AI วาดรูปคืออะไร? และประโยชน์ที่คุณคาดไม่ถึง พร้อมแนะนำ 5 เครื่องมือวาดรูปด้วย AI

AI Art หรือ AI วาดรูป คืออะไร

AI วาดรูป เป็นหนึ่งในประเภทของ Generative AI ซึ่งก็คือ AI ที่สามารถสร้างสิ่งใหม่ ๆ ได้ โดยส่วนมาก Generative AI ประเภทนี้ จะเป็น Text-to-Image Generative AI หรือก็คือ AI ที่สามารถสร้างรูปภาพขึ้นมาใหม่จากการสั่งข้อความเป็นข้อความนั่นเอง แต่ก็มี AI วาดรูปจากหลายเจ้า ที่สามารถใช้งานแบบ Image-to-Image หรือการสร้างรูปภาพใหม่ จากรูปเดิมที่ใส่เข้าไปได้ด้วยเช่นกัน

โดยจริง ๆ แล้ว Generative AI ก็ยังมีอีกหลายประเภท เช่น Text-to-voice, Text-to-video รวมถึง Text-to-Text Generative AI อย่างเจ้า ChatGPT ที่หลาย ๆ คนน่าจะรู้จักกันดี


การทำงานของ AI วาดรูป

โดยปกติการฝึก AI ให้มีความรู้ในเรื่องนั้น ๆ มากขึ้น ก็ต้องนำข้อมูลในเรื่องนั้น ๆ ป้อนให้มันจำนวนมาก AI วาดรูปก็เช่นกัน การฝึกสอนของมันก็คือการให้มันเห็นรูปภาพ พร้อมคำอธิบายของรูปจำนวนมาก เพื่อให้ AI เข้าใจถึงความสัมพันธ์ของรูปกับคำอธิบายนั้น ๆ และเมื่อเราใส่คำสั่งหรือ Prompt เข้าไป เจ้า AI ก็จะสามารถเอา Prompt นั้น ไปสร้างรูปภาพใหม่ ๆ โดยอิงจากข้อมูลที่ได้เรียนมานั่นเอง

โดยส่วนมาก กระบวนการการสร้างภาพของ AI วาดรูป จะมีการใช้โมเดล Generative Adversarial Networks หรือเรียกสั้น ๆ ว่า GANs ที่มี Concept หลัก ๆ คือการสร้าง เทียบ และปรับปรุง

การทำงานของ GANs Model

การทำงานของ AI วาดรูป (source)

เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น GANs จะประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก ๆ คือ Generator (ตัวสร้าง) และ Discriminator (ตัวแยก) โดยเมื่อโมเดลได้รับ Prompt เข้ามา Generator จะทำการสร้างรูปภาพจากคำสั่งนั้น และส่งต่อให้ Discriminator เพื่อให้คะแนนว่ารูปภาพนั้นว่ามีความเหมือนกับของจริง (รูปที่สร้างโดยมนุษย์) มากน้อยเพียงใด ถ้ายังไม่ผ่านเกณฑ์ Generator ก็จะพยายามมากขึ้นเพื่อสร้างรูปภาพใหม่ที่ดีกว่าเดิม และส่งให้ Discriminator ตรวจอีกครั้ง วนไปแบบนี้จนกว่าจะผ่าน จากนั้นจึงนำข้อมูลจากการทำงานในแต่ละรอบมาอัพเดท Model ให้เก่งขึ้นเรื่อย ๆ

หรือแทนที่จะใส่เฉพาะ Text เรายังสามารถใส่รูปภาพหรือ Input อื่น ๆ เข้าไป แล้วให้มันปรับเปลี่ยน หรือนำภาพนั้นไปใช้ต่อก็ได้เช่นกัน


