ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้น การมีเพียงไอเดียที่ดีอาจไม่เพียงพอ สิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือ การเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าเรากำลังจะขายอะไร ใครคือกลุ่มเป้าหมายของเรา และโมเดลธุรกิจของเราจะสร้างรายได้ได้อย่างไร
หนึ่งในเครื่องมือยอดนิยมที่ช่วยในการวางแผนธุรกิจอย่างเป็นระบบคือ Business Model Canvas ซึ่งช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมของธุรกิจทั้งหมดได้ชัดเจนในกระดาษเพียงแผ่นเดียว
การเข้าใจ Business Model Canvas จะช่วยให้เราวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน ค้นหาโอกาสในการเติบโต รวมถึงสามารถสื่อสารแผนธุรกิจกับทีมงานและนักลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ Business Model Canvas และองค์ประกอบสำคัญที่คุณควรรู้ เพื่อใช้ในการวางแผนธุรกิจอย่างมืออาชีพ
Table of Contents
9 องค์ประกอบของ Business Model Canvas

The Business Model Canvas | Go-to-Market Strategies, Skooldio
1. Value Propositions
Value Propositions คือสิ่งที่ทำให้ธุรกิจของเราแตกต่างและโดดเด่นกว่าคู่แข่ง จุดขายหลักที่จะทำให้ลูกค้าอยากเลือกใช้สินค้าหรือบริการของเรา
ท่ามกลางตลาดที่เต็มไปด้วยทางเลือก ทำไมลูกค้าต้องเลือกเรา ทำไมถึงควรลงทุนกับเรา พาร์ทนี้เป็นสิ่งที่นักลงทุนและลูกค้าจะให้ความสนใจเป็นพิเศษ
ก่อนเขียน Value Propositions เราควรถามตัวเองว่า:
- ปัญหาหลักที่เรากำลังพยายามแก้คืออะไร?
เช่น Agoda แก้ปัญหาความยุ่งยากในการค้นหาโรงแรมและเปรียบเทียบราคา จึงกลายเป็นแพลตฟอร์มที่รวมทุกอย่างไว้ในที่เดียว ทั้งค้นหา เปรียบเทียบ และชำระเงิน - ทำไมปัญหานี้ถึงสำคัญ? ทำไมผู้คนถึงอยากให้มันถูกแก้ไข?
นั่นแสดงถึง Pain Point ที่ชัดเจน ซึ่งต้องเป็นเรื่องที่ลูกค้า “รู้สึก” ว่าเป็นปัญหา และต้องการทางออก
สิ่งที่ต้องระวังคือ อย่าสับสนระหว่าง Value Propositions กับ Value-add
ตัวอย่างเช่น หากคุณทำแพลตฟอร์มจองคลาสเรียนออนไลน์ แล้วบอกว่า “รองรับการจ่ายเงินหลายช่องทาง” นั่นถือเป็น Value-add ที่เพิ่มความสะดวก แต่ยังไม่ใช่จุดขายหลัก ที่จะจูงใจให้คนอยากใช้บริการของคุณตั้งแต่แรก
2. Customer Segments
เราต้องระบุให้ชัดเจนว่าใครคือ ‘ลูกค้าเป้าหมายหลัก’ ของเรา โดยแยกให้ได้ว่าเป็น B2B หรือ B2C เพราะจะมีผลต่อการออกแบบสินค้า บริการ และการสื่อสารการตลาด
ตัวอย่างปัญหาที่มักพบ เช่น บริษัทขายประกันกลุ่มให้กับองค์กร แต่ประกันสามารถปรับตามความต้องการของพนักงานแต่ละคนได้ อาจทำให้เกิดความสับสนว่าจะจัดกลุ่มลูกค้าเป็น B2B หรือ B2C ดี
คำตอบคือ: ให้ดูว่า ใครคือผู้มีอำนาจตัดสินใจหลัก ว่าจะ “ซื้อหรือไม่ซื้อ”
ถ้าคำตอบคือบริษัท → จัดเป็น B2B
หากเป็น B2C สิ่งสำคัญคือ ต้องลงรายละเอียดของลูกค้าให้ชัดเจน เหมือนการสร้าง Customer Persona เช่น เน้นลูกค้าที่มีครอบครัวแล้ว หรือเน้นกลุ่มพนักงานในเมืองใหญ่
3. Customer Relationships

Customer Journey | Go-to-Market Strategies, Skooldio
การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า (Customer Relationships) เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องวางแผนอย่างรอบด้านในแต่ละช่วงของ Customer Journey
เช่น ในช่วง Purchase หากลูกค้ารู้สึกหงุดหงิด เพราะช่องทางการชำระเงินมีจำกัด เราอาจจะปรับปรุงโดยการปรับเว็บไซต์ให้รองรับการชำระเงินที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อให้ประสบการณ์การซื้อราบรื่น และส่งผลต่อความสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาว
4. Channels
ถ้าเราต้องการสื่อสารสินค้าของเราออกไปยังกลุ่มเป้าหมาย เราจะสื่อสารออกไปในช่องทางไหนดี เช่น ช่องทางออนไลน์ (Facebook, Instagram, etc.) ออฟไลน์ (การออกบูท, วารสาร, ป้าย billboard, etc.)
