ทุกวันนี้ เทคโนโลยี Blockchain ถูกนำไปใช้ในหลากหลายวงการทั่วโลก ไม่ได้จำกัดอยู่แค่วงการ Cryptocurrency เพียงเท่านั้น ปัจจุบันเราอาจจะเห็นข่าวผ่านตาอยู่บ่อยๆ ครั้ง ถึงการนำ Blockchain ไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมขนส่งบ้าง หรือ ในเชิงสาธารณะสุขบ้างก็ตาม แต่สิ่งที่หลายๆ คนอาจจะไม่เคยนึกถึงมาก่อน คือ ‘Blockchain ก็สามารถนำไปใ้ช้กับการเมืองได้เช่นกัน’
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลายๆ ประเทศอย่าง สหราชอาณาจักร จีน หรือ อินเดีย ก็มีความคิดในการริเริ่มนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ขับเคลื่อนการทำงานของภาครัฐในด้านต่างๆ กันบ้างแล้ว
แล้ว ‘Blockchain จะเข้ามาพลิกโฉมวงการการเมืองให้เปลี่ยนไปเป็นอย่างไรได้บ้าง’ ไปดูกันเลย
- ถ้าเอา Blockchain มาใช้กับการเมือง เราจะสามารถเลือกตั้งจากที่ไหนก็ได้และลดโอกาสการโกงได้
ความคิดในเรื่อง ‘การเลือกตั้งออนไลน์’ นั้นมีมานานแล้ว หลายๆ คน เห็นว่าถ้าทำได้ก็คงจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคนจำนวนมากให้ไม่ต้องเดินทางไปที่หน่วยเลือกตั้งที่อาจจะอยู่ไกลออกไป แต่มันก็ยังเป็นเพียงแค่ความคิดหนึ่งที่ยังทำไม่ได้จริงนัก ด้วยปัญหาเรื่อง ‘ความปลอดภัย’
การเลือกตั้งผ่านทางอินเตอร์เนตยังเป็นสิ่งที่แทบจะไม่มีประเทศไหนทำกัน ด้วยอินเตอร์เนตมักจะมีช่องโหว่ให้ถูกโจมตีได้มากมาย แม้จะมีความพยายามในการสร้างระบบความปลอดภัยอย่างแน่นหนาก็ตาม ก็จะมีกลุ่มคนที่มักเจอความผิดพลาดได้เสมอ ประกอบกับการเก็บคะแนนการเลือกตั้งที่อยู่ระบบแบบ ‘รวมศูนย์ (Centralized System)’ ซึ่งเปิดช่องให้ Hacker สามารถเข้าไปโจมตี ที่จุด จุดเดียวแต่สร้างผลลัพธ์ขนาดใหญ่ได้เลย การเลือกตั้งผ่านอินเตอร์เนตจึงไม่เป็นที่นิยมกัน
แต่การเลือกตั้งแบบออนไลน์ ก็ดูจะเป็นอะไรที่เป็นไปได้จริงมากขึ้น เมื่อมีเทคโนโลยี Blockchain เข้ามา ด้วย Blockchain นั้นเป็นเทคโนโลยีที่เก็บข้อมูลในลักษณะ กระจายศูนย์ (Decentralized System) เมื่อป้อนข้อมูลใดลงไปแล้ว ข้อมูลก็จะถูกสำเนาเก็บเอาไว้ในคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในระบบ ทำให้ยากต่อการบิดเบือนข้อมูล หรือโจมตี เพราะข้อมูลการโหวตทั้งหมดต่างกระจายสำเนาอยู่ในคอมพิวเตอร์ หรือ มือถือ ที่ประชาชนถืออยู่ ถ้าหากจะเปลี่ยนแปลงผลก็ต้องเปลี่ยนแปลงข้อมูลในมือถือ หรือ คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องนั้น
อย่างในปัจจุบัน Blockchain ได้ถูกนำไปใช้ในการเลือกตั้งบ้างแล้ว เช่นใน ประเทศเซียร์ราลีโอน
ที่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งโดยใช้ Blockchain เป็นครั้งแรก โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะได้รับ “กระเป๋าเงิน” (สิ่งที่ใช้ระบุตัวตนของผู้ใช้สิทธิ) และ “เหรียญ” (โอกาสในการลงคะแนน)