ประโยชน์ และการต่อยอด AI วาดรูป

เชื่อว่าหลาย ๆ คนในที่นี้น่าจะเคยเห็นตัวการ์ตูนน่ารัก ๆ ที่สร้างจาก AI กันมาบ้างแล้ว แต่จริง ๆ AI ไม่เพียงแต่มีประโยชน์ในการสร้างความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้ในการทำงานในด้านการสร้างรูปภาพ ช่วยให้งานเร็วขึ้น ดีขึ้น และลดต้นทุนได้อย่างมหาศาล

โดยในบทความนี้จะขอยกตัวอย่างการใช้งาน AI วาดรูปในงาน 5 งาน ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากกับ Graphic Designer, Business Owner, Marketer, Content Creator และ Architecture

ใช้ AI สร้างงาน Artworks

ใช้ AI สร้างงาน Artworks

ใช้ AI สร้างงาน Artworks

อย่างที่เล่าไปว่า Generative AI สามารถสร้างของใหม่ ๆ ขึ้นมาได้ ดังนั้นเราจึงสามารถใช้ AI ในการสร้างรูปภาพต่าง ๆ ผ่านการสั่งคำสั่งผ่าน Prompt ซึ่งยิ่งถ้ากำหนดรายละเอียดมากเท่าไร รูปภาพที่ได้ออกมา ก็จะยิ่งตรงใจเรามากยิ่งขึ้น เช่น เราสามารถกำหนดมุมกล้อง, แสง, ความชัด รวมไปถึงเลนส์ของกล้องก็ได้เช่นกัน

แต่จริง ๆ แล้ว AI พัฒนาไปมากกว่าที่คิดไว้มาก ไม่เพียงแต่ใส่ Prompt เรายังสามารถใส่ “รูปภาพ” เพื่อให้มันใช้เป็น Reference ในการสร้างภาพได้อีกด้วย เช่น เราสามารถขึ้น “โครง” รูปภาพ จัด Layout ของรูป แล้วให้ AI สร้างภาพโดยอิงจาก Layout นั้น, ให้มันสร้างรูปภาพโดยอิงจากหน้าคนจริง ๆ ก็ทำได้เช่นกัน

ใช้ AI ทำรูปโปรโมทสินค้า

ใช้ AI ทำรูปโปรโมทสินค้า

ใช้ AI ทำรูปโปรโมทสินค้า

อีกหนึ่งการใช้งานที่น่าสนใจมาก ๆ สำหรับ Marketer หรือเจ้าของธุรกิจ นั่นคือการนำ AI มาเพิ่ม Possibilities ของรูปภาพสินค้า โดยเราสามารถใช้ AI ในการปรับแต่งรูปภาพสินค้าของเราให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น จากรูป ๆ เดียวสามารถนำไปต่อยอดได้หลากหลายมาก เช่น นำ AI มาใช้เปลี่ยนพื้นหลังของรูป, ปรับแสงปรับสไตล์ของรูป หรือแม้กระทั่งการสร้างนางแบบ/นายแบบขึ้นมาถือ/ใส่สินค้าก็สามารถทำได้

ใช้ AI สร้างรูปนางแบบ/นายแบบ

ใช้ AI สร้างรูปนางแบบ/นายแบบ

ใช้ AI สร้างรูปนางแบบ/นายแบบ

การจะทำให้สินค้าของเราดูดี การจ้างนายแบบนางแบบที่ดูเข้ากับผลิตภัณฑ์ของเราก็ถือเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ แต่ในการทำ Photoshoot ครั้งหนึ่งนั้นใช้ต้นทุนที่เยอะมาก ๆ ไหนจะค่านายแบบ ค่านางแบบ ค่าตากล้อง และค่าสตูดิโออีก แต่การใช้ AI จะช่วยลดต้นทุนในส่วนนี้ได้อย่างมาก เพราะเราสามารถให้ AI สร้างรูปนายแบบนางแบบขึ้นมาได้ สามารถสร้างให้นายแบบ/นางแบบใช้งานสินค้าหรือบริการของเราอยู่ก็ทำได้เช่นกัน

