หลาย ๆ คนคงเคยเจอเหตุการณ์ที่ ต้องนำเสนอโปรเจกต์ แต่ข้อมูลดันเยอะจนไม่รู้จะเริ่มพูดจากตรงไหน กว่าจะพรีเซนต์จบคนฟังก็หลงทาง จนต้องถามกลับมาว่า “แล้วสรุปต้องทำอะไร ?” 

เชื่อว่า ประโยคสั้น ๆ นี้ทำให้ใครต่อใครเสียความมั่นใจมาแล้ว วันนี้เราเลยอยากแนะนำเครื่องมือที่สาย Consult ใช้กันอย่าง The Pyramid Principle ที่ช่วยให้คุณเล่าเรื่องได้เป็นลำดับ ใครฟังก็ตามทันทุกประเด็น จะใช้ยังไงไปดูกันเลย!

The Pyramid Principle คืออะไร ?

The Pyramid Principle หรือ The Minto Principle คือหลักการที่ช่วยจัดเรียงข้อมูลจำนวนมากให้กระชับ ชัดเจน เข้าใจง่าย จนสามารถโน้มน้าวใจผู้ฟังได้

เทคนิคนี้ถูกคิดค้นโดย Barbara Minto พนักงานในบริษัท Consult ระดับโลกอย่าง McKinsey & Company ซึ่งโดดเด่นในด้านทักษะการเขียน โดยเธอมักจะจัดระเบียบเนื้อหารายงานเริ่มจากใจความสำคัญ แล้วมีประเด็นรองลงมาตามลำดับเหมือนชั้นพีระมิด 

โครงสร้าง The Pyramid Principle 

หลักการเรียบเรียงตามเทคนิค The Pyramid Principle ประกอบด้วย 3 ส่วนง่าย ๆ ได้แก่

  • Main Idea (สาระสำคัญ)
    สรุปใจความหลักหรือแนวคิดที่สำคัญที่สุดเพียงประโยคเดียวที่ทำให้ทุกคนเข้าใจภาพรวมได้ในทันที ควรเป็นประโยคที่สั้น กระชับ และชัดเจน
  • Key Points (ประเด็นสนับสนุน)
    ข้อสนับสนุนสำคัญหรือเหตุผลหลักในการสนับสนุน Main Idea ที่จะช่วยให้ผู้ฟังมองเห็นภาพรวมของปัญหาหรือโอกาสได้อย่างชัดเจน
  • Evidences (ข้อมูลสนับสนุน)
    รายละเอียดข้อมูล ข้อเท็จจริง หรือหลักฐานต่าง ๆ ที่ช่วยยืนยันเหตุผลสนับสนุนของเราในแต่ละข้อ เพื่อให้เหตุผลของเราน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

The Pyramid Principle

โครงสร้างหลักการ The Pyramid Principle

เพื่อใช้งานหลักการนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เราควรจัดกลุ่ม Point ให้เป็นไปตามหลัก MECE หรือ Mutually Exclusive, Collectively Exhaustive ซึ่งคือ 

  1. Mutually Exclusive (ME) เนื้อหาแต่ละประเด็นต้องแยกออกจากกันชัดเจน ไม่มีส่วนที่ทับซ้อนกัน โฟกัสไปที่ประเด็นใดประเด็นหนึ่งเท่านั้น เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจง่ายไม่สับสน เช่น ปัญหาการเงิน ปัญหาการผลิต แต่ละปัญหาเป็นอิสระต่อกันอย่างชัดเจน
  2. Collectively Exhaustive (CE) เมื่อรวมทุกประเด็นเข้าด้วยกันแล้วจะครอบคลุมทุกแง่มุมของ Main Idea อย่างครบถ้วน ไม่มีช่องโหว่ หรือส่วนใดขาดหายไป

ตัวอย่างการใช้งาน The Pyramid Principle

เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น เราลองมาดูตัวอย่างกันดีกว่า สมมติว่าเราเป็น Marketing Strategist ต้องนำเสนอแผนกลยุทธ์การตลาดสำหรับปีหน้าให้ผู้บริหารฟัง การนำเสนอครั้งนี้เราเลยอยากสรุปแผนทั้งหมดให้เข้าใจในเวลาสั้น ๆ

Main Idea : สิ่งที่อยากให้ผู้บริหารรู้ คือจะทำแผนการตลาดแบบไหน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์อะไร อาจเริ่มว่า

