5 กลยุทธ์ 2026 เป็นธุรกิจทำกำไร ชนะใน Long Game สรุป Highlight ในงาน The Secret Sauce Summit 2025 | Skooldio

แม้เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงทิศทางลมได้ แต่เราปรับใบเรือของเราได้

สรุปเซสชัน STRATEGY 2026 เทรนด์กลยุทธ์ธุรกิจปี 2026 โดยคุณ ดร.ธนัย ชรินทร์สาร (เจ้าของเพจ Strategy Essential – แก่นกลยุทธ์ by Dr. Tanai) ในงาน The Secret Sauce Summit 2025

เทรนด์กลยุทธ์ธุรกิจปี 2026

การทำธุรกิจในวันนี้ยากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นแปลว่าโลกไม่เหมือนเดิม สิ่งที่เราเคยทำในอดีตอาจไม่ได้ผลดีอย่างที่คิด แต่มันก็นำมาสู่โอกาสบางอย่างที่ไม่เคยมีมาในอดีตเช่นเดียวกัน

ดร.ธนัยได้รวมเทรนด์มา 5 เทรนด์ ทั้งสำหรับในปี 2026 และต่อไป

AI-Powered Decision Making

‘กลยุทธ์คือการเลือก’ ในปัจจุบัน ทั้งประสบการณ์, การวิเคราะห์ข้อมูล, ผู้เชี่ยวชาญ สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดรวมอยู่ใน AI มันเป็นสิ่งที่สามารถมาช่วยเราได้

McKinsey ได้มีการสำรวจว่าหน่วยงานไหน บริษัทขนาดใด ผู้นำขนาดไหน อุตสาหกรรมไหนเอา GenAI มาใช้แล้ว สิ่งที่พบคืออัตราการใช้ GenAI เพิ่มขึ้นเยอะมากถึง 71% และด้าน Sales Marketing ก็ใช้ค่อนข้างเยอะ

ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ CEO / C-Level ใช้ AI เพิ่มขึ้นเยอะมาก ผู้บริหารระดับสูงเริ่มใช้ AI ในการทำกลยุทธ์

และยังพบอีกว่าบริษัทใหญ่ใช้ GenAI มากกว่าบริษัทเล็ก แต่นั่นก็หมายความว่าบริษัทขนาดเล็ก หรือขนาดกลางก็ใช้ได้เหมือนกัน เพราะเมื่อเราสามารถเข้าถึง AI ได้ การใช้ AI ก็ไม่จำกัดแค่บริษัทใหญ่ที่ใช้ได้

Use Case ที่บริษัทเอา AI มาใช้

  • ในอุตสาหกรรมผู้ค้าปลีก ลองคิดตามว่าหากคุณอุตส่าห์หาลูกค้ามาแล้ว แต่เรากลับไม่มีของในสต็อกเลยจะเป็นเช่นไร Walmart รู้เรื่องนี้ดีจึงใช้ AI อ่านข้อมูลยอดขาย และธุรกรรมพร้อมคาดการณ์ว่าจะมีการซื้ออะไรในเวลาข้างหน้า ทำให้เขาวางแผนสต็อกได้ดีขึ้น
  • Netflix มี Data มากมาย เช่น พฤติกรรมต่าง ๆ ของลูกค้าขณะรับชม และใช้ AI เอามาช่วยคาดการณ์ว่าภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมในยุคต่อไปคืออะไร เอามาใช้ในการกำหนดกลยุทธ์ว่าจะสร้างภาพยนตร์ประเภทใดนั่นเอง

Resilience Organization Design

เป็นเรื่องของการจัดการองค์กร เราต้องชัดเจนว่าเราจะทำอะไร จะประสบความสำเร็จด้วยวิธีไหน กลยุทธ์เปรียบเหมือนสมอง องค์กรเหมือนร่างกาย คือ คนที่ทำให้กลยุทธ์นั้นเกิดขึ้นจริง

แต่ความยากคือ โลกปัจจุบันนี้ความเสี่ยงเยอะ พอมันไม่เป็นตามที่เราออกแบบก็ลำบาก ดังนั้น แนวโน้มขององค์กรต่อจากนี้จะเป็นแบบ ‘ยืดหยุ่นสูง’ มากขึ้น ตรงข้ามกับองค์กรแบบ Lean

