ในโลกธุรกิจยุคปัจจุบัน AI ไม่ได้เป็นเพียงเทคโนโลยีเสริมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญที่กำลังเปลี่ยนวิธีคิด กลยุทธ์ และรูปแบบการดำเนินงานขององค์กรอย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน การคาดการณ์แนวโน้มตลาด การออกแบบประสบการณ์ลูกค้าที่ตรงใจ ไปจนถึงการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน องค์กรที่สามารถนำ AI มาประยุกต์ใช้ได้อย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพ ย่อมมีโอกาสก้าวนำคู่แข่ง และปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วกว่าที่เคย
อย่างไรก็ตาม การเดินหน้าสู่การทำ AI Transformation อย่างยั่งยืนไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเริ่มจาก “ความเข้าใจ” ที่ถูกต้องและลึกซึ้งในเรื่อง AI ของ “คนทั้งองค์กร” ด้วย บทความนี้จะพาทุกคนมาดูแนวทางในการเริ่มทำ AI Transformation เพื่อมุ่งสู่การเป็น AI-First Company พร้อมทั้งกรณีศึกษาจากองค์กรชั้นนำในประเทศไทยอย่าง “เงินติดล้อ”
Table of Contents
- AI Transformation จะเกิดขึ้นได้ ต้องก้าวไปพร้อมกันทั้งผู้บริหารและพนักงาน
- กรณีศึกษาจาก “เงินติดล้อ” (Ngern Tid Lor)
- การยกระดับเป็นองค์กรแห่ง AI จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีการสร้างความเข้าใจให้ “คนทั้งองค์กร”
- “เงินติดล้อ” : ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกันด้วยการอบรมทั้งผู้บริหารและพนักงานทุกคนในองค์กร
- การทำ AI Transformation ต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้!
AI Transformation จะเกิดขึ้นได้ ต้องก้าวไปพร้อมกันทั้งผู้บริหารและพนักงาน
ทุกการก้าวข้ามไปสู่สเตจใหม่ในเชิงเทคโนโลยีขององค์กรทุกยุคสมัย ล้วนแล้วไม่ได้อาศัยความมุ่งมั่นตั้งใจจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียง แต่มันคือการที่ “คนทั้งองค์กร” เดินหน้าลุยไปสู่จุดมุ่งหมายปลายทางเดียวกัน แต่แน่นอนว่ากลุ่มคนที่ต้องตั้งธงและนำหน้าการเปลี่ยนผ่านนี้ก็คือตัวผู้บริหารเอง ที่จะต้องมีความเข้าใจในทิศทาง หลักการ เครื่องมือ และการนำสิ่งใหม่มาประยุกต์ใช้กับองค์กรอย่างเหมาะสมก่อน เพราะถ้าหากว่าผู้บริหารยังไม่มีแนวทางและภาพที่ชัดเจนเกี่ยวกับทางข้างหน้า การพาองค์กรไปสู่ยุคสมัยใหม่อย่างยั่งยืนก็จะทำได้ยากมาก และอาจจะไม่ประสบผลสำเร็จในท้ายที่สุด
ในยุคปัจจุบันที่ AI ได้เข้ามาเป็นกุญแจสำคัญสู่การสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกธุรกิจ การเตรียมความพร้อมเรื่อง AI Transformation ในตัวผู้บริหารจึงสำคัญกว่าทุกยุคสมัยที่ผ่านมา ถึงแม้ AI จะเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังมาก แต่ถ้าเราไม่เข้าใจหลักการทำงาน แนวทางการประยุกต์ใช้ และขีดจำกัดความสามารถของมัน การหยิบ AI มาใช้กับทีมและพนักงานทั่วไปทั้งอย่างนี้ก็จะสร้างความสับสนและอาการช็อคน้ำให้กับทุกภาคส่วนมาก ส่งผลให้องค์กรเดินไปข้างหน้าอย่างไม่มีทิศทางจนเกิดผลเสียระยะยาวเสียเอง เพราะฉะนั้น การเตรียมความพร้อมเรื่อง AI อย่างถูกหลักการจึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุด
กรณีศึกษาจาก “เงินติดล้อ” (Ngern Tid Lor)
