เคล็ดลับการจัดการ Software Testing อย่างมืออาชีพ ครบทั้ง Waterfall และ Agile

ทุกวันนี้ ซอฟต์แวร์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันธนาคารที่เราใช้โอนเงิน ระบบจองโรงแรม หรือแพลตฟอร์มสั่งอาหารที่ทำให้ชีวิตสะดวกขึ้น แต่เคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางแอปใช้งานได้ลื่นไหลไม่มีปัญหา ขณะที่บางแอปเต็มไปด้วยบั๊กจนใช้งานแทบไม่ได้?

เบื้องหลังความเสถียรของซอฟต์แวร์ มีทีม Software Tester หรือ QA (Quality Assurance) คอยตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกอย่างทำงานได้อย่างถูกต้องก่อนปล่อยออกสู่ผู้ใช้ การทดสอบซอฟต์แวร์ไม่ได้หมายถึงแค่การลองกดระบบเพื่อหาบั๊ก แต่ยังเกี่ยวข้องกับการวางแผน กำหนดกลยุทธ์ และเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสม เพื่อให้มั่นใจว่าระบบพร้อมใช้งานจริง

ทำไม Test Management ถึงสำคัญ?

Test Management คือการวางแผนและควบคุมกระบวนการทดสอบให้เป็นระบบ ช่วยให้ทีมระบุปัญหาได้เร็วขึ้น ลดเวลาการแก้ไขบั๊ก และทำให้การส่งมอบเป็นไปตามกำหนด นอกจากนี้ยังช่วยให้มั่นใจว่าซอฟต์แวร์ที่ปล่อยออกไปมีคุณภาพและใช้งานได้จริง

ลองนึกภาพว่าคุณกำลังพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่ ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดีจนกระทั่งช่วงสุดท้ายของโครงการ เมื่อเริ่มทดสอบระบบกลับพบปัญหาใหญ่ที่ทำให้ต้องแก้ไขโค้ดย้อนหลัง งานล่าช้า ทีมงานเครียด และต้นทุนพุ่งสูงขึ้น นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่มีการบริหารจัดการการทดสอบที่ดี

วางแผนการทดสอบให้มีประสิทธิภาพ

Test Plan และ Test Strategy เป็นหัวใจสำคัญของการบริหารจัดการการทดสอบ Test Plan กำหนดรายละเอียดของการทดสอบ เช่น ขอบเขต วัตถุประสงค์ ทรัพยากร และระยะเวลา ส่วน Test Strategy เป็นแนวทางการทดสอบที่เหมาะกับโครงการนั้น ๆ เช่น การเน้นไปที่ส่วนที่มีความเสี่ยงสูงก่อน (Risk-based Testing) หรือการปรับแนวทางตามสถานการณ์จริง (Context-driven Testing)

การวางแผนที่ดีช่วยให้ทีมทดสอบสามารถโฟกัสไปที่ส่วนสำคัญของระบบ ลดเวลาการทดสอบซ้ำซ้อน และช่วยให้โครงการเดินหน้าได้อย่างราบรื่น

การทดสอบใน Waterfall กับ Agile ต่างกันอย่างไร?

🟣 Agile testing เหมาะกับโครงการที่มีลักษณะดังต่อไปนี้:

🔹 มีการพัฒนาแบบรวดเร็วและออกเวอร์ชันบ่อย ๆ การทดสอบจะเกิดขึ้นในทุก ๆ Iteration เพื่อรองรับกระบวนการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
🔹 ทีมพัฒนาและทีมทดสอบต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด มีความยืดหยุ่นสูง และสามารถปรับตัวตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลงได้
🔹 มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยผลการทดสอบจะถูกนำกลับไปใช้ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้นในรอบถัดไปเน้นให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้ใช้ปลายทาง ทำให้ซอฟต์แวร์ออกมาตอบโจทย์การใช้งานจริงมากที่สุด
🔹 เหมาะสำหรับโปรเจกต์ที่มีความซับซ้อน และข้อกำหนดเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ เพราะสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว

🟣 Waterfall testing เหมาะกับโครงการที่มีลักษณะดังต่อไปนี้:

🔹 มีข้อกำหนดที่ชัดเจนตั้งแต่ต้น และไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ทำให้สามารถวางแผนการทดสอบได้อย่างเป็นระบบ
🔹 ใช้กระบวนการพัฒนาแบบลำดับขั้น ซึ่งแต่ละเฟสต้องเสร็จก่อนถึงจะเข้าสู่ขั้นตอนถัดไป ทำให้การทดสอบสามารถวางแผนล่วงหน้าได้ง่าย
🔹 การทดสอบเป็นขั้นตอนที่ชัดเจนและแยกออกจากการพัฒนา ซึ่งช่วยให้การจัดการและควบคุมคุณภาพเป็นไปได้ง่ายขึ้น
🔹 โปรเจกต์ที่ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงมากนัก และสามารถควบคุมข้อกำหนดของระบบได้อย่างแน่นอน
ให้ความสำคัญกับเอกสารและการตรวจสอบย้อนกลับ ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับโครงการที่ต้องการเอกสารครบถ้วนเพื่อการรับรองมาตรฐานหรือการตรวจสอบภายหลัง

หากใช้โมเดล Waterfall การทดสอบมักเกิดขึ้นหลังจากพัฒนาเสร็จสิ้น ซึ่งหมายความว่าหากพบปัญหา ต้องย้อนกลับไปแก้ไขโค้ดที่ทำเสร็จไปแล้ว ทำให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ในทางกลับกัน Agile Testing เป็นการทดสอบที่เกิดขึ้นไปพร้อม ๆ กับการพัฒนา ทีมสามารถรับ Feedback และแก้ไขได้ทันที ทำให้ซอฟต์แวร์พัฒนาได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็วกว่า

อย่างไรก็ตาม การทดสอบแบบ Agile อาจสร้างแรงกดดันให้กับทีม เพราะต้องปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการเลือกใช้แนวทางที่เหมาะสมกับทีมและโครงการเป็นสิ่งสำคัญ

วัดผล ROI ของการทดสอบอย่างไร?

การทดสอบที่ดีช่วยลดต้นทุนในการแก้ไขปัญหาหลังปล่อยซอฟต์แวร์ และเพิ่มความพึงพอใจของผู้ใช้ แต่จะวัดผลลัพธ์ได้อย่างไร? ตัวชี้วัดที่นิยมใช้ ได้แก่ Test Coverage (ดูว่าการทดสอบครอบคลุมมากแค่ไหน) Defect Density (วัดจำนวนบั๊กต่อขนาดของโค้ด) และ Test Execution Time (ดูว่าการทดสอบใช้เวลานานเท่าไร)

นอกจากนี้ การใช้ Test Automation ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทดสอบ ลดเวลาทำงานซ้ำ และช่วยให้ทีมโฟกัสไปที่งานที่สำคัญกว่า การคำนวณ ROI ของ Test Automation สามารถทำได้โดยเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายก่อนและหลังการนำ Automation มาใช้ รวมถึงดูว่าการใช้ Automation ช่วยลดจำนวนบั๊กใน Production ได้มากแค่ไหน

_______________________________

เรียนรู้การบริหารจัดการการทดสอบซอฟต์แวร์ อย่างมืออาชีพ 1 วันเต็ม ครอบคลุมทั้ง Waterfall Model และ Agile Development พร้อมเทคนิคการจัดการ Test Case & Test Scenario ทั้งแบบ Manual และ Automated Testing 👉  ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

_______________________________

References:
https://www.exposit.com/blog/software-testing-using-agile-and-waterfall-methodologies/
https://www.parasoft.com/blog/software-testing-methodologies-guide-a-high-level-overview/
https://agiletest.app/agile-testing-vs-waterfall-testing/ 

 

More in:Technology

Comments are closed.