Blog Series: Product Managers – The Mutants Among Us ภาคต่อของ Skooldio LIVE ที่ได้นำเรื่องราวของเหล่า PM ที่เป็นเหมือนมนุษย์กลายพันธุ์ ย้ายสายงานจากเดิมที่เคยทำอยู่ โดยยังใช้ความรู้ที่มี มาประกอบกับการเก็บ Skill ใหม่ๆ ให้กลายเป็น PM ในปัจจุบัน มาเล่าสู่กันฟัง
สำหรับคุณธาม Product Manager คนแรกของเรานี้ มี Background ที่น่าสนใจมากๆเลยทีเดียว ด้วยการจบจากคณะเศรฐศาสตร์ แล้วกลายมาเป็น Programmer และสุดท้ายได้ผันตัวมาเป็น Product Manager อย่างเต็มตัว วันนี้เราได้ไปสัมภาษณ์คุณธามมาอย่างเจาะลึก เรื่องราวจะเป็นอย่างไร มาฟังกันครับ
อ่านตอนที่ 2: Product Manager สาย UX/UI ทักษะไหนที่ทำให้เราโดดเด่น
อ่านตอนที่ 3: จาก Process Engineer สู่ Product Manager: ความเหมือนที่แตกต่าง
Table of Contents
- แนะนำตัว
- เรียนจบด้านไหนมา
- แล้วได้เป็น Programmer ไหม
- แล้วมาเป็น Product Manager ได้ยังไง
- แล้วทำอะไรบ้าง
- ตอนที่ไปขอ CEO เค้าว่ายังไงบ้าง
- แสดงว่าเค้าต้องเห็นอะไรในตัวเรา
- ทักษะอะไรที่สำคัญต่อการเป็น Product Manager
- อัพสกิลเหล่านั้นยังไงเพื่อให้พร้อมกับการเป็น Product Manager
- จากการที่จบเศรษฐศาสตร์มา มีประโยชน์ยังไงกับการเป็น Product Manager
- หาความรู้เพิ่มเติมยังไงบ้าง
- ความสนุกของการทำ Product Management อยู่ที่ตรงไหน
- ฝากอะไรถึงคนที่อยากย้ายสายมาทำงานด้านนี้
แนะนำตัว
ชื่อธาม กวิน ติระบริสุทธิ์ครับ ตอนนี้เป็น Chief Product Officer ที่ FINNOMENA เรานิยามตัวเองว่าเป็น FinTech ด้าน Wealth Management หรือการลงทุนครับ Product หลักๆ ของเราคือ FINNOMENA Port ช่วยลูกค้าแนะนำกองทุนที่ควรลงทุน เพื่อให้ถูกต้องตามหลักการลงทุน เพื่อเป้าหมายในอนาคต เช่น เกษียณ ซื้อบ้าน ซื้อรถครับ
เรียนจบด้านไหนมา
จบจากคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยครับ สายการเงินเลย งานที่แรกเป็น Business Development ที่ Coins TH ทำงานหลายส่วน ได้มีโอกาสได้จับ Algorithm ในการดูราคา Bitcoin ทำแล้วรู้สึกว่าชอบพวก Programming เลยลาออกมาเพื่อไปเป็น Programmer นั่งเรียนคอร์สออนไลน์อยู่บ้านสามเดือน นั่งเรียน หัดเขียนโค้ดไปเรื่อยๆ เรียนเยอะมาก
แล้วได้เป็น Programmer ไหม
ตอนนั้นเพื่อนแนะนำ FINNOMENA มา ซึ่งตอนแรกเค้าหา Quantitative Strategist หรือคนวางแผนการลงทุนเชิงตัวเลขอยู่ เราก็พอทำได้แหละ แต่ตอนนั้นเราก็บอกเค้าว่าอยากทำด้าน Programming มากกว่า เลยจะปฏิเสธไป แต่เค้าเลยบอกว่า งั้นทำทั้งสองอย่างเลย (หัวเราะ) ก็เลยครึ่งตัวเป็น Quantitative Strategist อีกครึ่งตัวเป็น Programmer ครับ
แล้วมาเป็น Product Manager ได้ยังไง
ก่อนหน้านี้ FINNOMENA ไม่เคยมีทีม Product มาก่อนเลย เป็น Founders ที่เข้ามาให้ High-level Requirements เอง ถึงจุดนึงทีมเริ่มใหญ่ขึ้น ก็เริ่มเกิดปัญหาบ้างในด้านการสื่อสารและวาง Roadmap ประจวบเหมาะกับว่าในช่วงนั้น ได้จับงานในการพัฒนาระบบ Robo Advisor ซึ่งเป็น Product ที่แนะนำการลงทุนแบบอัตโนมัติให้ลูกค้า ผมรู้สึกว่าเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้น ในไทยยังไม่ค่อยมีใครทำกัน
