bitkub - pmat | Skooldio

สรุป Session The True Mindset: Adapting to change in a Fast-paced Digital World โดยคุณ จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา – FOUNDER AND GROUP CEO BITKUB CAPITAL GROUP HOLDINGS CO., LTD.  Bitkub ในงาน Thailand HR Tech 2025 

โอกาสอยู่ที่ไหน และความเสี่ยงอยู่ที่ไหน

ในอีก 5 ปีข้างหน้า ถ้าไม่เป็น AI-enabled person ตกงาน 100% บริษัทส่วนใหญ่ไม่รับพนักงานเพิ่มแล้ว AI จะเป็น replacer ของคนที่ออก

เหมือนเมื่อก่อนที่ใครใช้คอมพิวเตอร์หรืออินเทอร์เน็ตไม่เป็น ไม่รอด ทุกคนจะเป็น manager ไม่มี junior แล้ว junior จะเป็น AI ที่ฉลาดกว่าเด็ก MIT, Harvard ทำงานได้ 24 ชั่วโมง ยิ่งทำงานยิ่งฉลาด นอกเหนืองานก็ยังมีเลขาส่วนตัว

Skill Set อะไรที่ต้องฝึก?

Manager ที่ดีคือต้องสั่งงานเก่ง 

พูดภาษา Prompt Engineer กับ AI รู้เรื่อง เข้าใจเป้าหมาย Direction ขององค์กร แล้ว prompt ให้ AI ทำงานต่อเป็น ยังไงก็ไม่มีทางตกงาน

Manager ที่ทำงานมานาน เวลาพูดภาษาที่เข้าใจมานาน สั่งงานแบบไม่เคลียร์ แล้วน้อง ๆ ก็กว่าจะเข้าใจนานมาก แต่เราไม่โทษตัวเองที่เราสั่งไม่ดี ทุกวันนี้เหมือนกัน

ถ้าเรา prompt แบบกลม ๆ ได้คำตอบเหมือนกัน แต่แพงมาก แพงกว่ามนุษย์หาเองอีก 

Manager เก่งไม่เก่งอยู่ที่สกิลการสื่อสาร

5 ปีข้างหน้าไม่มีบริษัทไหนไม่ใช้ AI ดังนั้นปัจจุบันนี้เราก็อย่าไปรอ ให้ใช้ ‘เลขาส่วนตัว’ ไปเลย 

ทุกวันนี้คุณท๊อปบอกว่าไม่ได้ใช้ Google Search เลย ใช้แต่ ChatGPT ถ้า token หมด limit ต่อวันคนก็ไม่รู้จะทำงานยังไงแล้ว

คนที่จะไม่ตกงานในอนาคตคือ AI-enabled Employee 

การที่จะฝึก prompt ไม่ได้ต้องรออีก 5 ปีข้างหน้าหรือใช้แค่เรื่องงานอย่างเดียว ใช้เรื่องส่วนตัวก็ได้ แล้วลองดูว่าผลลัพธ์เป็นยังไง เราควร over invest กับเครื่องมือพวกนี้ เพื่อเพิ่ม productivity ของเรา ถ้า area ไหนหรือคนไหนไม่มี productivity หรือลดลง คนนั้นไม่รอด 

ในโลกของทุนนิยม เราต้องทำตัวให้ Productive ที่สุด 

HR ต้องศึกษา Small team, big impact คุณท๊อปเล่าว่าตอนนี้ให้ mission ‘Stay Gold’ ทีมในการเปิดบริษัทอีกหนึ่งบริษัท ว่าห้ามมีพนักงานเกิน 10 คน โดยที่ 10 คนนี้ห้ามทำงานแบบปกติ ให้สั่งอย่างเดียว แล้วให้คนทำงานคือ AI เท่านั้น ผลคือ เสร็จทั้งเว็บไซต์และ mobile application โดยที่คนในทีมไม่สามารถเขียนโค้ดได้เลย แต่ใช้ AI ช่วยอย่าง n8n รวมถึง pitch deck ก็ใช้ AI ด้วยเช่นกัน

