fastwork - pmat (1)-2 | Skooldio

สรุป Session Stay Ahead: How to Adapt, Learn, and Lead in the AI-driven World โดยคุณ CK CHEONG – CEO OF Fastwork ในงาน Thailand HR Tech 2025 PMAT – Personnel Management Association of Thailand

โลกการทำงานในอนาคต (Future of Work) คือสิ่งที่เราต้องเตรียมพร้อมตั้งแต่ “วันนี้”

คนทำงาน ผู้บริหาร นักศึกษา และคนทุกกลุ่มต้องปรับลู่วิ่งให้ทัน AI เพราะสิ่งนี้คืออนาคตที่กำลังจะมาถึง และถ้าเราวิ่งตามไม่ทัน อนาคตก็ไม่หยุดรอเรา

คุณซีเคเปิดเวทีด้วยการพาเราย้อนไปในประวัติศาสตร์มนุษยชาติตลอดช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา โดย

3 โครงสร้างที่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของมนุษย์

พลังงาน

ไฟฟ้าที่มาขับเคลื่อนได้ เช่น เรามีหลอดไฟ แทนการจุดไฟ ทำยังไงให้ทุกบ้านเอื้อมถึงสิ่งนี้ได้ เราเลยต้องคิดโครงสร้างใหม่ ซึ่งก็คือเสาไฟฟ้าเพื่อเป็นโครงสร้างที่ทำให้เข้าถึงทุกบ้านได้ 

ในอีก 100 ปี เราเจอความสำคัญของอีกโครงสร้างขึ้น ซึ่งสิ่งที่ว่านั้นก็คือ “ข้อมูล”

ข้อมูล

เมื่อก่อนเราต้องเข้าไปห้องสมุด เช่าหนังสือ หรือดูแผ่นซีดี หรือจะเดินทางไปสถานที่นั้นจริง ๆ ต่อมาทุกอย่างที่เราอยากรู้ก็มีในอินเทอร์เน็ต แต่ปัญหาคือตอนที่คิดค้นอินเทอร์เน็ต แถมนวัตกรรมก็มีเพียบ แต่เราไม่มีโครงสร้างที่ทำให้ทุกคนหรือคนส่วนมากเข้าถึงข้อมูลที่อยู่ในอินเทอร์เน็ตได้

สุดท้าย มันจะต้องอาศัยอีกหนึ่งปัจจัยในการทำให้พลังงานและข้อมูลเข้าถึงได้ง่ายและกระจายเป็นวงกว้างมากขึ้น ปัจจัยที่ว่าก็คือ “ความฉลาด”

ความฉลาด

ChatGPT ที่มาเปลี่ยนแปลงโลก หลังจากทุกคนมองเห็นความสำคัญทุกคนก็เข้ามาลงทุน โครงสร้างของความฉลาดไม่ใช่การ์ดจอ แต่คือ ‘Cloud Computing’ รวมโครงสร้างของพลังงานและข้อมูล

ทุกวินาทีที่หายไปคือการนับถอยหลังสู่ยุค AI อย่างเต็มตัว ไม่ช้าก็เร็ว AI จะมา disrupt ทุกภาคส่วน

55% ของคนเลิกใช้ Google แต่ใช้ AI แทน เช่น Gemini ถ้าลองสวมหมวก Google เราหาเงินจาก SEM ทุกครั้งที่คลิกลิงก์จะได้เงิน ต่อปีเขาได้เงินไปถึง 250 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ปัญหาคือ AI ไม่มีลิงก์ ก็เลยไม่ได้ ‘simple’ ที่จะมาแข่งกับ ChatGPT แต่นวัตกรรมกำลังมุ่งสู่ AI จริง ๆ

ในความน่ากลัวของ AI มีความน่าตื่นเต้น คือ Gap ระหว่างมนุษย์กับเทคโนโลยีกำลังจะหายไป

