ทุกวันนี้ Technology ได้มีพัฒนาอย่างก้าวกระโดดอย่างมาก รวมไปถึงภาษา Programming Language น่าสนใจใหม่ ๆ มากมาย กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมกับ Community ที่กำลังใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
ซึ่งในทักษะการเขียนโปรแกรมนั่น เรียกได้ว่าความรู้เกี่ยวกับภาษา Programming นั้นเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญ และทักษะที่จำเป็นสำหรับชาว Developer และคนทำงานด้าน Technology ในบทความนี้ ทาง Skooldio ได้รวม 7 ภาษา Programming ที่น่าเรียนรู้สำหรับ 2021-2022 มาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกัน
1. JavaScript
JavaScript (JS) เป็นภาษาสำหรับการทำ Frontend Development ซึ่งมักจะใช้กันอย่างแพร่หลายในการทำ Frontend Web Application ต่างๆ โดยเฉพาะ Web App ที่มีความ interactive ยกตัวอย่างเช่น การทำให้มี Popup เด้งขึ้นมาตอนที่เรากดปุ่ม Button เป็นต้น
ทุกวันนี้ ในหลายๆ องค์กร โดยเฉพาะบริษัทสตาร์ทอัป จะนิยมใช้ NodeJS ซึ่งเป็น Runtime Environment ที่ใช้ภาษา JavaScript ซึ่งตัว NodeJS นั้น ทำให้ developer สามารถใช้ Javascript สำหรับการทำฝั่ง Server หรือก็คือฝั่ง Backend ได้ ทำให้ในตอนนี้ สำหรับภาษา JS นั้น สามารถที่จะใช้ได้ทั้งในฝั่งของการทำฝั่ง Frontend และ Backend ได้ในภาษาเดียว ทำให้การเรียนรู้ JavaScript นั้นคุ้มมากๆ เพราะเรียนรู้ครั้งเดียว แต่สามารถทำงานได้หลากหลายทั้ง Frontend และ Backend
JavaScript ยังเป็นภาษาที่ถูกใช้มากที่สุดในโลกอีกด้วย ทั้ง Social Media ระดับโลกอย่าง Facebook, Google, YouTube หรือบริษัทสตาร์ทอัปชื่อดังอย่าง Uber นั้นก็ล้วนใช้ JavaScript ในการพัฒนา และ JavaScript ยังติดอันดับ Top 10 ภาษา Programming ยอดนิยมที่สุดมาอย่างต่อเนื่องหลายปีอีกด้วย นอกจากนี้ JavaScript ก็ยังสามารถนำไปพัฒนา Mobile Application หรือแม้กระทั่งเกมได้ด้วยเช่นกัน
ระดับความยากในการเรียนรู้ภาษา JavaScript: ง่าย (ปานกลางสำหรับ JavaScript ขั้นสูง)
ข้อดีของ JavaScript
- มีความยืดหยุ่นสูง สามารถเอาไปใช้งานกับ Application ได้หลายรูปแบบ
- เป็นภาษาหลักในการทำ Web Development
- มี Resources เยอะมากและมี Community Support อย่างหนาแน่น
- เป็นภาษาที่ใช้เหมาะและใช้ง่ายสำหรับการรัน Code บน Browser
- สามารถใช้ในการทำ Modern Web Application เว็บแอปสมัยใหม่ต่าง ๆ ได้ดี
- เป็นภาษาที่คนนิยมใช้เป็นจำนวนมาก
- เรียนรู้ได้ค่อนข้างง่ายเมื่อเทียบกับภาษา Programming อื่น ๆ
ข้อเสียของ JavaScript
- คอนเซปต์บางอย่างของ JavaScript อาจจะเข้าใจได้ค่อนข้างยากสำหรับมือใหม่ เช่นเรื่อง this กับเรื่อง dynamic binding
- อาจจะถูกรันแล้วเกิดผลที่แตกต่างกันในแต่ละ Browsers ต่างๆ
JavaScript ทำอะไรได้บ้าง?
