จากการเรียนและเริ่มต้นทำงานในสิ่งที่ไม่ได้ชอบ จนมารู้จักสายงานด้าน UX ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านความสนใจ และเป็นตำแหน่งงานที่มีความต้องการสูง ทำให้คุณขิม อดีต Business Analyst ตัดสินใจออกจาก Comfort Zone และย้ายสายมาเป็น UX Designer ที่บริษัทชั้นนำอย่าง KBTG ได้สำเร็จ ลองมาดูกันว่าเส้นทางการย้ายสายของคุณขิมเป็นอย่างไร ต้องเรียนรู้อะไร ฝึกฝนอะไร และมีเคล็ดลับอะไรมาแนะนำสำหรับคนที่สนใจงานสายนี้กันบ้าง
Table of Contents
จุดเริ่มต้นความสนใจในสายงาน UX
เรียนจบอะไรมา เคยทำงานอะไรมาบ้าง
เรียนจบจากคณะบริหารธุรกิจ ภาควิชาการบัญชี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ค่ะ ตอนที่เรียนก็รู้ตัวว่าไม่ชอบสายงานบัญชีเท่าไหร่ แต่พอจบมาก็ยังอยาก Explore ในสายของงานฝั่ง Business อยู่ อยากเอาความรู้มาลองปรับใช้ในการทำงานจริงก่อน ซึ่งงานแรกก็คือ Business Analyst อยู่ในบริษัทเทคโนโลยีแห่งหนึ่งค่ะ
จาก Business Analyst เริ่มต้นสนใจสาย UX ได้ยังไง
หลังจากที่ทำ Business Analyst ไปได้สักพัก ก็มีความรู้สึกว่ามันยังไม่ใช่อยู่ค่ะ ตอนนั้นยังลังเลอยู่ว่าจะทำต่อในสายของ Business ดี หรือว่าลองทำสิ่งใหม่ๆ ในสายใหม่ไปเลย
ประกอบกับช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา สายงาน UX ค่อนข้างบูมมากๆ ในไทย เลยไปค้นหาเพิ่มเติมว่ามันคืออะไร รู้สึกว่ายิ่ง Explore ทางด้านนี้มากขึ้น ก็ยิ่งรู้สึกว่าศาสตร์นี้มันมีอะไรมากกว่านั้น และรู้สึกว่ามันเข้ากับสิ่งที่ขิมอยากจะทำด้วย
สุดท้ายก็เลยตัดสินใจที่จะออกจาก Comfort Zone ของตัวเอง แล้วก็ลองทำในทางที่เราอยากจะไป เพราะว่าส่วนตัวค่อนข้างให้ความสำคัญกับงานที่ชอบ ถ้าเราได้ทำในสิ่งที่ชอบหรือถนัด มันจะดึงศักยภาพของเราออกมาได้เต็มที่ ถ้าเกิดเราลองแล้วเราเจองานที่ชอบก็โชคดีไป แต่ถ้าลองแล้วสุดท้ายมันไม่เวิร์กก็ไม่เป็นไร เก็บมาเป็นประสบการณ์ค่ะ
ตอนเริ่มต้น เราสนใจอะไรในสายงาน UX
จริงๆ รู้ตัวว่าถนัดทางสายศิลป์ หัวก็ไปทางศิลป์มาตั้งแต่เด็ก แต่ในสายงาน Design ถ้าเทียบกับสาย Graphic Design เรารู้สึกว่า UX เป็นอะไรที่น่าจะตอบโจทย์ เพราะชอบคิด ชอบแก้ปัญหา รู้สึกว่าอยากทำอะไรที่มันสร้าง Impact ให้กับคน หรือ Business
เหมือนเราไม่ได้ชอบ Design ในมุมความสวยงามเท่านั้น แต่ชอบในเชิงว่ามันแก้ปัญหาให้คน