ใช้ AI ออกแบบสติกเกอร์ โลโก้ หรือไอคอน

ใช้ AI ออกแบบสติกเกอร์ โลโก้ หรือไอคอน

ใช้ AI ออกแบบสติกเกอร์ โลโก้ หรือไอคอน

ไม่เพียงแต่งานแนว Artworks แต่ AI ยังสามารถออกแบบชิ้นงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ด้วยเช่นกัน เราสามารถใช้งาน AI เพื่อออกแบบโลโก้เร็ว ๆ เพื่อใช้เป็นตัวต้นแบบในการนำไปต่อยอด หรือสามารถใช้ออกแบบไอคอน รวมถึงตัวการ์ตูนมาสค็อตแบบ Personalized เพื่อนำไปประกอบในงานอื่น ๆ ให้สวยงามมากยิ่งขึ้น

ใช้ AI สร้างงานด้านสถาปัตยกรรม

ใช้ AI สร้างงานด้านสถาปัตยกรรม

ใช้ AI สร้างงานด้านสถาปัตยกรรม

AI ยังสามารถช่วยงานด้านการออกแบบสถาปัตยกรรม ทำให้งานออกแบบสถาปัตยกรรมเสร็จเร็วแบบขึ้นหลาย 10 เท่า ส่วนใหญ่ AI จะถูกนำมาช่วยในการคิดแบบตอนต้นของการออกแบบ ได้ทั้ง Interior ตั้งแต่การออกแบบบ้านใหม่ หรือการ Renovate บ้าน ไปจนถึง Exterior เช่น การออกแบบบ้านจากภาพ Sketch, ปรับแต่ง Landscape ต่าง ๆ

ลองนึกภาพว่าหากเราเป็นสถาปนิกที่ต้องออกแบบงานให้ลูกค้า เราอาจจะเริ่มจากร่างภาพด้วยมือ แล้วจึงเข้าโปรแกรมออกแบบเพื่อทำให้ไอเดียนั้นให้ออกมาเป็นภาพที่ใกล้เคียงของจริง ผ่านการทำด้วยมือตัวเองแทบจะทุกกระบวนการ และจึงนำเสนอแบบให้แก่ลูกค้า ซึ่งโดยปกติอาจจะใช้เวลาหลายชั่วโมง หรือหลายวัน

แต่หากใช้ AI เราสามารถเอาภาพร่างไปให้ AI ช่วยออกแบบต่อ และยังปรับเปลี่ยนได้หลายสไตล์ เช่น ออกแบบเป็นสไตล์ภายในเวลาไม่กี่นาที สามารถนำภาพหลาย ๆ แบบนั้นไปให้ลูกค้าเลือกก่อน เพื่อจะลงแรงทำงานในส่วนต่อไปได้อย่างเหมาะสม

 

จะเห็นว่า AI เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการทำงานปัจจุบัน ซึ่งช่วยให้งานเร็วขึ้นเป็น 10 เท่า ช่วยประหยัดต้นทุน และยังช่วยให้งานดีขึ้นมาก การใช้งาน AI จึงเป็นทักษะที่ขาดไม่ได้ในอนาคตอันใกล้นี้ ดังนั้นทุกคนควรเริ่มเรียนรู้การใช้งาน AI ก่อนที่จะโดนคนที่ใช้ AI เก่งแย่งงาน


แนะนำ 5 เครื่องมือวาดรูปด้วย AI

ในปัจจุบัน มีเครื่องมือ AI มากมายที่น่าสนใจ ซึ่งแต่ละเครื่องมือก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป โดยในบทความนี้ จะขอแนะนำ 5 เครื่องมือที่เป็นที่นิยม ได้แก่ Midjourney, Stable Diffusion, Bing, Canva และ Loopsie

Midjourney

Midjourney

Midjourney (source)