- Modern Web Development โดยใช้ Framework & Library อย่าง React, Vue และ Angular
- Backend Server Development โดยใช้ Node.js และ Backend Framework ต่างๆ
- Mobile Application ด้วย React Native
- Desktop Application ด้วย Electron.js
- Game Development ด้วย Phaser.js
2. Python
ความสำคัญที่มากขึ้นเรื่อยๆ ของเรื่อง Data ในธุรกิจนั้น ทำให้ความนิยมและความต้องการของภาษา Python นั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
ภาษา Python นั้นเป็นภาษาที่สามารถใช้ได้ทั้งสำหรับการพัฒนาฝั่ง server-side development , การพัฒนา Web Application, การเขียน Automation Script อย่าง Web Scraping, การวิเคราะห์ข้อมูล ไปจนถึงการทำ โมเดล Machine Learning จนเรียกได้ว่าภาษา Python นั้น เป็นภาษามีความสามารถรอบด้านมากทีเดียว
ในการทำ web application ขนาดใหญ่ ทั้ง Youtube, Instagram, Pinterest ต่างก็ใช้ Python ในการพัฒนาด้วยกันทั้งสิ้น และอีกหลากหลายบริษัทที่ใช้ Python เป็นภาษาหลักในการพัฒนาระบบ backend หลังบ้าน
นอกจากนี้ Python ก็ยังมี library tools และ framework ต่างๆ จำนวนมาก และมี community ที่ใหญ่มากด้วยเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้นก็คือภาษา Python นั้น เป็นภาษาที่สามารถเข้าใจและเรียนรู้ได้ง่าย แม้สำหรับมือใหม่ก็ตาม และก็ยังเป็นภาษาที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปว่า เป็นหนึ่งภาษาที่ดีที่สุด เหมาะที่สุด ที่จะเรียนรู้เป็นภาษาแรก ซึ่งเหมาะมากที่จะเป็นภาษาสำหรับผู้ที่เริ่มต้นในการเขียนโปรแกรม
ความเรียบง่ายของภาษา Python นั้นทำให้การพัฒนาซอฟต์แวร์ด้วย Python นั้นมีความลื่นไหลและมีประสิทธิภาพ จึงไม่น่าแปลกใจที่ว่าทำไม Python ถึงได้เป็นหนึ่งในภาษาที่มีคนนิยมและชื่นชอบมากที่สุดภาษานึง และมีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย และ Python เป็นภาษาที่ได้รับความนิยมสูงสุดอันดับ 2 ใน GitHub (เป็นรองจาก JavaScript)
ระดับความยากในการเรียนรู้ภาษา Python: ง่าย เหมาะกับผู้เริ่มต้น
ข้อดีของ Python
- สร้างและใช้งาน Class กับ Object ได้ง่ายด้วยหลักการ OOP
- เป็น Open Source ที่มี Community ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
- มี library support เป็นจำนวนมาก
- โค้ด Python สามารถอ่านได้ง่าย
- สามารถใช้กับงาน Scale ใหญ่และมีความซับซ้อนสูงได้
- เหมาะสำหรับการสร้าง prototype และทดสอบไอเดียได้อย่างรวดเร็ว
- เรียนรู้ได้ง่าย เป็นหนึ่งในภาษาที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่สุด
- ช่วยให้ Developer มี Productivity ที่สูงขึ้น
- สามารถใช้งานได้หลากหลาย แทบในทุกรูปแบบ ตั้งแต่ web application, สาย data, หรือกระทั่งการพัฒนาเกม และ cross-platform ด้วย
- เป็นภาษาที่มีความนิยมสูง ทำให้มีตำแหน่งงานจำนวนมากตามมา
ข้อเสียของ Python
- โปรแกรมทำงานค่อนข้างช้า เนื่องจากต้องใช้ Interpreter แทนการ Compile
- ไม่ค่อยเหมาะสำหรับการทำ Mobile Application
- ทำ Multithread ได้ไม่ค่อยดีเพราะมี GIL (Global Interpreter Lock)
Python ทำอะไรได้บ้าง?