  • เราควรเน้นกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจาก 15% เป็น 20% จากกลุ่ม Gen Z ภายใน 12 เดือน

Key Points : ให้ประเด็นสนับสนุนว่าทำไมต้องเป็นการตลาดดิจิทัล เช่น 

  • ประเด็น 1 คือ กลยุทธ์การตลาดแบบเดิมเข้าถึงกลุ่มลูกค้า Gen Z ได้น้อยลง 
  • ประเด็น 2 คือ การลงทุนในช่องทางออนไลน์ช่วยลดต้นทุนได้มากกว่า

Evidences : บอกเหตุผลสนับสนุนในแต่ละ Key Point เช่น ประเด็น 1 ให้เหตุผลสนับสนุนว่า

  • เหตุผล 1 คือ อัตราการเข้าถึงโฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์ของ Gen Z ลดลงต่อเนื่อง 2 ปี เฉลี่ย 15% ต่อปี
  • เหตุผล 2 คือ 60% ของลูกค้าใช้เวลามากกว่า 4 ชั่วโมงต่อวันบนโซเชียลมีเดีย 

The Pyramid Principle Example

ตัวอย่างการใช้ The Pyramid Principle

The Pyramid Principle มีประโยชน์อะไรอีก ?

นอกจากจะทำให้การนำเสนอเข้าใจง่ายขึ้น มี Logic ลำดับเรื่อง The Pyramid Principle ยังช่วยให้:

  • เพิ่มความน่าเชื่อถือ และโน้มน้าวใจคนฟัง การนำเสนอข้อมูลโดยมีโครงสร้างที่ชัดเจน ตั้งแต่ข้อสรุปหลัก ไล่ลงมาถึงเหตุผลสนับสนุน และปิดท้ายด้วยข้อมูลอ้างอิง จะช่วยให้คนฟังตามทัน และคล้อยตาม ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
  • ประหยัดเวลาในการประชุม เพราะเมื่อโครงสร้างชัดเจน ทุกคนก็เข้าใจภาพรวมและประเด็นสำคัญได้ทันที ลดเวลาการถาม – ตอบซ้ำ ๆ ทำให้การประชุมโฟกัสและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • สร้างภาพลักษณ์มืออาชีพ การมีหลักฐานชัดเจนที่เรียงตามลำดับ ไม่วกวน แสดงให้เห็นว่าคนนำเสนอเป็นคนที่มีความคิดเป็นระเบียบ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่าย ยิ่งถ้าเข้าใจโครงสร้างนำเสนอของตัวเองมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้ตอบคำถามได้มั่นใจมากขึ้น

สรุปเคล็ดลับการนำ The Pyramid Principle ไปใช้แบบมืออาชีพ

  1. เริ่มต้นด้วยข้อสรุปเสมอ (Answer First)
    อย่ารอให้คนฟังไล่ตามข้อมูลจนจบก่อนถึงจะเจอสรุป เริ่มต้นจากการบอกประเด็นหลักตั้งแต่ต้น แล้วค่อยไล่เหตุผลตามมาทีหลัง 
  2. จัดเหตุผลแบบ MECE ไม่ซ้ำซ้อน และครบถ้วน)
    แยกประเด็นให้ไม่ซ้ำกัน (Mutually Exclusive) และรวมกันให้ครอบคลุมทุกมุมที่ควรรู้ (Collectively Exhaustive)

 

เรียนทำ Presentation เล่า Data แบบมืออาชีพใน 1 วัน กับ Effective Data Storytelling ที่จะพาคุณมาเรียนรู้วิธีการออกแบบสไลด์นำเสนอได้แบบมืออาชีพ และสามารถโน้มน้าวคนอื่นด้วยข้อมูลได้

เปิดตำรา 3 กุญแจสำคัญในการเล่าเรื่องให้ดี ที่ถอดบทเรียนจากสไลด์ที่บริษัทชั้นนำอย่าง McKinsey & Company ทำกัน เรียนกับผู้เชี่ยวชาญตัวจริง ศิษย์เก่า MIT

Effective Data Storytelling Card

เพราะการนำเสนอที่ดีไม่ใช่แค่สวย หรือพูดเก่ง แต่ต้องมีโครงลำดับการเล่าชัดเจนและข้อมูลที่น่าเชื่อถือด้วย 👉 อ่านรายละเอียด Workshop เพิ่มเติม 

More in:Business

Comments are closed.