กลยุทธ์การทดสอบเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ Dev และ QA สามารถร่วมมือกันสร้างซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพได้ แต่หลายทีมมักพบกับความท้าทาย เช่น มีการเขียน Test จำนวนมากแต่ก็ยังเจอ Bug หรือบางทีมเน้นเขียน End-to-End Test ทั้งหมดจนใช้เวลานานและเปราะบางเกินไป

หากคุณเคยเจอสถานการณ์แบบนี้ “Test Pyramid” คือแนวทางที่จะช่วยให้ทีมของคุณมีกลยุทธ์การ Testing ที่ดีขึ้น ไม่เพียงแค่ช่วยให้โค้ดมีคุณภาพ แต่ยังทำให้ Dev และ QA ทำงานร่วมกันได้อย่างเข้าใจมากขึ้นด้วย

Testable Architecture Design | Skooldio

ทำไมต้องเป็น Pyramid?

Test Pyramid เป็นแนวคิดที่เสนอโดย Mike Cohn ในหนังสือ “Succeeding with Agile” (2009) เพื่อเป็นกรอบการทำงาน (framework) ที่ช่วยให้นักพัฒนาและทีมซอฟต์แวร์จัดลำดับความสำคัญและสร้างกลยุทธ์การทดสอบอัตโนมัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แนวคิดนี้เปรียบเทียบระดับของการทดสอบกับรูปทรงของพีระมิด โดยส่วนฐานที่กว้างที่สุดคือ Test ที่ควรมีจำนวนมากที่สุด และเมื่อไล่ขึ้นไปด้านบน จำนวนของ Test ควรลดลงเรื่อย ๆ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าทั้งในแง่ของเวลา, ทรัพยากร และผลลัพธ์ที่ได้รับ

Test Pyramid จึงประกอบด้วย 3 ชั้นหลัก ได้แก่ Unit Test, Integration Test และ End-to-End Test (UI Test) ซึ่งแต่ละชั้นมีความแตกต่างกันทั้งในด้านระดับการทดสอบ, ความเร็ว และเป้าหมายในการใช้งาน

Test Pyramid | Skooldio

Test Pyramid

มาเข้าใจแต่ละระดับของการทดสอบใน Pyramid กัน

Unit Test

Unit Test คือการทดสอบที่อยู่ฐานของพีระมิดและควรมีจำนวนมากที่สุด การทดสอบระดับนี้มีจุดประสงค์เพื่อตรวจสอบฟังก์ชันย่อย ๆ หรือ Component แต่ละชิ้นของระบบแบบแยกส่วน โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับระบบภายนอก ทำให้สามารถรันได้เร็วมากและช่วยให้ Dev รู้ได้ทันทีเมื่อโค้ดมีปัญหา

Integration Test

Integration Test คือการทดสอบในชั้นกลางของพีระมิด มีจุดประสงค์เพื่อทดสอบว่าหลาย ๆ ส่วนของระบบสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างถูกต้อง เช่น การเรียก API ของ Frontend แล้ว Backend ตอบกลับได้ หรือการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลแล้วได้ข้อมูลครบถ้วน แม้จะใช้เวลานานกว่า Unit Test แต่ก็สำคัญอย่างยิ่งในการตรวจสอบความสมบูรณ์ของ Flow หลัก ๆ ในระบบ

End-to-End Test (UI Test)

End-to-End Test คือการทดสอบที่อยู่ยอดของพีระมิดและควรมีจำนวนน้อยที่สุด มีจุดประสงค์เพื่อจำลองพฤติกรรมของผู้ใช้งานจริงผ่าน Interface เช่น การกรอกฟอร์มหรือการคลิกปุ่ม เพื่อทดสอบ Flow การใช้งานแบบเต็มระบบ การทดสอบนี้ให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด แต่ก็มีข้อควรระวังคือใช้เวลารันนาน, เปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลง UI และต้องใช้ทรัพยากรในการดูแลสูง

ถ้าไม่จัดโครงสร้าง Test ให้ดี จะเกิดอะไรขึ้น?