- Web Application & Backend Development โดยใช้ Django Framework
- Data Science & Machine Learning ด้วย Pandas, Numpy, TensorFlow และอื่นๆ มากมาย
- Data Engineering ด้วย Airflow, PySpark
- Web Scraping Script ด้วย BeautifulSoup
- Desktop Application, Mobile Application, Game Development และอื่นๆ มากมาย
3. Golang
ภาษา Golang หรือ Go เป็นภาษาที่ถูกพัฒนาโดย Google ในปี 2007 เพื่อเอามาใช้แทนภาษาอย่าง Java, C และ C++ และเป็นภาษาที่เป็น Open Source
โปรเจคอย่าง Kubernetes, Docker และ Blockchain ใช้ Golang ในการทำ Multi-Threading และการทำ Concurrent Programming เพราะว่า Golang ถูกออกแบบมาเพื่อให้ทำงานประเภทนี้ได้ง่าย
นอกจากนี้ ภาษา Golang ยังเป็นภาษาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายใน Silicon Valley ด้วย
สำหรับมือใหม่ ภาษา Golang ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในภาษาที่เรียนรู้ได้ง่ายภาษานึง เพราะว่า Golang นั้นจะเน้นที่ความ simple หรือความเรียบง่ายของภาษา ทำให้เรียนรู้ได้ง่าย และนอกจากนี้ ภาษา Golang นั้นยังเป็นภาษาที่รันได้เร็วมากที่สุดภาษานึงอีกด้วย
ภาษา Golang นั้นสามารถใช้ทำได้หลายอย่าง ทั้งทำ Web Development ในฝั่ง Backend, ทำเกี่ยวกับ DevOps Automation, Command Line Tools และรวมถึงการทำ Cloud Application และ Network Application ด้วย
ระดับความยากในการเรียนรู้ภาษา Golang: ค่อนข้างง่าย
ข้อดีของ Golang
- เป็นภาษาที่สร้างโดย และสนับสนุนโดย Google
- เป็นภาษาที่เป็น Static Type ทำให้ป้องกัน error บางส่วนได้
- มี syntax ที่เรียบง่าย ทำให้เรียนรู้ได้ไม่ยาก
- มี standard library และ built-in function ที่ครอบคลุมการใช้งานใน application ยุคใหม่
- เป็นภาษาที่ทำงานเร็ว เนื่องจากเป็นภาษาที่ใช้การ compile
- ออกแบบมาเพื่อลดความยุ่งยากของการทำ concurrent programming และ multithreading
- มีรองรับ Testing แบบ Built-in โดยที่ไม่ต้องลง library เพิ่ม
ข้อเสียของ Golang
- เป็นภาษาที่ค่อนข้างใหม่ เมื่อเทียบกับภาษาอื่นๆ ทำให้อาจจะยังไม่มี resource มากเมื่อเทียบกับภาษาอื่นๆ
- ภาษา Go ไม่รองรับการใช้ Generics ทำให้ต้องมีการเขียนโค้ดซ้ำๆ สำหรับ function ต่างๆ
Golang ทำอะไรได้บ้าง?
- Web Application & Backend Development โดยใช้ Tools อย่าง Gin Gonic, Martini, Buffalo
- DevOps Automation สร้าง Script ใช้ในการทำ CI/CD Pipeline ต่างๆ
- Cloud Native Application ตัวอย่างโปรเจคชื่อดังคือ Docker และ Kubernetes
- Command Line Interface Tools โดยใช้ Cobra, Viper
สำหรับผู้ที่สนใจภาษา Go เพิ่มเติม สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษา Go ได้ที่นี่
4. Kotlin
ระบบปฏิบัติการ Android บนมือถือนั้น คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นหนึ่งในระบบที่มีความนิยมที่สุดทั่วโลก ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ Google ได้ทำการประกาศให้ภาษา Kotlin นั้นเป็นภาษาหลักสำหรับการพัฒนา Android Application
โดยภาษา Kotlin นั้น ถูกออกแบบมาให้สามารถทำงานร่วมกันกับภาษา Java ได้ 100% ซึ่งเป็นภาษาเดิมที่ใช้สำหรับการพัฒนา Android ก่อนหน้านี้ที่จะมี Kotlin