อนาคต เราสามารถสร้างยอดขายพันล้าน โดยที่มีพนักงานแค่ 10 คนได้

แล้วคนที่ไม่ปรับตัว จะอยู่รอดได้ยังไง

ที่ผ่านมาเราคิดว่าเราทำงาน แต่จริง ๆ เป็นแค่ memory จากการกด จากการ navigate software ต่อไปเราแค่สั่ง ไม่ได้ต้องมี technical อะไร ทุกคนใช้ software หมด 

จริง ๆ เรื่องนี้ มันต้องเริ่มตั้งแต่เมื่อวาน อย่ารออีก 5 ปีข้างหน้า

ASI – Artificial Specific Intelligence 

มีงานวิจัยที่ให้คนกับ AI แต่งกลอน แล้วไปให้คนเลือกมาว่าชอบอันไหนมากกว่า ผลคือคนส่วนมากชอบสิ่งที่ AI เขียนมากกว่า แต่ flaw ของ study นี่คือผลสำรวจมาจากคนทั่วไป ไม่ใช่คอกวีจริง ๆ แต่ถ้าถามกวีระดับโลก คนยังชนะอยู่

เพราะเราไม่ใช้มนุษย์ทำงานแล้ว nature การเก็บ data จะต้องเป็น text based ให้ AI เอาไปใช้

อีก 5 ปีข้างหน้า เราจะไปถึง AGI – Artificial General Intelligence ไม่ได้ rely on text based อย่างเดียวแล้ว LLM ถ้าเราเอา text ทั่วโลกยัดเข้าไป มันจะฉลาดเท่ากับเด็ก 4 ขวบ 

ซึ่ง AI จะไม่ได้มี input จากแค่ text อย่างเดียว จะเป็น format อะไรก็ได้ เพราะมันจะสามารถมี sensory, vision และจะ surpass human intelligent ในหลาย domain expert 

คือจากที่ specific มันจะยิ่ง general และครอบคลุมหลาย scope มากขึ้น จะไม่ได้หยุดแค่ pattern recognition เท่านั้น

วิธีที่จะไปกับโลกอนาคตได้คือรู้ว่ามันกำลังจะไปทางไหน พอเรารู้แล้วว่าอนาคตจะเป็นยังไง 

เราจะต้องอัปสกิลในเรื่องการพัฒนาอาชีพของตัวเองหรือการลงทุนไปทางไหนดี

44% ของสกิลเราจะไม่มีประโยชน์แล้ว เพราะเราสามารถสั่ง AI ได้ เช่น สกิลการทำ Presentation ก็ยังมีอยู่ในตัว แต่ก็ยังสู้ AI ไม่ได้ ดังนั้นการ reskill upskill เป็นสิ่งสำคัญ เรื่องการเรียนไม่ได้เป็นของเด็ก ๆ มัธยมที่จะเข้าสู่มหาวิทยาลัยอีกต่อไป แต่คนทั้งประเทศ หรือ 1 ใน 3 ของประเทศ ต้องกลับไปเรียนหนังสือใหม่ ภายในปี 2030

อะไรโดน disrupt ด้วย AI บ้าง?

