จาก 0 มุ่งสู่รายได้พันล้าน! แบรนด์ดูแลผิว INGU และ MIZUMI

สรุป Session Secrets of Thai Skincare Success สูตรปั้นแบรนด์ Skincare ไทย ชนะใจ Gen Z ฉบับ MizuMi และ INGU โดย คุณชยธร กิติยาดิศัย กรรมการบริหาร บริษัท อิ๊ง ซีเค จำกัด Ingu Skin และคุณวริษฐา สืบพันธ์วงษ์ เจ้าของแบรนด์สกินแคร์ MizuMi_Official และอาหารเสริม Bomi ในงาน The Secret Sauce Summit 2024
_____

ตั้งต้นจาก Pain แล้วจึงเริ่มต้นคิดผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์

🔹 ช่วงตั้งไข่ของ MizuMi

MizuMi เริ่มต้นเมื่อประมา​ณ 10 ปีที่แล้ว จากการที่คุณหนุยมี Passion ในการทำ Skin Care ในเวลานั้นคุณหนุยไม่สามารถหาครีมกันแดดที่ถูกใจได้ เพราะในตลาดช่วงเวลานั้นส่วนมากครีมกันแดดยังเป็นครีมที่มีส่วนผสมของสารเคมีค่อนข้างมาก เลยต้องการที่จะหาครีมกันแดดที่ดีต่อผิวและเป็น Physical 100% จึงเริ่มผลิตเอง

แต่สินค้าในตลาด Physical ในช่วงเวลานั้นยังมีราคาที่ค่อนข้างสูง คุณหนุยเองจึงเห็นช่องว่างในตลาดที่จะสามารถสร้างตัวเลือกของครีมกันแดดที่มีคุณภาพดี เป็น Physical 100% แต่ราคาอยู่ในระดับที่จับต้องได้ จึงสร้าง MizuMi ขึ้นมา

ชื่อแบรนด์ MizuMi นั้น แม้ชื่อจะดูญี่ปุ่นแต่ความจริงแล้วเป็นแบรนด์ไทยแท้ ส่วนชื่อที่ดูญี่ปุ่นนั้น คุณหนุยตั้งใจตั้งแบบนี้เพราะกรรมวิธี และเทคโนโลยีการผลิต รวมถึงวัตถุดิบต่าง ๆ นั้นนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น รวมถึงการตั้งชื่อแบบนี้ ก็ยังทำให้แบรนด์เล่าง่ายและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีอีกด้วย

และหลังจากมี Concept และมีผลิตภัณฑ์แล้ว คุณหนุยจึงได้เริ่มทำการทดสอบในตลาด ด้วยการทำ Focus Group เพื่อเก็บ Feedback จากกลุ่มตัวอย่างผู้ใช้งาน
_____

🔸 จุดตั้งต้นของ INGU

คุณอิ๊งมี Background ในแวดวงการผลิต Skin Care อยู่แล้ว และมองว่าทุก ๆ ปัญหาผิวนั้นจะมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์อยู่แล้ว แต่คนทั่วไปอาจยังไม่มีความรู้มากเพียงพอที่จะเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับปัญหาผิวพรรณของตัวเอง จึงออกมาเปิดช่องทางการให้ความรู้ก่อนที่จะเริ่มสร้างแบรนด์ของตัวเอง

ด้วยภาพลักษณ์ของการให้ความรู้ด้าน Skin Care ยิ่งช่วยส่งเสริมให้ INGU นั้นมีความน่าเชื่อถือ และนอกจากนี้คุณอิ๊งเองก็ได้เน้นย้ำถึง Core Values 5 ข้อของแบรนด์ INGU ได้แก่ Transparent Science, Simplify to Amplify, Facts without Fear, Reallistivally Sustainable และ Empower Local Producers ที่เป็นตัวช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของ INGU เป็นที่นิยมในปัจจุบัน

และในช่วงเริ่มต้นนั้น INGU เริ่มจากผลิตภัณฑ์เพียงแค่ 3 อย่างคือ โฟมล้างหน้า Moisturizer และครีมกันแดด เพราะมองว่าเพียงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องเพียงแค่นี้ก็ช่วยให้สภาพผิวดีมากขึ้นแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องใช้ Skin Care เกินขนาดหรือเกิดความจำเป็นนั่นเอง จนเกิดเป็น Campaign ในช่วงเวลานี้คือ #StopSkinCareOverdose
_____
จาก 0 ถึง 100 และจาก 100 ถึง 1,000

🔹MizuMi ต้องเริ่มขายผ่านช่องทางอื่นบ้าง

ช่วงแรกยังเติบโตค่อนข้างช้า ตลาดออนไลน์ยังไม่ได้เป็นที่นิยม มีช่องทางการขายเพียงไม่กี่ทาง แต่พอมีโอกาสได้ขยาย Channel เริ่มไปวางสินค้าที่ Watson หรือ Physical Stores ต่าง ๆ ก็ทำให้ยอดขายดีขึ้น

คุณหนุยจึงสังเกตเห็นถึงสัญญาณว่า จริง ๆ แล้วความต้องการของผู้บริโภคมี แต่ลูกค้าแค่ยังเข้าไม่ถึง เนื่องจากไม่มีช่องทางให้มาซื้อหรือสัมผัสผลิตภัณฑ์จริง จึงได้หันมาให้ความสนใจกับการขายผ่านช่องทางร้านต่าง ๆ มากขึ้นด้วย

