การนำ AI เข้ามาใช้ในองค์กร ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นโปรเจกต์ใหญ่ ใช้งบมหาศาล หรือเปลี่ยนระบบทั้งหมดในครั้งเดียวก็สามารถสร้าง Impact ให้กับธุรกิจได้
เพราะแม้เพียงการเริ่มจาก “Quick Wins” ชัยชนะที่เห็นผลได้เร็ว ก็สามารถสร้างแรงขับเคลื่อนให้ทั้งทีมและองค์กรก้าวสู่การใช้ AI ได้อย่างมั่นใจ ในบทความนี้ Skooldio ได้สรุปแนวทางการสร้าง Quick Win และตัวอย่าง Use Case ที่เริ่มง่าย แต่ให้ผลลัพธ์จริง มาดูกันว่าองค์กรจะเริ่มจากตรงไหนได้บ้าง และมีไอเดียแบบไหนที่ช่วยให้นำ AI มาใช้สร้าง impact ได้จริงตั้งแต่วันนี้
Table of Contents
สร้าง Quick Win ด้วย AI
ในการเริ่มต้นสร้าง Quick Win การเลือกปัญหาที่ต้องการให้ AI เข้ามาช่วยแก้ก็สำคัญ OpenAI แนะว่าเราควรโฟกัสไปที่การแก้ปัญหาความท้าทายในที่ทำงาน 3 ด้านนี้
1. แก้ปัญหางานซ้ำซากที่ low value
ลองนึกตามว่าในสิ่งที่คุณทำอยู่อะไรคืองานซ้ำซากที่น่าเบื่อ งานที่แย่งเวลาทำให้ productivity เราลด เช่น การสรุปรายงาน การต้องตอบคำถามเดิม ๆ ซ้ำวนไปอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งงานเหล่านี้เป็นสิ่งที่ AI สามารถมาช่วยทีมของเราได้
2. แก้ปัญหาข้อจำกัดด้านทักษะของพนักงาน (Skill bottlenecks)
ทักษะของพนักงานกลายเป็นปัญหาคอขวดได้ยังไง? แน่นอนว่าพนักงานแต่ละคนไม่ได้เชี่ยวชาญทุกด้าน แต่ละคนมีความถนัดต่างกันออกไป เมื่อพวกเขาต้องทำอะไรที่ไม่เชี่ยวชาญก็จำเป็นจะต้องรอคำแนะนำจากทีมหรือผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ ซึ่งทำให้เกิด ‘คอขวด’ และทำให้กระบวนการทำงานช้าลงได้
โดย OpenAI อธิบายว่า AI สามารถช่วยให้พนักงานสามารถ ‘ขยาย’ skillsets ของตัวเองได้โดยไม่จำเป็นต้องรอ เช่นแทนที่จะต้องรอผู้เชี่ยวชาญมาช่วยในงานเล็ก ๆ น้อย ๆ พนักงานก็สามารถใช้ AI เข้ามาช่วยทำสิ่งเหล่านี้ได้เอง ทีมผู้เชี่ยวชาญก็จะมีเวลามากขึ้น เอาไปโฟกัสกับงานที่ซับซ้อนและมี value สูงกว่าได้
ในการทำงานเวลาที่เจอกับความท้าทาย คิดไม่ออก ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง AI ก็สามารถมาช่วยทำหน้าที่ให้เกิดความคิด ไอเดียใหม่ ๆ ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และสามารถแนะแนวทางก้าวที่ควรเดินต่อไปได้ เช่น ใช้ในการช่วย brainstorm หรือ วิเคราะห์หา insights แบบเร็ว ๆ
แม้งานเหล่านี้จะดูเป็นงานง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน แต่งานเหล่านี้คือการที่กินเวลา และทำให้คนทำงานเสียพลังไปเยอะมาก ซึ่ง OpenAI ระบุว่าการที่เราโฟกัสไปที่งาน 3 ประเภทนี้จะช่วยให้เราสามารถระบุ “high-impact AI opportunities” ได้
AI Use Cases
OpenAI ได้วิเคราะห์จาก Use Case จริงกว่า 600 เคส และพบว่าเคสส่วนใหญ่สามารถจัดอยู่ใน 6 ประเภทนี้ที่องค์กรสามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกแผนกและทุกสายงาน
- Content creation: AI สามารถเข้ามาช่วยในการสร้างสรรเนื้อหาได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยร่างเอกสารกลยุทธ์ ทำภาพต่าง ๆ หรือเขียนเนื้อหาให้ตรงกับสไตล์และโทนเสียงขององค์กร