หลายทีมพัฒนาเจอปัญหาที่คล้ายกัน หากเขียนแต่ UI Test เมื่อเกิดข้อผิดพลาดขึ้น จะไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัดว่าส่วนไหนที่พัง เพราะการทดสอบระดับนี้เกี่ยวข้องกับหลายส่วนของระบบ ในทางกลับกัน หากมีแต่ Unit Test ทีมก็อาจจะปล่อยฟีเจอร์ออกไปโดยไม่มีการตรวจสอบว่าแต่ละส่วนทำงานร่วมกันได้หรือไม่ จนเกิด Bug ในระดับ Integration ที่ผู้ใช้เจอเอง

การจัดลำดับความสำคัญและปริมาณ Test ให้สมดุลตามแนวคิดของ Test Pyramid จึงช่วยให้ทีมสามารถพัฒนาได้อย่างมั่นใจ, ตรวจจับปัญหาได้เร็ว และประหยัดเวลาในการดูแลรักษาระบบในระยะยาว

แนวทางที่แนะนำสำหรับการใช้ Test Pyramid

สิ่งสำคัญที่ควรจำคือ ควรเริ่มจากการเขียน Unit Test ให้ครอบคลุมก่อน หากไม่สามารถทดสอบที่ระดับนี้ได้ จึงค่อยขยับไปที่ Integration Test และเพิ่ม End-to-End Test เท่าที่จำเป็น โดยเฉพาะกับ Flow การทำงานที่สำคัญและส่งผลกระทบต่อผู้ใช้โดยตรง

นอกจากนี้ ไม่จำเป็นต้องทำ Automated Test กับทุกอย่าง ควรเลือกใช้เท่าที่จำเป็นและเหมาะสม เพราะบางการทดสอบก็ไม่เหมาะกับการทำแบบอัตโนมัติ Manual Test จึงยังมีความสำคัญอยู่

การทำ Testing ทุกรูปแบบมีต้นทุนทั้งในเรื่องของเวลาและความพยายามในการดูแลรักษาชุดทดสอบ ดังนั้น เราจึงควรออกแบบกระบวนการทดสอบให้เหมาะสมกับลักษณะของ Product เพื่อให้การพัฒนาซอฟต์แวร์มีประสิทธิภาพและสมดุลที่สุด


เรียนรู้ Mindset เป็น Dev ที่ออกแบบระบบให้ Test ง่าย

Testable Architecture Design | Skooldio

พบกับคอร์สออนไลน์แรกในไทย ‘Testable Architecture Design’ ที่จะพาคุณเจาะลึก Mindset และหลักการออกแบบระบบ ให้คุณสร้างโค้ดที่ Test ง่าย เปลี่ยนได้อย่างมั่นใจ พร้อมเติบโตสู่การเป็น Senior Dev ตัวท็อปในวงการ

สิ่งที่คุณจะได้เรียนรู้แบบเน้น ๆ
✅ เข้าใจความต่างของการเขียนเทสต์จากมุม QA vs Dev
✅ รู้จัก Testable Architecture และวิธีออกแบบระบบให้เขียนเทสต์ได้ง่าย
✅ จัดการ Unit/Sub-unit และใช้ Test Pyramid อย่างถูกต้อง
✅ แก้ระบบจริงจากโจทย์จริง พร้อมฝึกคิดแบบ Software Designer
✅ เข้าใจแนวคิด Inversion of Control (IoC) และออกแบบระบบโดยไม่ยึดติดกับ Pattern ใด ๆ

👨🏻‍💻 สอนโดยคุณชาคริต ฤทธาคนี Technical Lead Innovation Studio Southeast Asia ที่ ThoughtWorks ที่จะมาถ่ายทอดทั้งความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมจากการทำงานจริง ให้คุณนำไปปรับใช้ได้ทันที โดยไม่ต้องลองผิดลองถูกเอง

คอร์สนี้เหมาะกับใคร❓
– Junior-Mid Level Developers ที่มีประสบการณ์มาแล้ว และอยากเข้าใจหลักการเบื้องหลัง หลักการออกแบบระบบให้เทสต์ได้
– Senior Developers / Tech Leads ที่มีบทบาทในการวางรากฐาน ออกแบบ Architecture ของระบบที่กำลังพัฒนา เพื่อสร้างโครงสร้างที่แข็งแรงและทำให้ทีมสามารถเขียน Test ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
– Software Architects ที่รับผิดชอบในการออกแบบโครงสร้างระบบในภาพรวม และต้องการแนวคิดที่ช่วยสร้าง Architecture ที่เอื้อต่อการทดสอบได้ง่ายและยืดหยุ่นในระยะยาว
– QA ที่อยากเข้าใจฝั่ง Dev เพื่อทำงานร่วมกันให้ลื่นไหลยิ่งขึ้น

สมัครเรียน / ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คลิก Testable Architecture Design

More in:Technology

Comments are closed.