ปกติเวลา Developers ทำงานใน Sprint ก็จะนับเป็นแต้ม (Story Points) กัน เช่น ปกติผมใช้ 10 แต้ม ผมก็ไปขอเหลือแค่ 5 แต้มพอ แล้วอีกครึ่งนึงขอไปทำในส่วนนี้ ตอนนั้นยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าคืองาน Product Manager ผมแค่อยากจะมีเวลาให้ตัวเอง เพื่อพัฒนาระบบ Robo Advisor ตรงนี้ให้ดียิ่งขึ้น ก็เลยเป็น Product แรกของผมครับ
แล้วทำอะไรบ้าง
ไม่รู้เลย (หัวเราะ) ตอนนั้นก็ชวนน้องอีกคนจากทีม Marketing ที่ชอบคุยกับ Developer ในการให้ Requirement ทำ Product ด้าน Marketing มานั่งด้วยกัน ช่วยกันทำ ช่วยกันคิด จำได้วันแรกนั่งทำ Gantt Chart กับน้องด้วย Google Sheet วันต่อมาก็คุยกันว่า เราต้องคุยกับ User เยอะๆ งั้นตั้ง Session คุยเรื่อง Customer Research พาลูกค้ามาที่ออฟฟิศแล้วกัน แบบบ้านๆเลย
โชคดีว่ามีเพื่อนที่เป็น Product Manager จากต่างประเทศกลับไทยมาพอดี ก็ไปถามเค้าว่า ต้องอ่านหนังสือเล่มไหน เริ่มทำอย่างไรบ้าง
ช่วงเดือนสองเดือนแรกก็ทุลักทุเล คิดมากว่าที่เราทำมันถูกยังวะ มันมี Value ต่อบริษัทจริงหรือเปล่า เป็นช่วงเวลาที่อ่านหนังสือ เรียนออนไลน์ ถามคนนู้นคนนี้เยอะมาก จนผ่านไปประมาณ 6 เดือน ก็เดินไปขอ CEO บอกว่า อยากจะ Full Time กับงานส่วนนี้ ที่ได้พัฒนาของใหม่ๆ ได้คุยกับ Developer ได้คุยกับ Designer ได้ประกอบของออกมาให้ User ใช้ ก็เลยเกิดเป็นทีม Product ขึ้นมาครับ
ตอนที่ไปขอ CEO เค้าว่ายังไงบ้าง
เค้าบอกว่าลุยเลย ต้องขอบคุณพี่ๆ เค้าที่ให้โอกาส เหมือนกับว่ามีพนักงานคนนึงเดินมาบอกว่าจะเลิกทำงานที่ตัวเองทำอยู่ แล้วไปทำอะไรก็ไม่รู้ที่ยังไม่เข้าใจ
แสดงว่าเค้าต้องเห็นอะไรในตัวเรา
(นิ่งคิด) เพราะผมโดดเข้าใส่ บางครั้งเวลามี Product ใหม่ๆ ออก ถึงแม้ว่าผมเป็น Dev ผมก็จะกระโดดเข้าไปนั่งด้วย ไปนั่งฟังว่าเค้าทำอะไรกัน Marketing ทำอะไรกัน มีอะไรที่เราจะพอช่วยได้มั้ย มันต้องโดดเข้าใส่และทำให้เค้าเห็นว่าเรารับผิดชอบตัวเองได้ และช่วยเหลือคนอื่นได้ เราต้อง Give ให้เค้าเห็นว่าเราพร้อมจะรับผิดชอบก่อนจะที่ Take ความรับผิดชอบนั้นมา
ทักษะอะไรที่สำคัญต่อการเป็น Product Manager
Communication (หรือการสื่อสาร) สำคัญมากเลย เพราะเราเป็นคนถือ Product Backlog, Roadmap, Priority ของ Product สิ่งที่เราต้องทำคือการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นสื่อสารขึ้นไปข้างบนกับพี่ๆ Founder หรือนักลงทุน (VC) ที่เราจะต้องฉายภาพว่าเรากำลังจะไปทางไหน นอกจากนี้ยังต้องสื่อสารกับทีมว่าเรากำลังจะแก้ปัญหาอะไร ทำไมถึงสำคัญ
อีกมุมนึงคือเราต้องเข้าใจลูกค้าด้วย ผมเชื่อเรื่องของ First-Hand Experience คือเราไม่สามารถให้คนอื่นไปคุยกับลูกค้า แล้วมาบอกเราว่าลูกค้าคิดยังไงได้ ผมรู้สึกว่าการคุยกับลูกค้าต่อหน้า ทำให้ได้เหตุผลว่าทำไมเค้าทำอย่างนั้น หรือเห็นความรู้สึกตอนนั้น เช่น ป้าจะเกษียณแล้วแต่ป้ายังไม่มั่นใจเลยว่ามีเงินพอมั้ย หรือคุณแม่ที่เพิ่งมีลูกแล้วอยากจะส่งต่อเงินนี้ให้ลูก เป็นเรื่องที่เราต้องเข้าไปคุยเอง ที่เราต้องไปสัมผัสด้วยตัวเอง เราถึงจะเข้าใจ
อัพสกิลเหล่านั้นยังไงเพื่อให้พร้อมกับการเป็น Product Manager
