AI Agent คือ

การมาถึงของ Generative AI ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เปลี่ยนแปลงการทำงาน และธุรกิจไปอย่างลึกซึ้ง ทั้งในเชิงประสิทธิภาพ การตัดสินใจ และการสร้างรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน ช่วยปลดล็อคคุณภาพการทำงานให้สูงขึ้นและเร็วขึ้นกว่าทุกเทคโนโลยีที่เคยมีมา 

แต่แค่การใช้ Generative AI เป็น ไม่ได้หมายความว่าคุณจะชนะและอยู่จุดสูงสุดบนโลกธุรกิจ

หนึ่งในสิ่งที่องค์กรจำนวนมากให้ความสนใจกันคือ AI Agent โปรแกรมซอฟต์แวร์ที่สามารถทำงานตามคำสั่งและประมวลผลข้อมูลเพื่อบรรลุเป้าหมายต่างๆ ที่ถูกกำหนดไว้ได้แบบอัตโนมัติ จนทำงานได้แทนมนุษย์ แต่ IBM เผยว่า AI Agent มีหลายระดับ แบ่งแยกกันไปตามระดับของความฉลาด การตัดสินใจ และการปฏิสัมพันธ์กับคำสั่งเพื่อทำให้ผลลัพธ์ออกมาประสบความสำเร็จ บทความนี้จึงขอพาทุกคนมาทำความรู้จัก AI Agent ทั้ง 5 ระดับกัน

Simple Reflex Agents

ไดอะแกรมของ Simple Reflex Agents
source: IBM

AI Agent ระดับนี้จะอยู่ในขั้นระดับพื้นฐานที่สุด ถูกออกแบบมาให้ทำตามเซ็ตคำสั่งเงื่อนไขที่ตั้งเอาไว้ โดยจะตัดสินใจแบบไม่ใช่ข้อมูลจากอดีต หรือผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคตเลย ไม่สามารถคิด วิเคราะห์ หรือพัฒนาองค์ความรู้ของตัวเอง เป็นเพียงระบบ condition-action rule ที่ถ้ามีเงื่อนไขบางอย่างเกิดขึ้นตามกฎที่ตั้งไว้ ตัวโปรแกรมก็จะทำงานตามคำสั่งตามสเต็ป เปรียบเสมือนกับเครื่องจักรที่ทำสิ่งเดิมซ้ำไปซ้ำมา

ตัวอย่างของ Simple Reflex agents ก็คือเทอร์โมสตัท (thermostat) ที่จะเปิดฮีตเตอร์เมื่อจับอุณหภูมิลดลงต่ำเกินมาตรวัดที่กำหนด และจะปิดฮีตเตอร์เมื่ออุณหภูมิกลับมาอยู่ในระดับที่ต้องการ อีกตัวอย่างคล้าย ๆ กันก็จะเป็นสัญญาณไฟจราจรที่จะเปลี่ยนสีไฟด้วยการใช้เซนเซอร์ตรวจความหนาแน่นของการจราจร

Model-Based Reflex Agents

ไดอะแกรม Model-Based Reflex Agents
source: IBM

AI Agent ระดับนี้ยังคงใช้ condition-action rule ในการตัดสินใจอยู่ แต่ความพิเศษที่เพิ่มมาก็คือมันไม่ได้แค่ตอบสนองตามคำสั่งที่ตั้งไว้อย่างเดียว แต่ยังมีโมเดลแบบของสภาพแวดล้อมบรรจุเข้าไปในความทรงจำด้วย มีการติดตามสถานะปัจจุบันของสภาพแวดล้อม พร้อมทั้งเข้าใจว่าปฏิสัมพันธ์ที่ผ่านมามันส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม เป็น AI Agent ที่ตัดสินใจได้เก่งขึ้นและทำงานภายใต้สถานการณ์ที่มีความซับซ้อนและคาดเดายากได้ดีขึ้น

ตัวอย่างของ Model-Based Reflex Agents ก็คือเครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติที่ไม่ใช่แค่ทำความสะอาดไปเรื่อยแบบซ้ำ ๆ วนไปวนมา แต่มันยังจำแผนผังห้องได้ ที่สำคัญคือรู้ว่าตรงไหนทำความสะอาดไปแล้วและตรงไหนยังไม่ได้ทำ

การจดจำอดีตคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Model-Based Reflex ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่า Simple Reflex อย่างเห็นได้ชัด สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ต้องอาศัยการจดจำสิ่งต่าง ๆ สำหรับการตัดสินใจในอนาคต แต่ถึงแม้ AI Agent ระดับนี้จะมีการพัฒนาความคล่องตัวยืดหยุ่น แต่ก็ยังขาดกระบวนการใช้เหตุผลและการเรียนรู้ที่สามารถแก้ปัญหาที่มีความซับซ้อนสูงในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายได้

Goal-Based Agents

ไดอะแกรม Goal-Based Agents
source: IBM

AI Agent ในระดับนี้ไม่ได้แค่ทำงานตามเงื่อนไขคำสั่ง condition-action rule แต่จะเป็นการทำงานด้วยการโฟกัสที่เป้าหมาย (goal) เพื่อแก้ปัญหา โดยมีการ “วางแผน” และการใช้ “เหตุผล” เพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น

ตัวอย่างของ Goal-Based Agents ก็คือหุ่นยนต์ที่ออกแบบมาให้เดินทางในตึกจากห้องหนึ่งไปอีกห้องหนึ่ง ซึ่งตัวหุ่นยนต์ก็จะไม่ได้แค่หลบหลีกสิ่งกีดขวางได้อย่างเดียว แต่ยังสามารถวางแผนเส้นทางเพื่อลดระยะทางให้ใกล้ที่สุด และหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางที่เคยเจอแล้วได้ด้วย

หลักการสำคัญของ AI Agent ระดับนี้คือการรับรู้สถานะของสภาพแวดล้อม เก็บแบบจำลองโลกไว้ในความจำ รู้ว่าจุดหมายที่ต้องการคืออะไร แล้วใช้กระบวนการวางแผนหรือการคำนวณเพื่อตัดสินใจว่าควรทำอะไรต่อไปเพื่อให้เข้าใกล้เป้าหมายนั้น แต่ก็ยังไม่ได้ทรงพลังถึงขั้นที่ว่าทำทุกอย่างได้เอง สาเหตุสำคัญคือหลายครั้งมันยังต้องอาศัยการตั้งการตัดสินใจล่วงหน้าอยู่ดี

Utility-Based Agents

ไดอะแกรม Utility-Based Agents
source: IBM

AI Agent ในไม่ได้ทำงานด้วยการเลือกว่าทางเลือกไหนจะบรรลุเป้าหมายสำเร็จ แต่มันมองลึกไปอีกว่าทางไหนจะทำให้เป้าหมายบรรลุผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สามารถตัดสินใจได้ดีที่สุดกว่าทุกระดับที่ผ่านมา

ตัวอย่างของ Utility-Based Agents ก็คือรถยนต์ที่ขับอัตโนมัติที่จะคำนึงถึงความเร็ว การประหยัดน้ำมัน และความปลอดภัย ไว้ใช้ในการตัดสินใจเพื่อเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางได้ดีที่สุดภายใต้ตัวแปรทั้งสามตัวนี้

ข้อดีของเอเจนต์แบบนี้คือมันจัดการกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนได้ดี โดยเฉพาะเวลามีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณาพร้อมกัน เช่น ความเร็ว ความปลอดภัย ค่าใช้จ่าย หรือความสะดวกสบายของผู้ใช้ เพราะเราสามารถถ่วงน้ำหนักความสำคัญแต่ละอย่างรวมเข้าไปในฟังก์ชันอรรถประโยชน์ได้ และมันยังรับมือกับความไม่แน่นอนได้ด้วย โดยคำนวณจาก “ผลลัพธ์ที่น่าจะเกิดขึ้น” แล้วเลือกสิ่งที่ให้ประโยชน์โดยรวมมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม การออกแบบฟังก์ชั่นของ Utility-Based Agents ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเราต้องแปลงสิ่งที่เป็นนามธรรม เช่น ความปลอดภัย ความยุติธรรม หรือความพึงพอใจของผู้ใช้ ให้กลายเป็นค่าตัวเลขที่เอเจนต์เข้าใจได้ ถ้ากำหนดไม่ดี มันก็อาจทำบางอย่างที่ไม่ตรงกับเจตนาที่เราต้องการจริง ๆ