คุณหนุยยังบอกอีกว่า ถ้าไม่มี Product ที่จะดึงดูด Market ที่ใหญ่เพียงพอ ก็จะไม่สามารถไปถึง 1,000 ล้านได้ ซึ่งคิดง่าย ๆ ได้จากสมการ P x Q ถ้าหากไม่สามารถเพิ่ม Q หรือปริมาณสินค้าที่ขายออกไปได้ ก็ไม่สามารถขยาย Market Share ได้ เพราะขอแค่เพียง 1% ของ Market ที่ใหญ่ เท่านี้ก็จะสามารถไปถึง 1,000 ล้านได้

ส่วนการเพิ่ม Q นั้น สามารถเป็นไปได้หลายทาง ทั้งเพิ่มช่องทางการขาย การเพิ่ม SKUs หรือความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ รวมถึงการสร้าง Awareness และ Relevancy เพื่อให้ลูกค้าใหม่ ๆ เห็นและรับรู้ถึงผลิตภัณฑ์ของเรา

ทั้งนี้ทั้งนั้น การตั้งเป้า Q ก็ต้องเป็นไปตามพื้นฐานความเป็นจริง เป้าหมายต้องมีความเป็นไปได้ที่จะไปถึง
_____

🔸สำหรับ INGU นั้น Branding คือคำตอบ

ตลาด Skin Care นั้นถือเป็นตลาด Red Ocean มาก ๆ เรื่อง Branding จึงสำคัญ การมีสินค้าที่ดีเป็นแค่พื้นฐาน แต่ Branding จะเป็นสิ่งที่ทำให้แบรนด์เฉิดฉาย

INGU ลงทุนและให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์มาก ๆ เพื่อให้ธุรกิจอยู่ได้นาน ทั้งการทำโฆษณา การให้ความรู้ทางด้าน Skin Care กับผู้บริโภคในตลาด เพื่อสร้างภาพจำที่ดี

นอกจากนั้นการจะไปถึง 1,000 ล้านได้ ก็จำเป็นจะต้องใส่ใจเรื่องของ Channel เช่นเดียวกัน ต้องเริ่มมีการขายผ่านช่องทาง Offline ด้วย เพื่อสร้างตัวตนให้แบรนด์ ลูกค้ารู้สึกจับต้องได้ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคเมื่อได้สัมผัสสินค้าจริง ซึ่ง BA หรือ Beauty Assistance ก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่ช่วยให้แบรนด์เติบโตอย่างยั่งยืน
_____
Challenge ในการทำแบรนด์ตอนนี้

🔸 คุณอิ๊งมองว่าเรื่องของคนเป็นเรื่องที่ท้าทาย ที่ต้องหาคนเก่ง มีความสามารถมาร่วมงานกันในแต่ละส่วน หรือการบริหารจัดการคนในองค์กรให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถ Scale ธุรกิจได้

🔹 ส่วนคุณหนุยมองว่าความสามารถในการปรับตัวให้สามารถรับมือกับเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคได้ก็ยากไม่แพ้กัน เช่น ปริมาณของ Inventory ที่เปลี่ยนไป พฤติกรรมการซื้อของลูกค้า นอกจากนี้ Organizational Structure ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ยังมีความยากอยู่
_____
สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องมีเพื่อฝ่าฝันอุปสรรคในช่วงเวลานี้

🔸 คุณอิ๊งตอบว่าสิ่งนั้นคือแรงจูงใจอันแรงกล้า ที่พร้อมจะท้าทายทุกอุปสรรค เพราะความยากในการทำธุรกิจ คือการทำอย่างไรให้แบรนด์อยู่ได้ในระยะยาว ไม่ใช่แค่การจัดโปรโมชันหรือกลยุทธ์ระยะสั้นที่จะทำให้ธุรกิจอยู่รอด แต่ต้องเป็น DNA ของแบรนด์ หรือความเชื่อต่างหากที่จะทำให้แบรนด์ยืนระยะได้

🔹 คุณหนุยแชร์ว่าการเป็นผู้ประกอบการ ต้องมีวินัยในการจุดไฟให้ตัวเอง พร้อมจะเดินไปข้างหน้า ถึงแม้จะอยู่ในวันที่หมดไฟ ต่อมาคือต้องเรียนรู้ที่จะลงมือทำ และสุดท้ายคือลุกให้เร็วเมื่อล้มลง มองกลับไปที่ปัญหาว่าสิ่งที่พลาดคืออะไร แล้วจะไม่ผิดซ้ำได้อย่างไร
_____

สุดท้ายทั้ง 2 ท่านยังฝากเอาไว้ว่าการทำธุรกิจไม่มีวันที่พร้อม แต่ทุกวันคือการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ต้องอย่าพัฒนาธุรกิจจนลืมพัฒนาตัวเอง


การทำธุรกิจแบบเดิมอาจใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไปถึงเวลาต้องปรับกลยุทธ์ นำดิจิทัลและ AI มาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ เพื่อให้ก้าวทันการแข่งขันในยุคนี้ !

ทุกหลักสูตรถูกออกแบบเพื่อผู้นำโดยเฉพาะและสามารถจัดอบรมในรูปแบบ Inhouse Training ได้

ฟรี! ปรึกษากับ Course Assistants ได้โดยตรง 👉 คลิกเลย


#Skooldio
#TheSecretSauceSummit2024
#TheSecretSauce #marketing #branding #skincare #ecommerce #ขายของออนไลน์ #entrepreneur

More in:Business

Comments are closed.