ใช่ จริง ๆ ก็ชอบด้านความสวยงาม แต่ถ้าเป็นส่วนที่เราอยากทำจริงๆ คือพวกการคิดเรื่องการแก้ปัญหาต่างๆ โดยใช้เรื่องของ Design เข้ามาเป็น Solution มากกว่า
เคยหาข้อมูล หรือเรียนรู้เรื่อง UX ด้วยตัวเองมาก่อนบ้างไหม
เริ่มต้นหาข้อมูลทางด้าน UX จากพวกสื่อออนไลน์ทั่วไปเลยค่ะ หาใน Google, Medium, YouTube หรือพวก Instagram ก็จะ Account ที่แชร์ความรู้ ประสบการณ์ เทคนิค แล้วก็พวกเส้นทางการเปลี่ยนสายทางด้านนี้โดยเฉพาะเลย
แล้วก็อีกอย่างก็คือกลุ่ม Community ของ LinkedIn กับ Facebook ด้วย เช่น กลุ่ม UX Thailand ที่หลายคนก็น่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว ขิมรู้สึกว่ากลุ่มนี้ค่อนข้างเป็นประโยชน์มากๆ เพราะจะมีคนที่เขามีประสบการณ์ทางด้านนี้เขามาคอยแชร์ความรู้ แชร์ Tips ต่างๆ จะอัพเดทเทรนด์หรือว่า Event อะไรก็จะมาอยู่ในกลุ่มนี้ มันก็ทำให้เราค่อย ๆ ซึมซับไปโดยไม่รู้ตัว
แล้วก็เคยมีลงคอร์สของ Google UX Design Certificate ของ Google ไปค่ะ คือตอนนั้นตั้งใจจะเรียนรู้ด้วยตัวเอง ด้วยความที่ขิมไม่มีประสบการณ์ทางด้าน UX มาเลย เรียกว่ามือใหม่เลยก็ได้ ซึ่งตอนนั้นก็มีในใจหลายตัวเลือก แล้ว UX/UI Bootcamp ของ Skooldio ก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ว่าตอนนั้นโครงการยังเป็น Batch 3 อยู่ ยังไม่ได้เปิดรับใหม่ ก็เลยตัดสินใจลงของ Google ไปสักพัก ทาง Skooldio ก็มีเปิดรับ Batch 4 ก็เลยสมัครเข้ามา
สิ่งที่ได้เรียนรู้จาก Skooldio UX/UI Bootcamp
ทำไมถึงเลือกเรียน UX/UI Bootcamp ของ Skooldio
ตอนนั้นเราเรียนคอร์สของ Google ไปได้สักพัก และทำ Project แรกเสร็จแล้ว แต่รู้สึกว่าขั้นตอนต่างๆ ในการทำ Design Project ในหัวยังค่อนข้างกระจัดกระจายอยู่ ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก รวมถึงขิมอยากรู้ว่าขั้นตอนพวกนี้ พอมันไปอยู่ในธุรกิจจริง ในชีวิตจริงมันจะเป็นยังไง เพราะว่าบางทีเราเรียนไปแต่ทฤษฎีก็อาจจะไม่ค่อยเห็นภาพเท่าไหร่ค่ะ มันเลยทำให้เรามีคำถามมากมายที่ลำพังแค่ตัวคอร์สออนไลน์เองอาจจะให้คำตอบเราได้ไม่หมด ก็เลยตัดสินใจลง UX/UI Bootcamp ของ Skooldio
ตอนตัดสินใจจะเรียน Bootcamp นี้ ในหัวคือคำว่าย้ายสายเลยไหม