Learning Agents

ไดอะแกรม Learning Agents
source: IBM

ในขณะที่ AI Agent ระดับอื่น ๆ จะมีอาศัยกฎเกณฑ์ที่ถูกกำหนดไว้และโมเดลตั้งต้น แต่ Learning Agent จะเป็นการพัฒนาเรียนรู้พฤติกรรมของตัวเองผ่านฟีดแบ็กจากสภาพแวดล้อมอยู่ตลอดเวลา มีการเรียนรู้จากประสบการณ์และปรับปรุงตัวเองตลอดเวลา

หัวใจของ Learning Agent มักอธิบายผ่านองค์ประกอบสี่อย่างที่ทำงานร่วมกันอย่างลื่นไหล 

  1. Performance Element สมองที่เลือกการกระทำตอบสนองสถานการณ์ตรงหน้า
  2. Learning Element เฝ้าดูผลงานของตัวเองแล้วปรับพารามิเตอร์ ความรู้ หรือกลยุทธ์ให้ดีขึ้น
  3. Critics ผู้วิจารณ์ที่ให้ฟีดแบ็ก เช่น คะแนนรางวัล ความแม่นยำ หรือสัญญาณผิดพลาด
  4. Problem Generator ชวนให้ลองสิ่งใหม่ ๆ ไม่ให้เอเจนต์ยึดติดกับวิธีเดิมเสมอไป เพราะการกล้าสำรวจนอกเส้นทางเดิมคือทางลัดสู่การค้นพบวิธีที่ดีกว่าในอนาคต

ภาพรวมนี้ทำให้เห็นว่า Learning Agent ไม่ได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเองแบบสุ่มสี่สุ่มห้า แต่เรียนอย่างมีระบบแบบแผน ความสามารถในการเรียนรู้จากปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวโปรแกรมกับสภาพแวดล้อมภายนอก ทำให้ AI Agents ระดับนี้มีคุณค่าและคุณประโยชน์มากสำหรับการทำ Chatbots ที่ทรงพลัง 

ทำไม AI Agent ถึงเป็นปัจจัยสำคัญในการยกระดับธุรกิจขององค์กร?

เมื่อเราย้อนกลับไปดูตั้งแต่ระดับแรกของ AI Agents จะเห็นว่าเส้นทางการพัฒนานี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของเทคโนโลยี แต่คือการสร้าง “ความสามารถในการตัดสินใจ” ที่ฉลาดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และนี่แหละคือหัวใจที่ทำให้ AI Agents กลายมาเป็นตัวเร่งการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจยุคใหม่

องค์กรไม่สามารถพึ่งพาเพียงแรงงานมนุษย์หรือกระบวนการแบบดั้งเดิมได้อีกต่อไป AI Agents เข้ามาเติมเต็มช่องว่างนี้ด้วยการทำงานซ้ำ ๆ แทนคน ได้อย่างอัตโนมัติ, และที่สำคัญคือ ตัดสินใจแบบ real-time ได้ดีกว่ามนุษย์ในหลายบริบท

ดังนั้น การลงทุนใน AI Agents ไม่ได้เป็นเพียงการเพิ่มประสิทธิภาพ แต่คือการสร้าง รากฐานใหม่ของการแข่งขันทางธุรกิจ องค์กรที่สามารถผสาน AI Agents เข้ากับกระบวนการทำงาน จะก้าวข้ามจากการทำงานเชิงรับ ไปสู่การขับเคลื่อนนวัตกรรมเชิงรุก มีความยืดหยุ่นต่อความไม่แน่นอน และสร้างคุณค่าที่แตกต่างให้ลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง

Generative AI Agent Lab for Executives

เวิร์กชอปสำหรับผู้บริหารแบบเข้มข้น 1 วัน ที่ช่วยคุณทำ Prototype AI Agent อย่างเป็นระบบ เจาะจงกับบริบทของธุรกิจ ช่วยเร่งสปีดการทำ AI Transformation ขององค์กรคุณ ผลักดัน AI Implementation ในองค์กรให้สำเร็จ ห้ามพลาด! Generative AI Agent Lab for ExecutivesGenerative AI Agent Lab for Executives | Skooldio

สมัครเรียน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก Generative AI Agent Lab for Executives ได้เลย!


Sources

Types of AI agents | IBM

The Six Levels of Agentic Behavior | Vellum 

More in:AI

Comments are closed.