อิงจาก International Association for Strategy Professional เรื่องของ Resilience ในด้านของกลยุทธ์ไม่ใช่การล้มแล้วลุก มันจะดีกว่าไหม ถ้าเราสามารถจัดการกับ Disruption ได้ มองเห็น คิดไว้ล่วงหน้า เริ่มเตรียมพร้อมมาก่อนได้ ไม่ต้องเริ่มจาก 0 ไม่ต้องรอให้เกิดอะไรแล้วค่อยปรับตัว มันจะทำให้เราเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว เพราะเราทำ Scenario ไว้แล้ว

Alignment เองก็สำคัญ ทุกส่วน ทุกคนในองค์กร ยืดหยุ่นไปพร้อม ๆ กัน ทำงานร่วมกันเป็นทีม เหมือนทีมฟุตบอลที่แม้สถานการณ์ไม่เป็นตามที่คิด ก็ปรับแผนพร้อมกันแล้วชนะคู่แข่งได้
สิ่งที่ช่วยได้ให้เราปรับตัวได้ดี แต่ไม่เสียทิศทางคือ…

  • Purpose / Priority / Direction: 3 สิ่งนี้ต้องชัด เพราะเป็นแก่นที่ทำให้คนในองค์กร Embrace เป็นส่วนหนึ่งขององค์กร
  • Collective Execute: ทำงานเป็นทีม เมื่อหัวหน้าบอกเปลี่ยนทิศทาง แล้วทุกคนรู้จักสถานการณ์นั้น ทุกคนก็พร้อมเปลี่ยน
  • Flexible Frameworks: สร้างระบบให้มีความยืดหยุ่น ไม่แข็งจนเกินไป พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลง
  • Continuous Feedback Loops: เราต้องสร้าง Feedback Loops เยอะ ๆ อย่ารอครบไตรมาสแล้วค่อยคุย จบโปรเจกต์แล้วค่อยคุย อย่างเช่น Apple เป็นบริษัทใหญ่ แต่ก็มี Resilience สูง ตั้งแต่สองปีที่แล้วเขาเห็นปัญหา Geopolitics ของอเมริกา – จีน และ Apple เองก็ผลิตที่ประเทศจีนเป็นหลักด้วย ดังนั้น ถ้าในอนาคตเกิดอะไรขึ้นมา Supply Chain มีปัญหาแน่นอน Apple เลยขยายฐานการผลิตไปเวียดนาม และอินเดียแล้ว

M&A is More Complex And Strategic

แม้ซับซ้อนขึ้นแต่ก็ Strategic หนักขึ้นด้วย โดยการใช้กลยุทธ์ที่เป็น Strategic Long-Term Performance เพราะตอนนี้แม้แต่บริษัทใหญ่อย่าง Uber ก็เริ่มที่จะคุยเกี่ยวกับการเข้าซื้อกิจการ AI ชื่อว่า Pony.AI ที่เชี่ยวชาญเรื่องรถยนต์ขับได้ด้วยตัวเอง

Meta เองก็เห็นแล้วว่า AI เริ่มมา โดย AI จะช่วยให้การสนทนาไม่ได้จำกัดแค่รูป หรือ Text อีกต่อไป จากนี้เราอาจแชร์เป็นเสียง หรือวิดิโอมากขึ้น Meta เข้าซื้อบริษัท Play AI เพื่อจำลองเสียงของมนุษย์ ในอนาคตเราอาจไม่ได้แค่อ่านโพสต์ แต่อาจเป็นเหมือนเสียงของคนโพสต์พูดกับเราออกมาเลยก็ได้

ดังนั้นเราจำเป็นต้องแสวงหาความสามารถใหม่ ๆ ที่จะมาช่วยเราขยายธุรกิจต่อไป

Regionalization

เราเป็นบริษัทสัญชาติไทย ซึ่งตอนนี้ประเทศเราเศรษฐกิจก็ไม่ได้เติบโตมาก กำลังซื้อส่วนใหญ่ไม่ได้แรง และสิ่งที่เป็นระเบิดเวลาคือ ‘การลดลงของประชากรไทย’ ดังนั้น ความหวังของเราจึงนำไปสู่เรื่องภูมิภาค ไทยเรามีประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน เป็นกลุ่มที่น่าสนใจ และไทยเองก็เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ มีความก้าวหน้า มีอิทธิพลต่อเพื่อนบ้านที่อยู่รอบ ๆ สิ่งนี้จึงเป็นโอกาสอันดี