Goal คือต้องย้ายสายให้ได้หลังจากที่เรียนจบ เพราะว่าจริงๆ ก่อนหน้าที่จะเริ่มเรียนเราก็ตัดสินใจมาตั้งแต่แรกแล้วว่าเราจะย้ายสายค่ะ เราอยากได้ความมั่นใจและอุ่นใจว่าถ้าเราไปสมัครงานก็จะมี Certificate รับรอง และได้ความรู้ในศาสตร์ด้าน UX มาประมาณหนึ่ง ที่พร้อมสำหรับที่จะมาเริ่มในสายของ UX ค่ะ
แล้วพอได้มาเรียนจริงๆ แล้ว รู้สึกยังไงบ้าง
ภาพรวมหลักสูตรค่อนข้างครอบคลุม ส่วนตัวรู้สึกว่าไม่น่าเบื่อเลยแล้วก็สนุกมาก เพราะว่ามันเหมือนทางทีมเขาคิด Process มาอย่างดีแล้วทำให้คนเรียนอย่างเราเองประทับใจ แล้วก็ชอบการที่มี Speaker รับเชิญที่เขามีประสบการณ์ในทุกๆ วันพุธมาแชร์ประสบการณ์ของเขา ค่อนข้างชอบตรงนี้เพราะว่าเราได้เห็นภาพการทำงานจริงมากขึ้น
แล้วก็ชอบการที่ทาง Bootcamp เขามีสอนทฤษฎีแล้วสลับกับให้ทำ Workshop ซึ่งทำให้เข้าใจเนื้อหามากขึ้น รวมถึงทำให้เราได้รู้ในสิ่งที่เราสงสัยแล้วก็มีคำถามในใจมาตลอด จำได้ว่าวันสุดท้ายที่ทาง Bootcamp เขามีให้นักเรียนเข้าไปลิสต์ในสิ่งที่ยังสงสัย ตอนนั้นขิมก็ได้ถามสิ่งที่สงสัยไปประมาณ 6-7 คำถาม
ในฝั่งของผู้สอนเขาค่อนข้างใส่ใจนักเรียนมากๆ คอยชวนคุยแล้วก็คอยไถ่ถามนักเรียนตลอด ทำให้เรากล้าที่จะถามในสิ่งที่อยากจะรู้ได้เยอะ ซึ่งมันหายากในคอร์สเรียนอื่นๆ รู้สึกว่าตลอดระยะเวลา 6 สัปดาห์นี้มันคุ้มค่ามากๆ ค่ะ
เพื่อนๆ ที่เจอใน Bootcamp เป็นยังไงบ้าง
เพื่อนๆ ก็คือน่ารักกันทุกคน เราได้ Connection เพิ่มขึ้นจากตรงนี้ด้วย หลายคนที่มาร่วมโครงการตรงนี้เพราะต้องการย้ายสายเหมือนกับเราส่วนหนึ่ง มันยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าเราอุ่นใจเหมือนมีเพื่อนร่วมทางไปกับเราตลอด
ซึ่งด้วยความที่เรามี Goal เดียวกัน เวลามีกิจกรรมอะไรที่มันเป็นต้องทำเป็นงานกลุ่ม ต้อง Discuss มันจะทำให้ทุกคนร่วมมือกันตรงนี้ได้ดีมากค่ะ
หลังจากจบ Bootcamp เห็นตัวเองเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง
อย่างที่ก่อนหน้านี้ที่ขิมได้บอกไปว่าก่อนที่จะเข้ามา Bootcamp เหมือน Design Process ในหัวมันยังกระจายอยู่ พอได้มาเรียน Bootcamp มันทำให้พวกนี้มันเป็นรูปเป็นร่างแล้วก็เข้าใจเชิงลึกมากขึ้น เหมือนเรามองภาพได้ชัดเจนขึ้น จากตอนแรกเวลาเราอ่านพวก Article ต่าง ๆ มันก็จะมีบ้างที่เราไม่ค่อยเก็ต นึกภาพตามไม่ออก พอตอนนี้มันให้ความรู้สึกเหมือนจิ๊กซอว์ที่มันต่อได้สำเร็จ ประมาณนี้ค่ะ