ตามสามวงกลมของ Product Management อย่างผมจบเศรษฐศาสตร์มาก็จะได้เรื่องของ Business มาบ้าง เข้าใจ Industry การเงินการลงทุน ด้าน Technology ก็อาจจะลงคอร์สออนไลน์พื้นฐานการทำเว็บ เพื่อให้เข้าใจว่าโครงสร้างเป็นยังไง API คืออะไร Front-end Back-end คืออะไร ให้พอกะได้คร่าวๆ ว่าสิ่งที่เราอยากได้ มันทำยากแค่ไหน มีความเป็นไปได้ยังไง ด้าน Design ก็จะเน้นเรื่องการลองเล่นแอพเยอะๆ เพื่อให้เข้าใจ UX/UI มากขึ้น หรือการคุยกับลูกค้าบ่อยๆ เพื่อหา Insight
จากการที่จบเศรษฐศาสตร์มา มีประโยชน์ยังไงกับการเป็น Product Manager
เด็กเศรษฐศาสตร์หลายคนจะมี Mindset ที่จะคิดถึง Opportunity Cost หรือต้นทุนค่าเสียโอกาสตลอดเวลา ว่าเราทำสิ่งนี้ปุ๊บแล้วเราจะเสียโอกาสอะไรไป แล้วเราจะพาให้ทุกคน Optimize ทุกสิ่งให้คุ้มตลอดเวลา หรือการคำนวณ Present Value เมื่อไหร่ Product นี้จะคืนทุน เมื่อไหร่จะกำไร แต่มันก็เป็นกับดักเหมือนกัน เพราะมันก็เป็นแค่ตัวเลข บางที Value ที่เราจะให้กับลูกค้ามันวัดเป็นตัวเลขได้ยาก
หาความรู้เพิ่มเติมยังไงบ้าง
อ่านหนังสือเยอะมากเลย เช่น INSPIRED ของ Marty Cagan, The Hard Thing About Hard Things ของ Ben Horowitz, Escaping the Build Trap ของ Melissa Perri, Don’t Make Me Think ของ Steve Krug หรือ Lean Analytics รวมถึงเวลามีมีทอัพอะไร ก็จะไปจอยด้วยเสมอๆ ไปขอความรู้จากคนอื่น
ความสนุกของการทำ Product Management อยู่ที่ตรงไหน
ได้แก้ปัญหา เวลามีลูกค้าที่ตั้งใจเขียน Review, Feedback มาให้เราดีๆ ผมจะค่อยๆ ตั้งใจอ่าน พอได้เห็นว่า Product หรือ Feature ของเราไปช่วยแก้ปัญหาให้เค้าได้จริงๆ มันทำให้รู้สึกดีครับ ในอีกมุมนึงที่ลึกเข้าไปส่วนตัวก็คือ เราในฐานะ Product Manager มีหน้าที่ทำให้ทุกคนในทีมเห็นเป้าหมายเดียวกัน เข้าใจว่าเรากำลังจะสร้าง Value อะไรอยู่ สิ่งนี้ผมเชื่อว่ามันเป็นแรงผลักดันให้ทุกคนอยากตื่นขึ้นมาทำงานด้วยกัน
ฝากอะไรถึงคนที่อยากย้ายสายมาทำงานด้านนี้
อย่ากลัวที่จะโดดเข้าใส่ Product Management มันมีสามวง ผมยังไม่เคยเห็นใครที่เต็มหลอดทั้งสามวงขนาดนั้นเลย แต่สำคัญคือเราต้องรู้ตัวว่าเรายังขาดอะไร สมมุติเรามีด้าน Tech แล้ว ยังขาดอีกสองด้าน เราก็ค่อยๆ เพิ่มไป หาความรู้เพิ่มเติม หรือหา Mentor คุยกับผู้รู้ อย่าไปกลัวว่าเรามีแค่ Tech แล้วจะทำไม่ได้ มันไม่มีคำนั้นอยู่ ผมเชื่อว่าตอนนี้หลายๆ คนก็อยู่ในจังหวะที่ค่อยๆ เพิ่มด้านที่ตัวเองขาดอยู่เหมือนกัน
อีกเรื่องนึง ฝากสำหรับชาว Developer คือ เราเขียนโปรแกรมเสร็จ เทสผ่าน เราจบงาน Happy Ending ไปกินข้าว แต่กับ Product วันนั้นคือวันเริ่มงานจริงๆ มันอาจจะมีอะไรที่เราต้องปรับ หรือบางทีอาจจะไม่มีคนสนใจ ทำให้เราผิดหวังก็เป็นได้ อย่าไปเครียดกับมันครับ มองว่าเป็นเรื่องธรรมชาติของการเรียนรู้ สำคัญคือลุกขึ้นมาแก้ไขมันต่อไป การทำ Product มันคือวิ่งมาราธอน ไม่ใช่วิ่ง Sprint ครับ
Skooldio เปิด Bootcamp ใหม่! ให้คุณได้พัฒนา Skill หลักในการเป็น Product Manager กับ Product Management Bootcamp หลักสูตร 10 สัปดาห์ (PM Bootcamp) เพื่อเตรียมคุณให้พร้อมสู่การเป็น Product Manager เปิดรับสมัครแล้ววันนี้!