- Research: ใช้ AI ในการ research ไม่ว่าจะเพื่อการค้นคว้าเรียนรู้ประเด็นใหม่ ๆ ค้นหารวบรวมข้อมูลที่ต้องการ หรือหา insights จากข้อมูลที่เรามี โดยเราสามารถบอก AI ได้ว่าอยากให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบไหน เช่น ทำเป็นตาราง, เป็นรายการ bullet, แยกเป็นหัวข้อชัดเจน ฯลฯ
- Coding: OpenAI ระบุว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาความสามารถของ AI พัฒนาขึ้นมาก ไม่ว่าในด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการเขียนโค้ดได้หลายภาษา ซึ่งนอกจากจะสามารถช่วยงาน software engineers ได้แล้วยังสามารถช่วยเหลือคนที่ไม่ใช่ dev หรือที่เรียกว่า non-coders ในการเขียนโค้ดเพื่อใช้จัดการกับงานที่พวกเขาต้องทำได้
- Data analysis: AI สามารถช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล หา insights ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีทักษะ Excel, SQL หรือ Python ขั้นสูงก็สามารถใช้งานได้ และเราสามารถบอก AI ได้ว่าต้องการให้ผลลัพธ์ออกมาแบบไหน เช่น ระบุประเภทของ charts ที่เราต้องการ
- Ideation/strategy: OpenAI ระบุว่าการใช้ AI เพื่อช่วยระดมความคิดและกลยุทธ์นั้นเป็นสิ่งที่นิยมในทุกทีม และเมื่อโมเดลของ AI เป็นแบบ ‘multimodal’ นอกจากตัวอักษรแล้วพนักงานก็สามารถใช้ทั้งภาพและเสียงในการสื่อสารกับ AI ได้ด้วย
- Automations: หลายงานที่ทีมทำเป็นประจำ งานรูทีน งานที่ทำซ้ำ ๆ สามารถให้ AI ทำแทนได้ ซึ่งการ Automation นั้นก็ไม่จำเป็นจะต้องเป็นอะไรซับซ้อน หรือยากเสมอไป สามารถใช้กับงานที่มีความ simple ก็ได้เช่น ให้ AI ทำรายงานคู่แข่งประจำสัปดาห์
Impact-Effort Matrix
หนึ่งใน Tools ที่สามารถช่วยองค์กรในการประเมินเลือก Use Case ที่ใช่ คือ Impact-Effort Framework เป็นเฟรมเวิร์กที่ใช้เพื่อจัดลำดับความสำคัญโดยการประเมินผลกระทบ (Impact) เทียบกับแรง (Effort) ที่เราต้องใช้
ซึ่ง Use Case ที่อยู่ใน area ของ ‘Quick Wins’ คือ Use Case ที่มีทั้ง High Impact และ Low Effort สามารถสร้างอิมแพคได้มาก ลงแรงน้อย และนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีได้ทันที
ซึ่งในการประเมินเหล่านี้ก็จำเป็นจะต้องสื่อสาร สอบถามและเก็บข้อมูลมาจากหลาย ๆ ทีม เพื่อประกอบร่างข้อมูลให้ผู้นำและองค์กรสามารถนำมาประเมิน impact ได้อย่างแม่นยำมากขึ้นนั่นเอง
สร้าง Quick Win ที่ใช้ได้จริงให้กับธุรกิจใน 1 เดือน
ปลดภาระจากงานจำเจ พร้อมเร่ง Speed ของธุรกิจกับ AI Automation Bootcamp หลักสูตร 1 เดือนออกแบบมาเพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำโจทย์จากธุรกิจ ที่ต้องการทำ Automation ให้ ‘สำเร็จ’ ได้ภายใน 1 เดือน
ผ่านการเรียนรู้ พร้อมลงมือทำจริงผ่าน Workshop ตั้งแต่ขั้นตอนการคัดเลือก Process มาเพื่อพัฒนา Automation ไปจนถึงการออกแบบระบบการทำงาน และหน้าบ้านสำหรับการใช้งานจริง โดยมีการโค้ชจากผู้เชี่ยวชาญตัว Top ที่มีประสบการณ์ทำงานจริง เพื่อให้ผู้เรียนมีผลงานทันทีหลังเรียนจบ และพัฒนาโปรเจกต์อื่น ๆ ต่อได้เอง
ต้องการศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม ปรึกษาทีมงานหรือดาวน์โหลด Syllabus คลิก AI Automation Bootcamp
Sources
Identifying and scaling AI use cases | OpenAI
Intro to Product Management | Skooldio
Small t Transformation คืออะไร? เคล็ดลับสร้าง Quick Win ด้วย AI | Skooldio