คือ Bootcamp นี้เหมือนเป็นการช่วยย่นระยะเวลาในการเรียนของเรา จากที่ปกติแล้วถ้าเราเรียนเองมันจะต้องใช้เวลามากกว่า 6 เดือนขึ้นไปค่ะ แต่พอเรียน Bootcamp มันเหมือนย่นเหลือแค่เดือนนิดๆ รู้สึกว่ามันทำให้เราสามารถที่จะเริ่มงานแรกในสาย UX ได้เร็วขึ้นด้วย แต่แน่นอนว่านอกเหนือจากตัว Bootcamp เราก็ต้องไป Build Portfolio เพิ่มเติมเองด้วย มันก็เป็นหน้าที่ของเราหลังจากนั้นเหมือนกัน
เส้นทางการสมัครงานสาย UX หลังจบ Bootcamp
อยากให้ช่วยแชร์เส้นทางในการได้เปลี่ยนสายไปได้งาน UX Designer ที่ KBTG
หลังจากจบ Bootcamp ก็เป็นช่วงที่ตั้งใจปั้น Portfolio ขึ้นมาเพื่อสมัครงานค่ะ ตอนนั้นเราจะทำ 3 Projects ซึ่ง 1 ในนั้นคือโจทย์ที่ได้รับจากทาง Bootcamp ตอนนั้นรู้สึกว่าหลังจากเราเรียนทฤษฎีมาแล้ว ขั้นตอนของการทำ Portfolio ค่อนข้างใช้เวลาเยอะมากๆ ต้องใช้เวลาคิดว่าจะเรียบเรียงให้ออกมาเป็น Structure ยังไง Design Process ของเราเป็นยังไงบ้างกว่าจะออกมาเป็น Solution นั้นๆ
ก็โชคดีที่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาทาง Skooldio มีเปิดวัน Mentoring Day ให้นักเรียนสามารถพูดคุยพบปะกับพี่แบงค์ (คุณแบงค์ อภิรักษ์ ปนาทกูล – หนึ่งใน Instructor ใน Bootcamp) ได้ปรึกษาแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ขิมก็เลยได้มีโอกาสเข้าไปคุย แล้วก็พี่แบงค์ก็ใจดีมากช่วยเช็ค Portfolio ให้แล้วก็มีแนะนำว่าควรปรับแก้ตรงไหนบ้าง รวมถึงแนะนำให้ไปลองไปสมัครงานที่ไหนบ้างอะไรประมาณนี้ค่ะ ซึ่งขิมก็มียื่นไปหลายที่อยู่ ณ ตอนนั้น วันนั้นก็คือเหมือนเปลี่ยนชีวิตเลยจริงๆ
ได้รับคำแนะนำอะไรจากพี่แบงค์บ้าง ทำไมถึงเรียกว่าเป็นวันเปลี่ยนชีวิตเลย
ก่อนจะมาถึงวัน Mentoring Day คือช่วงที่เราต้องไปทำ Portfolio ที่บอกว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่ค่อนข้างใช้เวลานานในการ Build Portfolio ขึ้นมา แล้วเราไม่ได้มี Mentor ที่จะมาคอยชี้จุดว่าเราต้องปรับแก้ตรงไหนคือเราเหมือนก็ Build มาด้วยตัวของเราเอง แล้วเราก็มียื่นสมัครงานไปบางที่ แต่เราก็ยังไม่มั่นใจว่าถ้าในฐานะของ Hiring Manager ที่เขามอง หรือว่าทีมที่อยากจะรับเราเข้าไปทำงาน เวลาเขามอง Portfolio เราเขาดูอะไรบ้าง ซึ่งเราไม่มีคนคอยเช็คตรงนั้น
