สรุปเซสชัน BUSINESS DEVELOPMENT SKILLS TO SCALE YOUR GROWTH ทักษะ BD นักพัฒนาธุรกิจ มองหาโอกาส สร้างการเติบโต โดยคุณโบ๊ท-ไผท ผดุงถิ่น ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Builk One Group ในงาน The Secret Sauce Summit 2025
คุณโบ๊ทมักเปรียบ BD คือคนที่คลอดธุรกิจออกมา BD Skills มักต้องถ่ายทอดจากเจ้าของไปให้ทีม
คุณโบ๊ทเคยเป็น BD ใน Corporate มาก่อน แต่สุดท้ายเมื่อเจ้านายไม่ซื้อไอเดีย จึงลาออกไปเปิดบริษัทเอง ปรากฏว่าเจ๊ง หลังจากนั้นเขากลับมาทำธุรกิจ สร้างบริษัททำร่วมกับเพื่อน ๆ โดยคุณโบ๊ทเป็น Business Development Director เพื่อช่วยดูแลให้มันแข็งแรงก่อน แต่ก็ติดกับดัก BD หลายอย่าง เช่น มี BD หลายคน แต่ธุรกิจไม่ Develop และย่ำอยู่กับที่
Table of Contents
BD ไม่ใช่ Sales
คุณโบ๊ทบอกเราต้องแยกความแตกต่างระหว่าง 2 ตำแหน่งนี้ให้ออก
ความต่างที่ 1 คือ ‘ระยะเวลา’
Sales โฟกัส Short Term ยอดขาย เปรียบเทียบเป้ากับยอดขายจริง แต่ BD มอง Long Term กว่านั้น
ความต่างที่ 2 คือเรื่อง ‘กระบวนการ’
สิ่งที่ BD ทำคือกระบวนการ Validate มากกว่ากระบวนการที่ Repeat อย่างการหา Lead และปิดยอดที่ Sales ทำ
ความต่างที่ 3 คือเรื่อง ‘หน้าที่’
Sale มีหน้าที่ปิดการขายแต่ BD คือคนที่ Spot Opportunities
ความต่างที่ 4 คือ ‘Level of Uncertainties’
BD เต็มไปด้วยความ Uncertainty โดยเฉพาะ BD ในบริษัท Startups ที่ชอบพูดกันว่าเต็มไปด้วยความเสี่ยง และล้มเหลวกว่าจะถึงวันที่ Business สามารถ Develop ได้
ความต่างที่ 5 คือเรื่อง ‘เป้าหมาย’
BD โฟกัสที่ ROI ค่าใช้จ่ายที่ลงทุนเพื่อให้ธุรกิจเติบโต เมื่อกลับมาปัจจุบันได้ผลตอบแทนกี่เท่าอย่างไร
The Scalable Life Cycle
ในช่วงแรกคือช่วง Launch Zone เวลาเราทำสินค้าบริการ กราฟมันก็จะเชิดหัวขึ้น เพราะเริ่มจาก 0 และโตง่าย แต่การจะโตสองเท่าสามเท่าตลอดไปก็ยังเป็นสิ่งที่ยาก เพราะมันจะมีแรงโน้มถ่วง ที่ทำให้ Growth เราลดลงเสมอ
ส่วนช่วง Constraint Zone เป็นช่วงที่เริ่มติดหล่มอะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะคน ระบบ Culture คู่แข่ง ทำให้ Growth ชะลอตัว ดังนั้นจุด M.O.I จะเป็นจุดหักเหสำคัญว่าธุรกิจจะโตขึ้นหรือดิ่งลง มี Constraint แล้วจะทำยังไง? เป็นจุดที่ BD ต้องเข้ามาทำต่อ ซึ่งเราต้องการคนแบบ BD ที่จะพาเราไปพุ่งสู่ New S-Curve เส้นใหม่
- CASE 1 – BD พลิกโอกาสยังไง
ทำงานมาเหนื่อย หยิบรีโมทมาดูทีวี ก็มี BD อยู่ในรีโมททีวี ซึ่งคือปุ่ม ‘Netflix’
Netflix สร้างการเติบโตนอกจากจอคอม มาสู่ Shortcut ในหน้าจอทีวีบ้านคุณ
ตอนนั้น Netflix อิ่มตัว มีคู่แข่งหลายเจ้า เขาเลยมองหา Growth มาเกาะเทรนด์ Smart TV จึงลองเอาปุ่มนี้ไปใส่ในรีโมท 3 ยี่ห้อ คือ Sharp, Sony, Toshiba การแข่งขันในตลาดนี้ตอนแรกก็มีไม่เยอะ จากการที่ลูกค้าต้องมานั่งเสียเวลาไถหาแอปใน Smart TV การที่ Netflix มีปุ่มนี้ในรีโมท ทำให้ลูกค้ากดปุ๊บเข้าแอปปั๊ป คือตัวเปลี่ยนเกม