การยืนยันตัวตนจะทำผ่านการ สแกนลายนิ้วมือ ก่อนลงคะแนนบนอุปกรณ์มือถือ ผู้ที่ได้รับการยืนยันแล้ว ก็จะสามารถลงคะแนนเสียงออนไลน์ได้ โดยรับประกันว่าคะแนนโหวตของพวกเขาจะถูกนับอย่างปลอดภัยและโปร่งใส ในขณะที่ชื่อและผลโหวตจะเป็นแบบ Anonymous ไปด้วย ซึ่งข้อมูลการโหวตทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูลของ Blockchain ที่ไม่สามารถถูกแก้ไขได้ ทำให้เราสามารถเลือกตั้งจากที่ไหนก็ได้และลดโอกาสการโกง ในรูปแบบบัตรเข่ง บัตรเกินได้ด้วย
2. ถ้าเอา Blockchainมาใช้กับการเมือง การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐจะโปร่งใส ประชาชนติดตามได้
การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ กับขั้นตอนมากมายสุดซับซ้อน
ในการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐแต่ละครั้ง ล้วนเต็มไปด้วยขั้นตอนและข้อมูลมากมาย ซึ่งขั้นตอนหรือข้อมูลเหล่านั้นบ่อยครั้ง กลับเป็นข้อมูลที่ ‘อยู่ในกระดาษ’ ไม่ได้ถูกเปิดเผยต่อประชาชน ก่อให้เกิดความสงสัยในความโปร่งใสของการจัดซื้อจัดจ้างแต่ละครั้ง
ทางแก้ปัญหาเดิมๆ ที่มีในปัจจุบัน
แน่นอนว่าเพื่อป้องกัน ‘ความไม่โปร่งใสในขั้นตอนต่างๆ’ ในปัจจุบันหลายๆ ประเทศจะหันมาใช้ระบบจัดซื้อจัดจ้างออนไลน์ หรือ E-Public Procurement กันมากขึ้น โดยการนำข้อมูลและขั้นตอนต่างๆ มาเผยแพร่ไว้บนเว็บไซต์
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ระบบจัดซื้อจัดจ้างออนไลน์ที่หลายๆ ประเทศใช้อยู่ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับ การนำการจัดซื้อจัดจ้างมาทำงานบน Blockchain แล้วนั้นนั้น ก็จะค้นพบว่า ระบบที่ทำงานด้วย ‘Blockchain มีข้อดีที่เหนือกว่าระบบออนไลน์แบบเดิมๆ อย่างชัดเจน
ทุกขั้นตอนของจัดซื้อจัดจ้างสามารถถูกตรวจสอบได้อย่างเรียลไทม์!
กล่าวคือเมื่อนำทุกการจัดซื้อจัดจ้างมาทำงานบนระบบ Blockchain เรียบร้อยแล้ว เมื่อใดก็ตามทีเกิดการจัดซื้อจัดจ้าง ทุกขั้นตอนตั่งแต่การประกาศรับสมัคร ไปจนถึงการประกาศผล จะสามารถถูกเข้าไปตรวจสอบโดยประชาชนได้อย่างโปร่งใส ที่นี้เราก็สามารถติดตามดูได้ทันที ถ้าหากเกิดการจัดซื้อจัดจ้าง หรือ ข้อตกลงใด ที่น่าสงสัย !
ตัวระบบไม่สามารถถูกดัดแปลงแก้ไข และถูกแฮกได้
นอกจากนั้นการจัดซื้อจัดจ้างที่ผ่านมาในระบบออนไลน์ทั่วไปนั้นสามารถลบ หรือ ถูกแก้ไขได้โดยง่าย จนบางครั้งทำให้เราไม่สามารถกลับไปตรวจสอบ รายละเอียดการจัดซื้อจัดจ้างในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และแน่นอนว่า การแฮคระบบก็เป็นเรื่องที่เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ในระบบจัดซื้อจัดจ้างออนไลน์
แต่สำหรับระบบจัดซื้อจัดจ้างที่ใช้ Blockchain สามารถแก้ไขปัญหาทั้งสองอย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะข้อมูลในการจัดซื้อจัดจ้างจะไม่ได้รวมศูนย์ (Centralized) อยู่ในที่ใดที่หนึ่ง แต่ถูกสำเนาเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของทุกคนในระบบ ด้วยเหตุนี้ ข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับการประกวดราคาจึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ อีกทั้งทุกคนสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ และถึงแม้ว่าจะมีการบุกรุกเกิดขึ้นก็ตาม การค้นหาว่าใครทำอะไรและเมื่อใดก็เป็นเรื่องง่ายเหมือนการปลอกกล้วยเข้าปาก!