แต่ว่า Kotlin เองนั้น ไม่ได้มีดีแค่สำหรับการทำ Android Application เพียงอย่างเดียว เพราะ Kotlin ก็สามารถนำมาใช้ในการพัฒนา Web Application, Backend Development และล่าสุด Kotlin สามารถทำ Mobile Application แบบ Cross Platform ได้อีกด้วย
ซึ่งภาษา Kotlin เองก็เป็นหนึ่งในภาษาที่น่าจับตามอง และมี Community ที่กำลังเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นภาษาที่หากเรียนรู้ไว้จะทำให้มีความได้เปรียบในด้านการทำงานสำหรับชาว Developer
ระดับความยากในการเรียนรู้ภาษา Kotlin: ปานกลาง
ข้อดีของ Kotlin
- เป็นภาษาหลักสำหรับ Android Development
- สามารถใช้งานได้หลากหลายทั้ง Web Development, Backend Development และ Mobile Application
- เป็นภาษาที่กำลังโต และมี community ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
- สามารถใช้งานร่วมกันกับ Java ได้ 100%
- ภาษามีความกระชับ อ่านง่าย เข้าใจง่าย
ข้อเสียของ Kotlin
- ถึงจะเป็นภาษาที่กำลังโต แต่ก็อาจจะยังมี resource และ community ที่ค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับภาษาอื่นๆ
Kotlin ทำอะไรได้บ้าง?
- Android Application Development (Native) โดยใช้ tools อย่าง Android Studio
- Web Application & Backend Development โดยใช้ Spring Framework
- Cross Platform Mobile Application โดย KMM (Kotlin Multiplatform Mobile)
5. Swift
เมื่อพูดถึง Android OS แล้ว แน่นอนว่าก็ต้องมีฝั่งคู่แข่งสำคัญอย่าง iOS ของ Apple ด้วยเช่นกัน ซึ่งภาษาหลักที่ใช้ในการพัฒนาสำหรับ iOS Application นั้นก็คือภาษา Swift นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่า iOS device ต่างๆ นั้นก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงมาก เช่น iPhone ที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงมากของโลกที่เป็นการแข่งขันสำคัญของ Android
ซึ่ง Swift นั้นก็สามารถนำมาใช้พัฒนา Application สำหรับ macOS ที่ใช้ในเครื่อง MacBook รุ่นต่างๆ ได้ด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่าถ้าอยากทำ Application สำหรับชาว Apple แล้วละก็ เลือกภาษา Swift เป็นคำตอบที่ตอบโจทย์นี้ที่สุดเลยก็ว่าได้
ซึ่งภาษา Swift เป็นภาษา Open Source ที่ออกแบบมาเพื่อเน้นความปลอดภัยของโค้ดเป็นหลัก และเน้นในเรื่องของความเร็วของการทำงานของโค้ดด้วยเช่นกัน และภาษา Swift ก็ยังเป็นภาษาที่เมื่อเรียนรู้แล้ว สามารถเขียนได้ง่าย ทำให้เป็นที่ชื่นชอบในกลุ่ม iOS Developer อีกด้วย
ระดับความยากในการเรียนรู้ภาษา Swift: ปานกลาง
ข้อดีของ Swift
- สนับสนุนอย่างเป็นทางการโดย Apple
- มี Auto Memory Management ที่ป้องกันการเกิด Memory Leaks ให้โดยอัตโนมัติ
- ภาษา Swift ออกแบบมาเพื่อให้อ่านและเข้าใจได้ง่าย เพราะคล้ายการอ่านภาษาอังกฤษ
- เป็นภาษาที่มีความเร็วสูงกว่าหลายๆ ภาษาอื่นๆ เช่น Python
- ถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถเพิ่ม Feature ใหม่ๆ ของ Application ได้ง่าย
- โค้ดมีความกระชับ ไม่ยืดยาว ทำให้เขียนง่ายและอ่านง่าย
ข้อเสียของ Swift
- มี resource และ community ที่ค่อนข้างจำกัด
- ไม่รองรับทำงานร่วมกับ iOS เวอร์ชันเก่าก่อน iOS7 ที่อาจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้
Swift ทำอะไรได้บ้าง?