ดร.ธนัยอยากให้มองสองมุม คือ 1. มุมหาตลาด 2. การหาวัตถุดิบ และกำลังการผลิต โดยการทำทั้งสองอย่างอาจช่วยได้ ตัวอย่างเคสเช่น ธนาคารกรุงเทพ ที่กลายเป็น AEC Bank ไปทั่วทั้งภูมิภาค / เซนทรัลก็ขยายอาณาจักรไปถึงเวียดนามแล้ว / คาราบาวเองก็ประสบความสำเร็จมากในประเทศเพื่อนบ้าน

Choiceful Spending

สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ ด้วยเศรษฐกิจตอนนี้ ทำให้คนระมัดระวังมากขึ้น และผู้บริโภคปัจจุบันเองก็เริ่มเป็น Respond Consumer มากขึ้น ไม่ได้ซื้อตามอารมณ์ทั้งร้อยเปอร์เซนต์ ผู้บริโภคใส่ความคิดมากขึ้น มีแหล่งความรู้มากขึ้น เพื่อให้ตนเองตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด

ในฐานะคนทำธุรกิจเองก็ต้องอธิบายให้ลูกค้าได้ว่า ของเราดียังไง คุ้มค่า แตกต่างยังไง โดยไม่ใช้ท่าเดิม ๆ อย่างแค่การลดราคา / โปรโมชัน ลูกค้าเองก็อยากได้สิ่งที่เขาคิดมาอย่างดีแล้วว่าเป็นเรื่องที่ดี

ยกตัวอย่างเช่น สินค้า Commodity ที่มีคู่แข่งเหมือนกัน ทำของคล้าย ๆ กันก็ต้องหาจุดต่าง เช่น Patagonia เขาก็ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ผ้าที่เขาใช้มีเรื่องราว มีความหมาย เช่น Organic / วัสดุรีไซเคิล / ซ่อมฟรีตลอดการใช้งาน ไม่จำเป็นต้องซื้อใหม่

The Body Shop เองก็มีคู่แข่งมากมาย เลยชูจุดเด่นเรื่องการไม่ทดลองในสัตว์ ใช้วัตถุดิบธรรมชาติ และใช้นโยบาย Fair Trade เขาก็จะได้กลุ่มลูกค้าที่ใส่ใจในเรื่องเหล่านี้ไป

ดร.ธนัยเน้นย้ำอีกครั้งทั้ง 5 เรื่องที่กล่าวมา… นักกลยุทธ์จะต้องใช้ AI ในการตัดสินใจมากขึ้น และแม้ว่าจะมีเครื่องมือเข้ามาช่วย เราก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบในการตัดสินใจนั้นด้วย

ถ้าองค์กรจะ Re-Organization อยู่แล้ว อาจพิจารณาให้องค์กรมีความยืดหยุ่น พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง

M&A อาจเป็นไปได้ทั้งเราไปซื้อคนอื่น หรือให้คนอื่นซื้อเรา ตราบใดที่สามารถเพิ่มคุณค่า และสร้างความสามารถในการแข่งขันได้มากขึ้น

มองขอบเขตธุรกิจมากกว่าแค่ในไทย แต่ให้มองไปในระดับภูมิภาค เปรียบเสมือนฟุตบอลที่ไม่ใช่แค่เก่งในบ้าน แต่เก่งนอกบ้านได้ด้วย ไม่ว่าจะตลาด แหล่งผลิต แรงงาน ซึ่งควรเริ่มได้แล้ว เพราะสิ่งเหล่านี้ใช้เวลา

สุดท้าย ลูกค้าในวันนี้ฉลาดมากขึ้น เลือกสรรมากขึ้น และธุรกิจต้องทำตัวให้เป็นตัวเลือกของเขามากขึ้น

More in:Business

Comments are closed.