แล้วพอวัน Mentoring Day ได้โอกาสที่จะได้เข้าไปคุยกับพี่แบงค์ ก็เลยขอให้ช่วยเช็ค Portfolio ให้ พี่แบงค์ก็ช่วยเช็คให้แล้วก็มีแนะนำว่า โอเคมันมีจุดตรงไหนบ้างที่ถ้าเป็นพี่แบงค์มองมารู้สึกว่าตรงนี้จะไม่อยากอ่าน ตรงนี้จะต้องแก้ ตรงนี้ที่ยังรู้สึกว่ายังไม่ค่อยชัดต้องไปปรับปรุงเพิ่ม ก็จะมีแนะนำว่าควรทำแบบนี้ แล้วก็หลังจากที่แบงค์เช็ค Portfolio พี่แบงค์ก็มีถามคร่าวๆ ว่ามียื่นไปที่ไหนแล้วบ้าง แล้วก็เหมือนแนะนำเราว่าระดับเราควรที่จะลองไปสมัครที่ไหนดูบ้าง
คิดว่า Portfolio ที่เราทำ ช่วยปิด Gap การที่เราไม่มีประสบการณ์ จนได้งานมาได้ยังไงบ้าง
สำหรับขิมคิดว่าเราต้องเหมือนพิสูจน์ให้เขาเห็นได้ว่าเรามีความสามารถ เรามี Design Process ยังไง มีวิธีการคิดยังไง มีการทำ User Research ยังไงจนสุดท้ายออกมาเป็น Solution ที่เราคิดได้ คือมันจะต้องมีที่มาที่ไปตลอด
แล้วก็เหมือนเราพยายามที่จะทำ Portfolio ให้ออกมาเป็น Storytelling มากกว่าใส่แค่ขั้นตอนต่างๆ แล้วได้ผลลัพธ์เลย เรารู้สึกว่าถ้าเราทำออกมาเป็น Storytelling มันจะน่าอ่านมากกว่า แล้วมันจะมี Structure ที่มาที่ไปได้ดีกว่าว่าทำไมเราถึงคิด Solution นี้ออกมา
วิธีนี้ขิมได้มาจากการไปดูพวก Portfolio ของคนที่ได้งานจากบริษัท Big Tech อย่าง Google, Microsoft, Facebook พยายามดูว่าเขามีวิธีการวาง Structure ตัว Portfolio ยังไง แล้วก็เอาตรงนั้นมาปรับใช้กับของเรา
สุดท้ายนี้รู้สึกยังไงบ้างที่ย้ายสายได้สำเร็จ
ตอนนี้รู้สึกว่าประสบความสำเร็จไปขั้นแรกของคนย้ายสายมา ไม่คิดไม่ฝัน เพราะว่าเหมือนตอนแรกเราก็มีกังวลอยู่หน่อยๆ เพราะว่าเราไม่แน่ใจว่าปลายทางสุดท้ายมันจะเป็นยังไง เพราะว่าการย้ายสายงานมันค่อนข้างเป็นอะไรที่มันต้องใช้ใจ ความชอบ และความสม่ำเสมอรวมกัน ซึ่งสุดท้ายเราก็ย้ายได้สำเร็จ คือขิมใช้เวลาประมาณ 7-8 เดือนนับตั้งแต่เริ่มลงคอร์สเรียนเอง ซึ่งพอมองย้อนกลับไปมันก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่าแล้วก็ตัดสินใจถูกมากๆ ที่ย้ายสายมา
กลับมาอีกครั้ง! Bootcamp ที่ได้รับความวางใจให้เป็นหลักสูตรเตรียมพร้อมสู่ UX/UI Designer ที่มีคุณภาพของไทยมานานกว่า 4 รุ่น รุ่น 5 เปิดรับสมัครแล้ว พร้อมพาคุณกลับมาเรียนในห้องเรียนด้วยกัน!
หลักสูตร 6 สัปดาห์ ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจครบทุกด้าน UX/UI มากกว่า 40 หัวข้อ และเครื่องมือสำคัญ
สมัครเรียนเลย https://to.skooldio.com/PWZPHAcIIyb
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
คุณการ์ตูน 097-925-1663, คุณเปา 098-278-8549