แม้เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงทิศทางลมได้ แต่เราปรับใบเรือของเราได้
สรุปเซสชัน STRATEGY 2026 เทรนด์กลยุทธ์ธุรกิจปี 2026 โดยคุณ ดร.ธนัย ชรินทร์สาร (เจ้าของเพจ Strategy Essential – แก่นกลยุทธ์ by Dr. Tanai) ในงาน The Secret Sauce Summit 2025
Table of Contents
เทรนด์กลยุทธ์ธุรกิจปี 2026
การทำธุรกิจในวันนี้ยากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นแปลว่าโลกไม่เหมือนเดิม สิ่งที่เราเคยทำในอดีตอาจไม่ได้ผลดีอย่างที่คิด แต่มันก็นำมาสู่โอกาสบางอย่างที่ไม่เคยมีมาในอดีตเช่นเดียวกัน
🔸 AI-Powered Decision Making
‘กลยุทธ์คือการเลือก’ ในปัจจุบัน ทั้งประสบการณ์, การวิเคราะห์ข้อมูล, ผู้เชี่ยวชาญ สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดรวมอยู่ใน AI มันเป็นสิ่งที่สามารถมาช่วยเราได้
McKinsey ได้มีการสำรวจว่าหน่วยงานไหน บริษัทขนาดใด ผู้นำขนาดไหน อุตสาหกรรมไหนเอา GenAI มาใช้แล้ว สิ่งที่พบคืออัตราการใช้ GenAI เพิ่มขึ้นเยอะมากถึง 71% และด้าน Sales Marketing ก็ใช้ค่อนข้างเยอะ
ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ CEO / C-Level ใช้ AI เพิ่มขึ้นเยอะมาก ผู้บริหารระดับสูงเริ่มใช้ AI ในการทำกลยุทธ์
และยังพบอีกว่าบริษัทใหญ่ใช้ GenAI มากกว่าบริษัทเล็ก แต่นั่นก็หมายความว่าบริษัทขนาดเล็ก หรือขนาดกลางก็ใช้ได้เหมือนกัน เพราะเมื่อเราสามารถเข้าถึง AI ได้ การใช้ AI ก็ไม่จำกัดแค่บริษัทใหญ่ที่ใช้ได้
Use Case ที่บริษัทเอา AI มาใช้
- ในอุตสาหกรรมผู้ค้าปลีก ลองคิดตามว่าหากคุณอุตส่าห์หาลูกค้ามาแล้ว แต่เรากลับไม่มีของในสต็อกเลยจะเป็นเช่นไร Walmart รู้เรื่องนี้ดีจึงใช้ AI อ่านข้อมูลยอดขาย และธุรกรรมพร้อมคาดการณ์ว่าจะมีการซื้ออะไรในเวลาข้างหน้า ทำให้เขาวางแผนสต็อกได้ดีขึ้น
- Netflix มี Data มากมาย เช่น พฤติกรรมต่าง ๆ ของลูกค้าขณะรับชม และใช้ AI เอามาช่วยคาดการณ์ว่าภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมในยุคต่อไปคืออะไร เอามาใช้ในการกำหนดกลยุทธ์ว่าจะสร้างภาพยนตร์ประเภทใดนั่นเอง
🔸 Resilience Organization Design
เป็นเรื่องของการจัดการองค์กร เราต้องชัดเจนว่าเราจะทำอะไร จะประสบความสำเร็จด้วยวิธีไหน กลยุทธ์เปรียบเหมือนสมอง องค์กรเหมือนร่างกาย คือ คนที่ทำให้กลยุทธ์นั้นเกิดขึ้นจริง
แต่ความยากคือ โลกปัจจุบันนี้ความเสี่ยงเยอะ พอมันไม่เป็นตามที่เราออกแบบก็ลำบาก ดังนั้น แนวโน้มขององค์กรต่อจากนี้จะเป็นแบบ ‘ยืดหยุ่นสูง’ มากขึ้น ตรงข้ามกับองค์กรแบบ Lean