ทาง “เงินติดล้อ” ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของ AI และต้องการที่จะเตรียมความพร้อมการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้อย่างถูกต้อง จึงได้ทำการติดต่อ Skooldio ให้เข้ามาช่วยในเรื่องนี้ จนเกิดเป็นเวิร์กชอป Generative AI Mastery for Executives สำหรับผู้บริหารระดับสูงของ “เงินติดล้อ” ขึ้นมา ซึ่ง Skooldio ก็ได้เข้าไปสร้างความเข้าใจตั้งแต่เบื้องหลังและ Foundation ของ AI พร้อมนำเสนอ Use Cases ต่าง ๆ ที่ใช้งานจริงในองค์กร ทั้งในไทย และต่างประเทศ ไปจนถึงความเสี่ยงที่ต้องคำนึงถึง ที่สำคัญคือได้มีการเสนอแนวทางในการหยิบ Generative AI มาประยุกต์ใช้กับบริษัทสินเชื่ออย่าง “เงินติดล้อ” โดยเฉพาะ ซึ่งจุดนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะว่าแต่ละอุตสาหกรรมหรือธุรกิจ ต่างก็มีลักษณะและรูปแบบการทำงานที่ไม่เหมือนกัน แนวทางการใช้ AI ของแต่ละอุตสาหกรรมจึงมีความแตกต่างกันในรายละเอียด

บรรยากาศเวิร์กชอป Generative AI Mastery for NTL Executives
อีกจุดประสงค์สำคัญที่ทาง “เงินติดล้อ” ตั้งไว้ก็คือการช่วยสร้างพื้นฐานด้าน AI อย่างแน่นหนาเพื่อที่ทางผู้บริหารจะได้สามารถเข้าไปให้คำแนะนำ และแนวทางการใช้ AI อย่างถูกต้องโดยตรงกับพนักงานในช่วงการจัด AI Hackathon ขององค์กรได้
เมื่อใดที่เข้าใจ AI… เมื่อนั้นลู่ทางข้างหน้าจะชัดเจนแจ่มแจ้ง
การเตรียมความพร้อมด้านความรู้ความเข้าใจเรื่อง AI ในตัวผู้บริหาร ไม่ได้เป็นแค่ “หลักสูตรเสริม” แต่เป็นไฟดวงแรกที่ช่วยสร้างรากฐานสำคัญที่จะทำให้องค์กรสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่ AI-First Company ได้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพสูงสุด หากสิ่งนี้ไม่เกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย หากผู้บริหารมอง AI เป็นเพียงเครื่องมือของฝ่ายไอที องค์กรจะติดกับดักทำโครงการทดลองสวย ๆ แต่ไม่เชื่อมกับเป้าธุรกิจ จนเกิดการสิ้นเปลืองงบประมาณขึ้น ในทางกลับกัน เมื่อผู้บริหารเข้าใจศักยภาพ ข้อจำกัด และความเสี่ยงของ AI พวกเขาก็จะสามารถกำหนดทิศทาง เลือกสนามแข่งขัน จัดสรรทรัพยากร และเห็นภาพการนำ Generative AI ไปสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขององค์กรได้อย่างเป็นระบบ ทำให้เวลาไปสู่คุณค่า (time‑to‑value) สั้นลงและอัตราความสำเร็จสูงขึ้น
ยิ่งในยุค Generative AI ความไม่รู้มีต้นทุนสูงกว่าที่คิด อัลกอริทึมสามารถ “สร้าง” เนื้อหาที่น่าเชื่อแต่ผิด (hallucination) ออกมาได้ หากผู้บริหารไม่เข้าใจธรรมชาติของความเสี่ยงเหล่านี้ ผลกระทบร้ายแรงด้านชื่อเสียง กฎหมาย และความไว้วางใจของลูกค้าก็จะเกิดขึ้นได้ การเตรียมความพร้อมจึงไม่ใช่แค่การเรียนรู้การใช้งานเครื่องมือ AI อย่างเดียว แต่ต้องเข้าใจความเสี่ยงและประเด็นเรื่องความถูกต้องของข้อมูลด้วย
การยกระดับเป็นองค์กรแห่ง AI จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีการสร้างความเข้าใจให้ “คนทั้งองค์กร”
สิ่งแรกที่ทุกคนและทุกองค์กรต้องทำความเข้าใจก็คือ การทำ AI Transformation ไม่ได้อาศัยแค่ตัวผู้บริหารอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยพนักงานทั่วไปทั้งหมดขององค์กรด้วย ถึงแม้ผู้บริหารจะมีความรู้ความเข้าใจในรากฐาน AI แล้ว แต่การหยิบเครื่องมือนี้มาประยุกต์ใช้ในทันทีเลยจะสร้าง “หลุมอากาศ” ขนาดใหญ่ในแต่ละทีมเพราะพวกเขาส่วนใหญ่ยังไม่คุ้นเคยกับการใช้งานเครื่องมือนี้มาก่อน การที่จู่ ๆ เราจะโยน AI เข้ามาในกระบวนการทำงานเลยแบบไม่มีที่มาที่ไปหรือการเตรียมตัวที่ดี สุดท้ายแล้วจะส่งผลเสียให้กับการเปลี่ยนผ่านและสุขภาพกายใจของคนทำงานมาก