5. Key Activities
Key Activities คือ กิจกรรมที่เราต้องทำในแต่ละวันเพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้
เช่น ถ้าเราเป็นเจ้าของธุรกิจร้านเสื้อผ้า Key Activities คือ การออกแบบเสื้อและผลิตเสื้อออกมา
6. Key Resources
Key Resources คือ ทรัพยากรต่าง ๆ ที่เรามีในบริษัทเพื่อให้ธุรกิจเดินต่อไปได้
เช่น PPE, พนักงาน, ข้อมูลของลูกค้า
7. Key Partners
Key Partners คือ สิ่งที่เราไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง เช่น ถ้าเราคือ Shopee เราไม่สามารถส่งสินค้าให้ลูกค้าทั้งหมดได้หากไม่มี Third-party logistics providers เช่น Flash Express, ไปรษณีย์ไทย, Kerry Express
8. Cost Structures
เป็นองค์ประกอบสำคัญที่นักลงทุนให้ความสนใจมากที่สุด เพราะถึงแม้ธุรกิจจะดูมีศักยภาพเพียงใด นักลงทุนก็ต้องการทราบว่าโมเดลรายได้นั้นทำได้จริงหรือไม่ และจะสามารถคืนทุนภายในระยะเวลากี่ปี
โดยค่าใช้จ่ายจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ Fixed Cost (ต้นทุนคงที่) และ Variable Cost (ต้นทุนผันแปร)
9. Revenue Streams
ช่องทางในการสร้างรายได้จากสินค้าและบริการของเรา ไม่ว่าจะเป็น รายได้จากการขายสินค้า, ค่าสมาชิกรายเดือน (Subscription) หรือ รายได้จากโฆษณา (Advertisement Revenue)
และนี่คือ 9 องค์ประกอบของ Business Model Canvas ที่คนทำธุรกิจทุกคนควรรู้ เพื่อวางแผนให้ธุรกิจของคุณสามารถเดินหน้าได้อย่างราบรื่น ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งจากคอร์ส Go-to-Market Strategies จาก Skooldio
โดยในคอร์ส Go-to-market Strategies นี้ เราได้ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางกลยุทธ์บุกตลาดอย่างคุณปารณีย์ ปินโฑละ Counsultant จาก McKinsey & Company อดีต Go-to-Market Lead จาก Google Thailand ที่จะมาแชร์ขั้นตอนวิธีการวางแผน ปัจจัยที่ควรคำนึงถึง และประสบการณ์การวางแผนปล่อยสินค้าหรือบริการให้ประสบความสำเร็จ
เมื่อเรียนจบคอร์สนี้ คุณจะสามารถ..
- ได้ Framework ในการวางกลยุทธ์ธุรกิจ ระบุได้ว่าสินค้า/บริการที่เราตั้งใจจะส่งมอบให้ลูกค้ามีคุณค่าอย่างไร มีโอกาสในตลาดแค่ไหน แตกต่างจากคู่แข่งตรงไหน ไปจนถึงวิธีการส่งมอบสินค้า/บริการ ไปถึงมือลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
- วางแผนการปล่อยสินค้าและบริการออกสู่ตลาดได้อย่างมีระบบ ทุกทีมที่เกี่ยวข้องทำงานไปในทิศทางเดียวกัน โดยผ่านการใช้ Frameworks ต่างๆ ร่วมกัน
- รู้ว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่จะนำมาวัดผลกลยุทธ์ (KPI) เพื่อปรับแก้ไขได้อย่างตรงจุด
ใครสนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่คอร์ส Go-to-market Strategies ได้เลย!