- iOS Mobile Application โดยใช้ tools อย่าง Xcode
- Desktop MacOS Application ใช้ Xcode เช่นเดียวกับ iOS App
- Server Side Development โดยใช้ Vapor, Kitura
6. Dart
เมื่อพูดถึงการพัฒนา Mobile Application แล้ว หนึ่งเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงในสาย Mobile ขณะนี้เลยนั่นก็คือ Flutter นั่นเอง ซึ่ง Flutter นั้นเป็น Toolkit ที่ใช้ภาษา Dart สำหรับพัฒนา Native Mobile Application ที่สามารถรันได้บนทั้ง Android และ iOS แบบ Cross Platform
ซึ่ง Dart นั้น เป็นภาษาที่ Google ตั้งใจสร้างขึ้นมาเพื่อที่จะเป็นภาษาทางเลือกของ JavaScript โดยสามารถนำ Dart มาสร้าง Application ต่างๆ ได้ทั้ง Mobile, Desktop, Server และ Web Application ได้
เรียกได้ว่าภาษา Dart นั้นเริ่มเป็นภาษาที่ชาว Mobile Developer จับตามองกัน เมื่อมีการเปิดตัว Flutter อย่างเป็นทางการเกิดขึ้น นับว่าเป็นหนึ่งในมาภาษาที่กำลังมาแรงมากเลยทีเดียว เพราะว่าสามารถที่จะเขียนทั้ง Android และ iOS Application ได้ด้วยภาษา Dart เพียงภาษาเดียว (แทนการเรียน 2 ภาษาอย่าง Kotlin และ Swift)
ระดับความยากในการเรียนรู้ภาษา Dart: ปานกลาง
สามารถอัปสกิลเขียน Cross-Platform App ด้วย Flutter กับคอร์สออนไลน์ใหม่ของ Skooldio ได้ที่นี่เลย
ข้อดีของ Dart
- Dart ถูกพัฒนาและสนับสนุนอย่างเป็นทางการโดย Google
- ภาษา Dart นั้น เป็นภาษาที่สามารถเรียนรู้ได้ง่าย เพราะมีความคล้ายกันกับภาษา JavaScript
- มี Documentation ที่ค่อนข้างครบครัน เพราะว่ามี Google ที่คอยสนับสนุน
- Dart มีประสิทธิภาพความเร็วการทำงานที่สูงกว่า เมื่อเทียบกับภาษา JavaScript
- มี Support การทำ OOP ทั้งในด้าน Inheritance, Interface และ Optional Typing
ข้อเสียของ Dart
- เป็นภาษาน้องใหม่ที่ทำให้มี Resources และ Community ที่น้อยเมื่อเทียบกับภาษาอื่นๆ
- เป็นภาษาที่กำลังอยู่ในช่วงพัฒนา ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างบ่อยกว่าภาษาอื่นๆ
Dart ทำอะไรได้บ้าง?
- Native Android & iOS Application โดยใช้ Flutter
- Web Application โดยใช้ Flutter เช่นกัน
- Desktop Application โดยใช้ Flutter เช่นกัน (Beta)
7. Java
เมื่อพูดถึงภาษา Programming โดยเฉพาะภาษาที่รองรับ OOP ด้วยแล้ว คงจะขาดภาษานี้ไปไม่ได้เลย นั่นก็คือภาษา Java
ภาษา Java นับว่าเป็นหนึ่งในภาษา OOP ที่มีอยู่มายาวนานภาษาหนึ่ง ซึ่งถึงแม้อาจจะเป็นภาษาที่ค่อนข้างเก่า แต่เนื่องด้วยความสามารถที่หลากหลาย และความเสถียรของภาษาที่ผ่านการพัฒนาในช่วงระยะเวลาอันยาวนาน จึงยังทำให้ Java เป็นหนึ่งในภาษาที่มีความนิยมสูงอยู่ในปัจจุบัน Java นั้นสามารถนำไปใช้กับการทำงานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการทำ Web Application, Server Side Application, Android Apps, Desktop App หรือแม้กระทั่งเกมอย่าง Minecraft
ซึ่งจุดเด่นของ Java นั้นคือ Java สามารถรันได้บน OS ไหนก็ได้ ด้วยความสามารถของ Java Virtual Machine หรือ JVM และก็มีความสเถียรที่สูง ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับบริษัทใหญ่ระดับ Enterprise และแน่นอนว่า Library, Tools และ Community ของ Java นั้นมีมากมายอย่างล้นหลามอีกด้วย ทำให้ภาษา Java นั้น ก็ยังคงเป็นหนึ่งในภาษาที่ยังคงน่าเรียนรู้ไว้ในยุคนี้เช่นเดียวกัน
ระดับความยากในการเรียนรู้ภาษา Java: ง่ายถึงปานกลาง
ข้อดีของ Java
- มี open-source library จำนวนมากให้ใช้ได้
- มี Auto Memory Allocation และ Garbage Collection
- รองกับการเขียนแบบ OOP
- มี API ในการเชื่อมต่อ Database, Networking และ Utilities อื่นๆ ที่เสถียร
- เป็นภาษา Cross Platform และสามารถใช้ได้กับหลากหลายรูปแบบ Application
- รองรับการทำ Multithreading
ข้อเสียของ Java
- ใช้ Memory หรือ RAM ค่อนข้างสูงในการทำงาน
- ความนิยมของภาษาในยุคหลังๆ เริ่มค่อยๆ ลดลง
Java ทำอะไรได้บ้าง?