ทางการแพทย์ ต้นทุนจะลดลง 20% 

Microsoft ประกาศว่าเค้าทำโปรตีนสังเคราะห์และวัสดุสังเคราะห์ที่แข็งแรงกว่าเพชรได้แล้ว ที่เมื่อก่อนเราไม่สามารถทำได้เพราะยากและมีต้นทุนในการทดลองที่สูงมาก การจะทดลอง marginal cost เป็น 0 จะลองอีกกี่ครั้งก็ไม่มีต้นทุนแล้ว ซึ่งทั้งหมดนี้เป็น AI-made ไม่ใช่มนุษย์เป็นผู้คิด นอกจากนี้ การคิดค้นยา จาก 40 ปีจะเหลือแค่ 10 ปีแล้ว 

ถ้าเป็นในเรื่องของ quantum มัน generate data มหาศาลที่มนุษย์ไม่เคยทำได้มาก่อน

AI กิน data เป็นอาหาร มันจะเก่งได้ ถ้ามีข้อมูลมากพอ

อนาคต เครื่องมือหรือแอปพลิเคชันที่ใช้ในองค์กรเป็น AI-driven ทุกตัว เช่น Slack ก็มี SlackAI แล้ว หน้าที่อาจจะไม่ได้อยู่ที่คนข้างล่าง แต่อยู่ที่คนข้างบนว่าเค้าจะยอมจ่าย เพื่อจะซื้อ เปลี่ยนวิธีการทำงานหรือเปล่า

ในฝั่งของ HR org chart จะเปลี่ยนไปมหาศาล

จาก Macro Muscle group จะเป็น Micro Muscle group ทีมจะเล็กลง และวันไหนไม่มีอินเทอร์เน็ตหรือ token AI หมดก็ทำงานไม่ได้ 

แล้วทุกคนจะเป็น AI-enabled employee

AI Automation

อีกสิ่งที่สำคัญคือ การทำ Automation อย่าง Bitkub การใช้เครื่องมือ n8n มาสร้าง workflow automation โดยที่ทุกคนทำได้ ไม่ต้องพึ่ง Software Engineer แล้ว 

HR อาจจะต้องลองแยกดูว่าใน job description มีอะไรบ้างที่ใช้ AI แทนได้หรือว่างานไหนต้องใช้มนุษย์ คนก็จะมีเวลามากขึ้น สุดท้ายจะเกิด rebundling เอา position ที่ automate ไม่ได้มารวมกัน เป็นอีกตำแหน่งที่จะไม่ตกงาน เช่น Marketing ที่เขียนคอนเทนต์แล้ว AI อาจจะเขียนแทนได้ อาจจะต้องลองไปเรียนรู้สกิลใหม่ ๆ อย่าง pitching เพื่อเตรียมตัวสำหรับการควบรวมของตำแหน่งในอนาคต 

ในความเป็นจริง การที่จะควบรวมตำแหน่ง มันไม่ได้เป็นแบบ linear แต่จะเป็นแบบ exponential replacement และใน 5 ปีข้างหน้า บริษัทที่มีพนักงาน 50 คน แต่เป็น AI leverage จะมี output เหมือนมีพนักงานเป็นหมื่นคน

ประเทศไทยยัง under invest ในเรื่องนี้ คุณท๊อปบอกว่าตอนนี้ถ้าพนักงาน บริษัทหรือรัฐบาลไม่ใช้สุดท้ายจะเป็นคน/ประเทศที่ obsolete

ใครสนใจอยากเรียนจัดเต็มครบทุก AI ใน 3 วันกับเวิร์กชอป Generative AI for Marketing Transformation
เรียนรู้การใช้ AI ครบลูปการทำงานให้พร้อม Use Case ที่คุณเอาไปใช้กับงานจริงได้ทันที
ให้ AI ช่วยวางแผนกลยุทธ์ วิเคราะห์ตลาด วิเคราะห์ข้อมูลหา Insight
ใช้ AI สร้างคอนเทนต์ Text, Image, VDO
ไปจนถึงการทำ AI Automation การวาง Flow ให้ AI ทำงานแทนคุณได้แบบอัตโนมัติ
หากคุณเป็นคนทำงานที่อยาก Work Smart ในยุค AI ต้องรีบแล้ว! อ่านรายละเอียดและสมัครเรียนได้ที่ Generative AI for Marketing Transformation
Generative AI for Marketing Transformation | Skooldio



More in:AI

Comments are closed.