ทุกรีโมทที่มีปุ่มนี้ Netflix จ่ายเพียง 1 เหรียญเท่านั้นเพื่อแย่งชิงพื้นที่เล็ก ๆ นี้
เป็น Business Model ที่น่าสนใจมาก ว่า BD คนแรกที่คิดได้ นี่คิดได้ยังไง ดังนั้น งาน BD คือการ Driving Growth แบบ Unstructured Ways
6 คุณสมบัติของ BD มืออาชีพ
1. Growth Mindset: เตรียมใจมาให้พร้อมกับความล้มเหลว
2. Deep Product Knowledge: พร้อมที่จะเข้าใจสินค้าจริง ๆ และคิดเรื่องสินค้าตลอด
3. Curiosity: เป็นคนช่างสงสัย ตั้งคำถามได้ เพราะ BD = Explorer
4. Relationship Builder: ถึงจะเป็น Introvert ก็เป็น BD ได้ ไม่จำเป็นต้อง Party แต่ถ้าคุณเป็นผู้ฟังที่ดี สร้าง Relationship ได้ ก็เป็น BD ได้ เพราะการสร้าง relationship คือการสร้าง Trust
5. Long term Strategic Planning: การเล่นเกม BD ต้องมองเกมระยะยาวเป็น
6. Master of Framework and Processes: ต้องเชื่อว่าเราเชี่ยวชาญ ใน Framework และ Processes ได้
- CASE 2 – BYD เปลี่ยนจากผู้ผลิตแบตเตอรี่เป็นผู้ผลิตรถยนต์ด้วย BD
เป็นการลงทุนกลางน้ำ ลงไปจนถึง downstream การขยายตั้งโรงงานแต่ละที่ของ BYD ก็นับเป็นกลยุทธ์ ทุกสิ่งที่เขาทำคือเพื่อให้เขาพร้อมแข่งขันกับเจ้าอื่น ๆ ทั้งสิ้น
BD Activities: BD ทำงานอะไรอยู่บ้าง
รวมเฟรมเวิร์กสำหรับ BD
เฟรมเวิร์กที่สามารถใช้ได้สำหรับ Market Development
ใช้ Framework เชิงการตลาด + การแข่งขัน คุณโบ๊ทยกตัวอย่างเฟรมเวิร์กที่ใช้บ่อย ๆ เรียกว่ากันตายเวลาไม่รู้จะทำอะไรต่อ คือ STP / Ansoff Matrix / 5 Forces
เฟรมเวิร์กที่สามารถใช้ได้สำหรับ Product/Service Development
ใช้ Framework เชิง นวัตกรรม + ลูกค้า อย่าง Design Thinking / Lean Startup (Build-Measure-Learn) / Blue Ocean Strategy
เฟรมเวิร์กที่สามารถใช้ได้สำหรับ Corporate Development
ใช้ Framework เชิง “กลยุทธ์องค์กร + การลงทุน” อย่าง BCG Matrix / M&A Synergy Framework / Mckinsey 7S
เฟรมเวิร์กที่สามารถใช้ได้สำหรับ Partnership/Ecosystem Development
ใช้ Framework เชิง “ความร่วมมือ + เครือข่าย” อย่าง Value Net / Ecosystem Mapping / Strategic Alliance
เป็น BD แล้วจะโดน AI แทนที่หรือเปล่า?
- Growth Mindset
- Curiosity
- Relationship Builder
และอีกซีกคือ AI เข้ามาช่วยได้ในเรื่องพวกนี้
- Product Knowledge
- Long-Term Strategic Planning
- Frameworks & Processes
แล้ว BD ควรทำยังไงเพื่อก้าวหน้าในยุค AI ? “Focus ในสิ่งที่ AI ยังทำไม่ได้”
- Relationship & Trust
- Complex Negotiation
- Vision Setting
- Storytelling & Inspiring : AI ทำได้แต่ไม่มี Inspire ซึ่งมนุษย์สามารถทำได้
- Empathy & Active Listening
- Creditability & Trust Building
- Community Building & Social Capital
BD ที่ใช้ AI เก่งต้องรู้ว่าจะถามอะไร เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ Actionable ได้ คุณภาพของ Insight = คุณภาพของคำถาม
คุณโบ๊ททิ้งท้ายว่า BD มีคู่คิดเป็น AI แต่อย่าเสียเวลากับ AI ให้ใช้เวลากับการลงมือทำ และสร้างความสัมพันธ์แบบมนุษย์