ด้วยสาเหตุนี้เอง การเตรียมความพร้อมด้าน AI ให้พนักงานจึงเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของ AI Transformation เพราะการเปลี่ยนผ่านไม่ได้เกิดจากเอาเครื่องมือเข้าใช้อย่างเดียว แต่เกิดจากคนที่รู้ว่าจะใช้เทคโนโลยีอย่างไรให้เข้ากับงาน กระบวนการ และเป้าหมายขององค์กร เมื่อพนักงานมีความรู้ความเข้าใจพื้นฐาน (AI literacy) เข้าใจความสามารถและข้อจำกัดของเครื่องมือ เข้าใจหลักการใช้ข้อมูลอย่างปลอดภัย และรู้จักกรอบการกำกับดูแลที่องค์กรกำหนด พวกเขาจะสามารถเข้าใจได้ด้วยตัวเองทันทีว่า AI มีประโยชน์อย่างไร และจะเข้ามาช่วยยกระดับการทำงานของพวกเขาอย่างไรบ้าง
“เงินติดล้อ” : ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกันด้วยการอบรมทั้งผู้บริหารและพนักงานทุกคนในองค์กร

บรรยากาศเวิร์กชอป Generative AI Mastery: Rethink & Innovate
หลังจากที่ “เงินติดล้อ” ได้ผ่านกระบวนการเตรียมความพร้อมเรื่อง AI อย่างถ่องแท้ทั้งในพื้นฐานและวิธีคิดให้กับผู้บริหารแล้ว สเต็ปต่อไปในครั้งนี้ก็ถึงคราวที่ต้องเตรียมความพร้อมให้กับพนักงานทุกคนไปพร้อมกับผู้บริหารทั้งองค์กร ทาง Skooldio ก็เลยได้เข้าไปจัดเวิร์กชอป Generative AI Mastery: Rethink & Innovate เพื่อติดอาวุธความรู้และทักษะให้ผู้บริหารและพนักงานของ “เงินติดล้อ” ได้ลงมือปฏิบัติจริง ได้ทำความเข้าใจขีดความสามารถเครื่องมือต่าง ๆ และข้อจำกัดของ AI โดยจุดหมายปลายทางของเวิร์กชอปนี้ก็ คือการสร้างภาพอนาคตของ AI ที่เป็นภาพเดียวกันทั่วทั้งองค์กร ทำให้มั่นใจได้ว่าทุกโปรเจกต์ที่เกิดขึ้นจะสอดคล้องกับเป้าหมายหลักของบริษัท และพนักงานสามารถทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างเข้าอกเข้าใจและมีประสิทธิภาพ
มิติหนึ่งที่มักถูกมองข้ามคือวัฒนธรรมและแรงจูงใจของคนในองค์กร พนักงานที่ได้รับการเตรียมพร้อมจะไม่รู้สึกว่า AI คือสิ่งที่มาทดแทนตนเอง แต่เห็นมันเป็นเครื่องทุ่นแรงและเครื่องเพิ่มอิทธิพลในการทำงาน พวกเขาจะกล้าเสนอแนวคิด ทดลองด้วยความรับผิดชอบ และสามารถหยิบ AI มาประยุกต์ใช้กับงานของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพจริง ๆ เพราะฉะนั้น การจัดเวิร์กชอปหรือพื้นที่ทดลองชั่วคราวที่ทำให้ “ทั้งผู้บริหารและพนักงาน” สามารถได้สัมผัสการใช้งาน AI ด้วยตัวเองจริง ๆ
เลือกรูปแบบ AI มาประยุกต์ใช้และเพิ่มประสิทธิภาพให้เหมาะสมกับทีม
หากทีมต่าง ๆ ใช้ AI รูปแบบเดียวกันโดยไม่คำนึงถึงลักษณะงานเฉพาะ ความคุ้มค่าในการลงทุนอาจลดลง และอาจทำให้ศักยภาพของการหยิบมาใช้ AI มีประสิทธิภาพไม่เต็มที่เท่าที่ควร ตัวอย่างเช่น ทีมที่ทำงานด้านการตลาดอาจต้องการ AI ที่สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคและช่วยในการสร้างเนื้อหาอัตโนมัติ ขณะที่ทีมวิศวกรรมซอฟต์แวร์อาจให้ความสำคัญกับ AI ที่ช่วยในการตรวจสอบโค้ด ลดบั๊ก และเพิ่มความเร็วในการพัฒนา ดังนั้นการเลือกรูปแบบที่แตกต่างกันให้ตรงกับความต้องการของแต่ละทีมจึงช่วยให้ AI กลายเป็น “ตัวเสริมพลัง” ที่แท้จริง ไม่ใช่เพียงเครื่องมือที่ถูกใช้งานแบบทั่วไป
