team โดยเฉพาะ Product Manager หรือ Product Owner จะต้องมีหน้าที่ในการจัดลำดับความสำคัญของ Product Backlog ว่าควรหยิบฟีเจอร์ไหนมาพัฒนาก่อน วันนี้ทาง Skooldio ขอหยิบ method ที่ใช้ในการจัดเรียง Product Backlog มาแนะนำ
Table of Contents
5 วิธีการจัดเรียง Product Backlog
1. Stack Ranking
เป็นการจัดเรียงที่เข้าใจง่ายและตรงไปตรงมาที่สุด เป็นการเอา Task มาเรียงเป็นเส้นตรง และจัดตามความสำคัญมากสุดไปน้อยสุด
ข้อดี: เข้าใจง่ายและตรงไปตรงมา เห็นลำดับขั้นความสำคัญชัดเจน เหมาะกับทีมเล็ก ๆ หรือช่วงเริ่มต้นในการทำ Product ที่ไม่ซับซ้อน
ข้อเสีย: จะเริ่มเรียงลำดับยากหากทีมใหญ่ขึ้น และไม่เหมาะกับ Product ที่มีความซับซ้อน
2. MoSCoW Method
เป็นวิธีการจัดลำดับความสำคัญโดยจัดหมวดหมู่ Backlog ออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ Must have, Should have, Could have และ Won’t have
ข้อดี: เป็นอีกวิธีที่ไม่ซับซ้อน เข้าใจง่ายและเห็นภาพชัดเจน
ข้อเสีย: ในการแบ่งกลุ่มอาจจะมีความคลุมเครือในการแบ่งประเภทหากไม่มีเกณฑ์การวัดที่เหมาะสม
3. Kano Model
เป็นรูปแบบการจัดเรียงที่อิงตามความพึงพอใจของผู้ใช้งาน (User Centricity) สามารถแบ่งกลุ่มได้เป็น 5 ประเภทคือ Excitement feature,Performance feature, Basic feature,Indifferent feature,Reverse featureโดย Excitement feature,Performance feature, Basic feature คือฟีเจอร์ที่ควรหยิบไปทำเพราะสามารถสร้าง impact และความพึงพอใจให้ลูกค้าได้
ข้อดี: ทำให้โฟกัสที่ความพึงพอใจและ impact ที่จะเกิดกับลูกค้าเป็นหลัก เหมาะกับ product ที่เน้นสร้าง positive emotional ให้กับลูกค้า
ข้อเสีย: ทีมต้องมีกาารทำ Research และทำความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง
4. Cost of Delay (CoD)
เป็นอีกรูปแบบที่นิยมในการนำมาจัดเรียง backlog โดยวิธี CoD จะพิจารณาจากค่าใช้จ่ายหรือความเสียหายต่อธุรกิจที่เกิดจากการที่ออกฟีเจอร์นั้นช้าหรือไม่ได้นำฟีเจอร์นั้นปล่อยสู่ตลาด
ข้อดี: เป็นการจัดเรียงที่เน้นฟีเจอร์ที่ impact ต่อธุรกิจ และสามารถเปรียบเทียบความสำคัญของ backlog ได้ในเชิงข้อมูลและตัวเลข
ข้อเสีย: ต้องใช้การคำนวณที่แม่นยำและใช้เวลานานในการวิเคราะห์ CoD ออกมาก ซึ่งทำให้วิธีนี้เหมาะกับองค์กรขนาดใหญ่และ Product ที่มีความซับซ้อนประมาณหนึ่ง
5. Weighted Shortest Job First (WSJF)
เป็นการจัดเรียง Backlog โดยพิจารณาจาก Cost of Delay (CoD) และขนาดของงาน (Job Size) เพื่อให้ทีมสามารถหยิบสิ่งที่สำคัญและเกิด impact โดยใช้ทรัพยากรได้น้อยที่สุด
ข้อดี: ทีมสามารถมั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าสิ่งที่ Prioritize มานั้น จะทำให้เกิด Impact มากที่สุด ในระยะเวลาที่สั้นที่สุด
ข้อเสีย: เช่นเดียวกับ CoD นั่นคือ การคำนวณที่แม่นยำในใช้เวลานาน ซึ่งเหมาะกับองค์กรใหญ่ หรือทีมที่ใช้ Scaled Agile Framework (SAFe)
ข้อเสีย: เช่นเดียวกับ CoD นั่นคือ การคำนวณที่แม่นยำในใช้เวลานาน ซึ่งเหมาะกับองค์กรใหญ่ หรือทีมที่ใช้ Scaled Agile Framework (SAFe)
วิธีจัดเรียง Backlog มีหลากหลายกระบวนการ ทีมควรเลือกหยิบไปใช้ตามความเหมาะสมของขนาดทีม และ Product ที่เราทำอยู่ กระบวนการเหล่าเป็นเครื่องมือที่ทำให้เรามั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าฟีเจอร์ที่หยิบไปพัฒนาจะสร้าง Impact และคุ้มค่าที่จะลงมือทำ