- Web Application & Backend Development ด้วย Spring Framework
- Android Application โดยใช้ tools อย่าง Android Studio
- Game Development อย่างเกมชื่อดังระดับโลกอย่าง Minecraft
- Big Data เช่นใช้กับ Hadoop, Hive, Spark
บทสรุป
- สำหรับคนที่สนใจทำด้าน Frontend Web Development ที่มีความ interactive เยอะๆ แนะนำภาษา JavaScript โดยศึกษา Library และ Framework ต่างๆ เพิ่มเติม เช่น React, Vue, Angular เพิ่มเติม
- สำหรับคนที่สนใจทำด้าน Backend ทำ API หรือ Server Side Development แนะนำเป็นภาษา JavaScript (โดยใช้ Node.js), ภาษา Python, ภาษา Go หรือ Golang และภาษา Java (หรืออาจจะเป็นภาษาอื่นๆ เพิ่มเติมอย่างเช่น C# หรือ PHP ก็ได้ด้วยเช่นกัน)
- สำหรับคนที่อยากทำ Fullstack Web Development แนะนำให้เริ่มต้นจากภาษา JavaScript ก่อน เพราะจะสามารถทำได้ทั้ง Frontend และ Backend ได้ด้วยภาษาเดียว และค่อยต่อยอดไปภาษา Backend อื่น ๆ ได้ตามข้อ 3
- สำหรับคนที่สนใจทำ Mobile Application Development ถ้าอยากที่จะเป็น Android Developer โดยเฉพาะ แนะนำให้เรียนภาษา Kotlin และสำหรับ iOS Developer แนะนำให้เรียนภาษา Swift แต่ถ้าอยากที่จะเรียนภาษาเดียวแล้วสามารถทำได้ทั้ง Android และ iOS แนะนำให้เรียนภาษา Dart ควบคู่กับเครื่องมืออย่าง Flutter
- สำหรับคนที่สนใจทำด้าน Data แนะนำให้เรียนรู้ภาษา Python เนื่องจากเป็นภาษา Programming ที่มี Library เกี่ยวกับการทำ Data เป็นจำนวนมาก และเป็นภาษาที่เรียนรู้ได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น (หรืออาจจะใช้ภาษา R ก็ได้ด้วยเช่นกัน แต่ว่า Python สามารถใช้กับงานอื่น ๆ นอกจาก Data ได้ด้วยเช่นการทำ Data Pipeline หรือ Web Scraping Script ได้)
References
- https://content.techgig.com/7-best-programming-languages-to-learn-for-beginners-in-2021/articleshow/84143376.cms
- https://hackr.io/blog/best-programming-languages-to-learn-2021-jobs-future
- https://techdayhq.com/community/articles/best-programming-languages-to-learn-in-2021
- https://kinsta.com/blog/best-programming-language-to-learn/
- https://www.guru99.com/best-programming-language.html
- https://codecarbon.com/pros-cons-dart-language/