เมื่อก่อนถ้าอยากมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง ต้องไปจ้าง Software Engineer, PM ซึ่งเราต้องจ่ายเงินจ้างเค้ามหาศาล แต่ทุกวันนี้เราสามารถใช้ AI เขียนโค้ดได้แล้ว โค้ดจะกลายเป็นภาษาที่เราพูดอยู่ทุกวันได้เลย เพียงแค่สั่งด้วยภาษาไทยง่าย ๆ

ปีที่แล้ว 25% ของโค้ด Google เขียนด้วย AI จะเห็นได้ว่าเดี๋ยวนี้จาก Software Engineer -> Prompt Engineer 

คุณซีเคเล่าว่า ณ ตอนนี้ AI Cursor มีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทุกบริษัทใน Silicon valley ใช้หมดเลย แต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

สุดท้ายแล้วหน้าที่ของมนุษย์คืออะไร ?

AI จะทดแทนหลายงาน ตอนนี้หลายบริษัทมีการ ปลดพนักงานออกไปเยอะมากแล้ว หน้าที่ขององค์กรและ CEO คือทำยอดขายและสร้างรายได้สูงสุดให้ผู้ถือหุ้น ถ้ารายได้คงที่ ค่าใช้จ่ายก็ต้องลดอยู่แล้ว

ถ้าทุกวันนี้เราเริ่มกลัว นี่ถือเป็นสัญญาณที่ดีเพราะนั่นหมายความว่าคุณตื่นเต้น คำถามคือคุณจะทำยังไงกับความกลัวนั้นได้บ้างเพื่อพลิกมันให้มาเป็นอาวุธ

Technology = Amplify

เทคโนโลยีทำให้มนุษย์สามารถทำทุกสิ่งอย่างได้ง่ายขึ้น

คำว่าเทคโนโลยีมีความหมายคือ การขยายความสามารถของมนุษย์ เช่น

  • เครื่องคิดเลขที่ไม่ต้องทำให้เราคิดเลขเอง
  • เครื่องบินทำให้ค้าขายได้ไกลขึ้น
  • เครื่องจักรที่ไม่ต้องให้เราไปเก็บเกี่ยวเองแล้ว
  • ทีวีทำให้เราได้รับข่าวสารเร็วมากขึ้น 

ถ้าเราวิ่งเราแข่งกับม้าไม่ได้ ในทางกลับกัน ถ้าเรานั่งมอเตอร์ไซค์ เราอาจจะสู้ได้

แต่ทุกวันนี้ เทคโนโลยีเปลี่ยนจาก Amplify มาเป็น Replace ทำทุกอย่างที่มนุษย์ทำได้ เราไม่สามารถหยุดการพัฒนาของมันได้

ในปัจจุบัน ต้นทุนของความฉลาดคือ 0

เช่น ถ้าเราจะทำสัญญาอาจจะต้องจ้างทนายมาร่างสัญญา เราเสียเงินค่าความฉลาดและค่าเสียเวลาให้กับทนาย แต่ทุกวันนี้เราให้ AI มาร่างให้ได้ 

GDP = GDP รายหัว คูณด้วย จำนวนคน

ถ้าจำนวนคนไม่จำกัด เช่น คนที่เสิร์ฟกาแฟเป็น Robot ได้ แปลว่า GDP ก็จะ unlimited 

ในอนาคตสิ่งที่เราคิดว่าเอื้อมไม่ถึง เราจะซื้อได้หมดเลย 

อาชีพการงานในตอนนี้มันจะเปลี่ยนไปจริง ๆ

ถ้าคุณเป็น Journalist หรือนักเขียน – ก็มีความเสี่ยงมาก หลายองค์กรเลือกใช้ AI นักเขียนไม่ต้องเขียนแล้ว แต่หน้าที่ของนักเขียนจะเปลี่ยนไปคือจะต้องเป็นการหาข้อมูลที่ไม่มีในอินเทอร์เน็ต 