อิงจาก International Association for Strategy Professional เรื่องของ Resilience ในด้านของกลยุทธ์ไม่ใช่การล้มแล้วลุก มันจะดีกว่าไหม ถ้าเราสามารถจัดการกับ Disruption ได้ มองเห็น คิดไว้ล่วงหน้า เริ่มเตรียมพร้อมมาก่อนได้ ไม่ต้องเริ่มจาก 0 ไม่ต้องรอให้เกิดอะไรแล้วค่อยปรับตัว มันจะทำให้เราเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว เพราะเราทำ Scenario ไว้แล้ว
สิ่งที่ช่วยได้ให้เราปรับตัวได้ดี แต่ไม่เสียทิศทางคือ…
- Purpose / Priority / Direction: 3 สิ่งนี้ต้องชัด เพราะเป็นแก่นที่ทำให้คนในองค์กร Embrace เป็นส่วนหนึ่งขององค์กร
- Collective Execute: ทำงานเป็นทีม เมื่อหัวหน้าบอกเปลี่ยนทิศทาง แล้วทุกคนรู้จักสถานการณ์นั้น ทุกคนก็พร้อมเปลี่ยน
- Flexible Frameworks: สร้างระบบให้มีความยืดหยุ่น ไม่แข็งจนเกินไป พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลง
- Continuous Feedback Loops: เราต้องสร้าง Feedback Loops เยอะ ๆ อย่ารอครบไตรมาสแล้วค่อยคุย จบโปรเจกต์แล้วค่อยคุย อย่างเช่น Apple เป็นบริษัทใหญ่ แต่ก็มี Resilience สูง ตั้งแต่สองปีที่แล้วเขาเห็นปัญหา Geopolitics ของอเมริกา – จีน และ Apple เองก็ผลิตที่ประเทศจีนเป็นหลักด้วย ดังนั้น ถ้าในอนาคตเกิดอะไรขึ้นมา Supply Chain มีปัญหาแน่นอน Apple เลยขยายฐานการผลิตไปเวียดนาม และอินเดียแล้ว
🔸 M&A is More Complex And Strategic
แม้ซับซ้อนขึ้นแต่ก็ Strategic หนักขึ้นด้วย โดยการใช้กลยุทธ์ที่เป็น Strategic Long-Term Performance เพราะตอนนี้แม้แต่บริษัทใหญ่อย่าง Uber ก็เริ่มที่จะคุยเกี่ยวกับการเข้าซื้อกิจการ AI ชื่อว่า Pony.AI ที่เชี่ยวชาญเรื่องรถยนต์ขับได้ด้วยตัวเอง
Meta เองก็เห็นแล้วว่า AI เริ่มมา โดย AI จะช่วยให้การสนทนาไม่ได้จำกัดแค่รูป หรือ Text อีกต่อไป จากนี้เราอาจแชร์เป็นเสียง หรือวิดิโอมากขึ้น Meta เข้าซื้อบริษัท Play AI เพื่อจำลองเสียงของมนุษย์ ในอนาคตเราอาจไม่ได้แค่อ่านโพสต์ แต่อาจเป็นเหมือนเสียงของคนโพสต์พูดกับเราออกมาเลยก็ได้
🔸 Regionalization
เราเป็นบริษัทสัญชาติไทย ซึ่งตอนนี้ประเทศเราเศรษฐกิจก็ไม่ได้เติบโตมาก กำลังซื้อส่วนใหญ่ไม่ได้แรง และสิ่งที่เป็นระเบิดเวลาคือ ‘การลดลงของประชากรไทย’ ดังนั้น ความหวังของเราจึงนำไปสู่เรื่องภูมิภาค ไทยเรามีประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน เป็นกลุ่มที่น่าสนใจ และไทยเองก็เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ มีความก้าวหน้า มีอิทธิพลต่อเพื่อนบ้านที่อยู่รอบ ๆ สิ่งนี้จึงเป็นโอกาสอันดี
🔸 Choiceful Spending
สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ ด้วยเศรษฐกิจตอนนี้ ทำให้คนระมัดระวังมากขึ้น และผู้บริโภคปัจจุบันเองก็เริ่มเป็น Respond Consumer มากขึ้น ไม่ได้ซื้อตามอารมณ์ทั้งร้อยเปอร์เซนต์ ผู้บริโภคใส่ความคิดมากขึ้น มีแหล่งความรู้มากขึ้น เพื่อให้ตนเองตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด
ในฐานะคนทำธุรกิจเองก็ต้องอธิบายให้ลูกค้าได้ว่า ของเราดียังไง คุ้มค่า แตกต่างยังไง โดยไม่ใช้ท่าเดิม ๆ อย่างแค่การลดราคา / โปรโมชัน ลูกค้าเองก็อยากได้สิ่งที่เขาคิดมาอย่างดีแล้วว่าเป็นเรื่องที่ดี
ยกตัวอย่างเช่น สินค้า Commodity ที่มีคู่แข่งเหมือนกัน ทำของคล้าย ๆ กันก็ต้องหาจุดต่าง เช่น Patagonia เขาก็ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ผ้าที่เขาใช้มีเรื่องราว มีความหมาย เช่น Organic / วัสดุรีไซเคิล / ซ่อมฟรีตลอดการใช้งาน ไม่จำเป็นต้องซื้อใหม่
ดร.ธนัยเน้นย้ำอีกครั้งทั้ง 5 เรื่องที่กล่าวมา… นักกลยุทธ์จะต้องใช้ AI ในการตัดสินใจมากขึ้น และแม้ว่าจะมีเครื่องมือเข้ามาช่วย เราก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบในการตัดสินใจนั้นด้วย
ถ้าองค์กรจะ Re-Organization อยู่แล้ว อาจพิจารณาให้องค์กรมีความยืดหยุ่น พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง
M&A อาจเป็นไปได้ทั้งเราไปซื้อคนอื่น หรือให้คนอื่นซื้อเรา ตราบใดที่สามารถเพิ่มคุณค่า และสร้างความสามารถในการแข่งขันได้มากขึ้น
มองขอบเขตธุรกิจมากกว่าแค่ในไทย แต่ให้มองไปในระดับภูมิภาค เปรียบเสมือนฟุตบอลที่ไม่ใช่แค่เก่งในบ้าน แต่เก่งนอกบ้านได้ด้วย ไม่ว่าจะตลาด แหล่งผลิต แรงงาน ซึ่งควรเริ่มได้แล้ว เพราะสิ่งเหล่านี้ใช้เวลา
หลักสูตรผู้นำยุค AI สู่การสร้าง AI-First Company อย่างแท้จริง
Digital Leadership Bootcamp รุ่นที่ 6 หลักสูตรเดียวที่จะติดอาวุธทางความคิดและกลยุทธ์ เพื่อยกระดับคุณสู่การเป็น “AI-Ready Leader” ที่สามารถ:
- เปลี่ยนความท้าทายให้เป็นโอกาส: วางกลยุทธ์ AI ที่สร้างผลตอบแทนได้จริง และขับเคลื่อนการเติบโตขององค์กรอย่างยั่งยืน
- ผสานธุรกิจและเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน: สร้างระบบนิเวศดิจิทัล (Digital Ecosystem) ที่แข็งแกร่งให้พร้อมในการทำ AI Transformation
- ปลดล็อกศักยภาพทีม: สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่กล้าคิด กล้าลงมือทำ และพร้อมรับมือกับทุกความท้าทายในโลกดิจิทัลไปด้วยกัน
การันตีเสียงตอบรับจากผู้บริหาร 5 รุ่นที่ผ่านมา ว่าเป็นหลักสูตรที่ Transform องค์กรได้จริง และที่สำคัญ! คุณจะพร้อมใช้ความรู้จาก Bootcamp นี้ในการวางกลยุทธ์ธุรกิจปี 2026 ได้ทันที เริ่มเรียน 14 ตุลาคมนี้! ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม พร้อมดาวน์โหลด Syllabus