อีกทั้ง การปรับให้เหมาะสมกับทีมยังช่วยสร้าง “การยอมรับ” และ “การใช้งานจริง” ได้ดียิ่งขึ้น เพราะหากเครื่องมือ AI สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด ช่วยลดภาระซ้ำซ้อน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างชัดเจน สมาชิกในทีมจะมองเห็นคุณค่าและพร้อมที่จะเรียนรู้วิธีการใช้งานโดยไม่รู้สึกว่าถูกบังคับ ในขณะเดียวกัน องค์กรก็สามารถติดตามผลลัพธ์ได้ชัดเจนและวัดผล ROI ของการนำ AI มาใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรม

บรรยากาศเวิร์กชอป Generative AI for Effective Communication
ด้วยสาเหตุนี้เอง ทาง “เงินติดล้อ” จึงต้องการเสริมสร้างความเชี่ยวชาญของแต่ละทีมโดยเฉพาะ ผ่านการใช้ AI ให้เหมาะสมกับลักษณะของทีมต่าง ๆ ซึ่ง Skooldio ก็ได้เข้าไปจัดเวิร์กชอป AI สองรูปแบบคือ Generative AI สำหรับทีมที่ทำเกี่ยวกับงานสร้างสรรค์เป็นหลัก เช่น ทีมการตลาด และทีมคอนเทนต์ ส่วนอีกเวิร์กชอปจะเป็น Predictive AI ทีมที่ทำงานเกี่ยวกับตัวเลขและการพยากรณ์ เช่น ทีมการเงิน และทีม Data เป็นต้น
ซึ่ง Predictive AI คือการใช้แบบจำลองเชิงสถิติและแมชชีนเลิร์นนิงเพื่อ “คาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้น” หรือ “ความน่าจะเป็นที่เหตุการณ์หนึ่งจะเกิด” แล้วผูกผลคาดการณ์เข้ากับการตัดสินใจ เช่น เลือกข้อเสนอ โปรโมชัน ลำดับงาน หรือการเตือนล่วงหน้า ต่างจาก Generative AI ที่เน้น “สร้างเนื้อหา/การโต้ตอบ”

ภาพถ่ายรูปหมู่หลังจบเวิร์กชอป Predictive AI Mastery
การทำ AI Transformation ต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้!
การเริ่มต้นทำ AI Transformation ตั้งแต่วันนี้คือการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการแข่งขันระยะยาวขององค์กร ด้วยความที่พัฒนาการของ AI มันเคลื่อนตัวไปข้างหน้าเร็วมาก การรอจึงมีแต่จะทำให้ช่องว่างระหว่างเราและองค์กรที่ใช้ AI มีความห่างขึ้นเรื่อยๆ หมายความว่ายิ่งเวลาผ่านไปต้นทุนในการไล่ตามก็จะยิ่งสูงขึ้น การลงมือในตอนนี้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก
AI-Enablement Program
หากองค์กรของคุณกำลังมองหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญด้าน AI และพร้อมทำความเข้าใจบริบททางธุรกิจอย่างลึกซึ้ง Skooldio ยินดีที่จะร่วมเดินเคียงข้างคุณในเส้นทางการ Transformation พร้อมทั้งออกแบบโปรแกรมที่ตอบโจทย์และสอดคล้องกับเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ขององค์กรอย่างแท้จริง
เรามีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการออกแบบเส้นทางการเรียนรู้สำหรับผู้บริหาร และพนักงาน โดยเริ่มจากการรับฟังและทำความเข้าใจปัญหาและความต้องการของผู้นำและองค์กรอย่างรอบด้าน เพื่อนำไปสู่การสร้างโปรแกรมการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับบริบทเฉพาะของแต่ละธุรกิจ
ถ้าองค์กรของคุณพร้อมที่จะก้าวสู่โอกาสใหม่ ๆ ด้วยการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้าน AI อย่างตรงจุด Skooldio พร้อมที่จะช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็น AI-First Company อย่างมั่นคงและยั่งยืน
ติดต่อผู้เชี่ยวชาญของเราเพื่อปรึกษาฟรี! sales@skooldio.com โทร 087-517-5716 (คุณแคน)