Designer – จากที่ต้องวาด 2 วัน ฟีดแบคให้ลูกค้า แก้กลับไปกลับมา กว่าจะปิดได้ก็เป็นสัปดาห์ แต่เราจะเปลี่ยนเป็นแข่งกันเรื่อง รสนิยม แปลว่าเราจะต้องทำให้เราโดดเด่นมากขึ้นในเรื่อง design จริง ๆ ไม่ได้แข่งในเรื่องวาดเร็วกว่ากัน เราสามารถมี AI เป็นของตัวเอง แล้ว feed taste / portfolio ของเราเข้าไป สุดท้ายแล้ว AI จะเป็นที่ปรึกษาและช่วยให้เรารับลูกค้าได้มากขึ้น

Software Engineering – ไม่ต้องเขียนโค้ดแล้ว แต่ต้องฟีดโค้ดที่อยากให้ AI เขียนให้

สิ่งที่เราต้องการ คือผู้เชี่ยวชาญจริงที่จะบอกว่าสิ่งที่ AI ทำนั้นดีพอหรือยัง จงหาวงการผู้เชี่ยวชาญที่ตอบโจทย์กับเราจริง ๆ 

แต่ AI คือ qualifier ไม่ใช่ differentiator AI จะเป็นตั๋วที่ทำให้เข้าสู่การแข่งขันได้ แต่จะไม่ได้ทำให้ชนะ

เช่น ถ้าเปิดโรงแรม ห้องสะอาดไม่ใช่จุดขาย เพราะโรงแรมต้องสะอาดอยู่แล้ว มันคือ qualifier แต่ differentiator หรือจุดตัดทีทำให้โรมแรมแห่งหนึ่งดีกว่าอีกที่คือ อาหาร, ช่างภาพประจำ, สระว่ายน้ำสวย ๆ ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่โรงแรมอื่นทำได้ไม่ดีเท่าเรา หรืออาจจะไม่มีเลย 

ถ้าทุกคนมี แต่เราไม่มี เราก็ด้อยกว่าคนอื่นเค้า การที่เรามีก็ไม่ได้แปลว่าเราจะชนะ แต่อยู่ที่วิธีใช้ 

ถ้าเราสั่ง AI ทำให้เรารวยที่สุดให้หน่อย มันก็ทำไม่ได้ สุดท้าย เราเองที่เป็น ‘Secret Sauce’

Human = The X Factor

สิ่งที่ AI ยังเอาชนะมนุษย์ในตอนนี้ไม่ได้คือ “ความสามารถในการคิดต่าง“

AI ไม่สามารถเป็น X Factor ให้คุณได้เพราะมันใช้ฐานข้อมูลเก่ามาใช้ในการประมวลผล กล่าวโดยสรุปคือมัน “คิดต่าง” ให้เราไม่ได้ หน้าที่ในการคิดนอกกรอบอยู่ที่มนุษย์ล้วนๆ

อย่างสิ่งที่สุกี้ตี๋น้อยทำ คือเอาจุดอ่อนของคู่แข่งอย่าง MK มาเป็นจุดแข็งของตัวเอง เพื่อจะลดราคาให้ลูกค้า สิ่งนี้ AI ก็ไม่สามารถคิดไม่ได้ เพราะมันเอามาจากข้อมูลเก่า ข้อมูลที่มนุษย์เป็นคนทำไว้แล้วทั้งนั้น 

ดังนั้น ‘มนุษย์’ นี่แหละที่เป็น X Factor

 

อนาคตไม่รอใคร อัปสกิลเตรียมพร้อมเป็นหัวแถวยุค AI กับเวิร์กชอปจาก Skooldio
ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้บริหาร, HR, Marketing, พนักงานออฟฟิศ, นักเรียน นักศึกษา หรือคนที่สนใจ AI เวิร์กชอปเราคัดสรรเนื้อหาแบบเน้นใช้ในงานจริง ทำงานได้จริงหลังเรียนจบ ศึกษารายละเอียดแต่ละเวิร์กชอปได้ที่เว็บไซต์ Skooldio

More in:AI

Comments are closed.