3. ถ้าเอา Blockchain มาใช้กับการเมือง จะป้องกันการซ้อนทับของผลประโยชน์ได้
ประเด็นประโยชน์ทับซ้อนนับเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่พบเจอได้บ่อยในการเมือง
โดยสถานการณมักจะเป็น ผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญบางคนนั้น กลับกำลังถือครองธุรกิจส่วนตัวที่มีลักษณะสามารถเอื้อผลประโยชน์กับตำแหน่งของตนได้ ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นกลางได้ และเอื้อผลประโยชน์จากเงินของภาครัฐต่อธุรกิจของตนในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการฟอกเงิน หรือใช้ลงทุนของภาครัฐกับบริษัทที่ตนครอบครองอยู่ก็ตาม
ทางแก้ไขปัญหาที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ทะเบียนกลาง (Central Register of Beneficial Owners)
ในปัจจุบันเหล่าประเทศ EU ก็เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว จึงริเริ่มสร้าง ฐานข้อมูลที่มีการรวบรวมและประมวลผลข้อมูลเกี่ยวกับ บุคคลที่กำลังถือครอง บริษัท หรือ หุ้นส่วนอยู่ (ซึ่งเรียกว่าเจ้าของผลประโยชน์) ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม เพื่อที่จะสามารถตรวจสอบ การขัดแย้งกันของผลประโยชน์ รวมไปถึงป้องกันไม่ให้เกิดการคอรัปชันในประเภทต่างๆ เกิดขึ้นได้
ถึงอย่างไรก็ตามอย่างที่กล่าวไปในกรณีก่อนหน้าแล้วว่า การเก็บข้อมูลรวมศูนย์กันอยู่ในฐานข้อมูลเดียวนั้น ย่อมเป็นธรรมดาที่จะเสี่ยงต่อการโจมตีของ Hacker บิดเบือนข้อมูลด้านในให้เป็นไปอย่างที่เขาต้องการได้ การเข้ามาของเทคโนโลยี Blockchain จึงเปรียบเสมือนทางเลือกที่ดีกว่า
ทางเลือกทีดีกว่า ระบบทะเบียนกลางบนเทคโนโลยี Blockchain
การ Hack หรือ บิดเบือนข้อมูลอาจจะเป็นไปได้มาก บนฐานข้อมูลแบบรวมศูนย์ (Centralized database) แต่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยบน ฐานข้อมูลที่กระจายศูนย์ (Decentralized database)
ในเทคโนโลยี Blockchain ดังนั้นแล้วการสร้าง ทะเบียนผู้ถือครองผลประโยชน์กลางบนเทคโนโลยี Blockchain จึงช่วยการันตีได้ว่า ข้อมูลต่างๆ จะไม่ถูกบิดเบือน หรือถูก Hack ได้โดยบุคคลใด บุคคลหนึ่ง รวมไปถึงสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนได้มากขึ้นอีกด้วย
💥 หากต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี Blockchain มากยิ่งขึ้นไปอีก เพื่อที่จะนำไอเดียไปต่อยอดกับธุรกิจหรือจะเป็นพื้นฐานสำหรับการลงทุน ห้ามพลาด คอร์ส Bitcoin, Blockchain, and Beyond
คอร์สนี้จะพาคุณไปเข้าใจพื้นฐาน หลักการ และการใช้งานของเทคโนโลยี Blockchain ในหลากหลายรูปแบบอย่างเห็นภาพ เข้าใจง่าย พร้อมทำความรู้จัก Buzzwords อย่าง Bitcoin, Smart Contract และ Ethereum
🔥 พิเศษ! สำหรับผู้สมัคร 100 ท่านแรกรับส่วนลดแบบที่จะกี่เทศกาลก็ไม่ลดเท่านี้อีกแล้ว เข้าไปดูที่ คอร์ส Bitcoin, Blockchain, and Beyond