Midjourney เป็นเครื่องมือ AI สร้างภาพที่ทำได้ง่ายมาก ๆ เพียงพิมพ์ข้อความ กดส่ง และรอรับรูปภาพได้เลย ซึ่งเราสามารถใช้งาน Midjourney ได้ผ่านโปรแกรม Discord โดยการทำงานของมันจะส่งคำสั่งของเราไปประมวลผลบน Server ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่อง Spec ของอุปกรณ์ แม้ใช้งานผ่านทางโทรศัพท์มือถือก็ยังใช้งานได้

แต่การใช้งาน Midjourney จะมีค่าใช้จ่ายเล็กน้อย เริ่มต้นที่ 8$ ต่อเดือน หรือประมาณ 250 บาท

Stable Diffusion

Stable Diffusion

Stable Diffusion (source)

Stable Diffusion คือ Open source หรือพูดง่าย ๆ ก็คือเป็น Model ที่ปล่อย Code, และการเอาไปใช้ต่อให้ทุกคนเข้าถึงได้แบบฟรี ๆ มันจึงสามารถถูกพัฒนาต่อยอดจาก Developer จำนวนมาก ทำให้ได้ Model ที่เก่งขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับลูกเล่นใหม่ ๆ ตลอดเวลา

เนื่องจากมีการใช้งาน และต่อยอดอย่างล้นหลาม ทำให้ Stable Diffusion มีลูกเล่นที่เยอะมาก ๆ สามารถปรับแต่งและตั้งค่าต่าง ๆ ได้เยอะ มีแหล่งข้อมูล และเครื่องมือเสริมให้เลือกหลากหลายกว่าเครื่องมืออื่น ๆ ซึ่

งมันสามารถนำมาใช้กับ Use cases ที่ยกตัวอย่างมาด้านบนได้ทั้งหมด (และรูปทั้งหมดด้านบนก็สร้างจาก Stable Diffusion นี่แหละ) ดังนั้น Stable Diffusion จึงเป็นเครื่องมือโปรดของคนที่ต้องใช้ AI สร้างรูปภาพ

การเข้าใช้งาน Stable Diffusion สามารถทำได้ 2 วิธีหลัก ๆ คือ

  1. ดาวน์โหลดลงเครื่องคอมพิวเตอร์ วิธีนี้จะใช้งานได้ฟรี แต่ต้องแลกกับการใช้ Spec และพื้นที่ของคอมพิวเตอร์ในระดับนึง โดยแนะนำว่าควรใช้ Window และใช้ GPU ของ NVIDIA ที่ 4GB ขึ้นไปเท่านั้น และควรเตรียมพื้นที่ในคอมฯ ให้เหลือมากกว่า 30GB
  2. ใช้งานบน Google Colab เป็นวิธียอดนิยมสำหรับคนที่ลองใช้ Stable Diffusion เพราะติดตั้งง่ายมาก (ย้ำว่ามากกกกกก) เพียงกดไม่กี่ปุ่มก็สามารถใช้งานได้แล้ว และแทบจะไม่ได้ยุ่งกับ Resource ของเครื่องคอมพิวเตอร์เลย เพราะเป็นการ Run ซอฟต์แวร์บน Server ของ Google แต่เนื่องจากเราไปยืมพื้นที่ของ Google ในการใช้งาน วิธีนี้จึงจะมีค่าใช้จ่ายเพื่อสมัคร Google Colab Pro ประมาณ 343 บาทต่อ 100 Computing unit โดยใช้งานได้ประมาณ 2-3 สัปดาห์

Bing

Bing

Bing (source)

Bing เป็น Generative AI จากค่าย Microsoft ที่ค่อนข้างมาแรงเลยทีเดียว ความสามารถของมันที่พิเศษกว่า AI ตัวอื่น ๆ คือมันสามารถเข้าใจ Prompt (คำสั่ง) ได้เป็นอย่างดี เพราะ Bing เริ่มต้นมาจากการเป็น AI ChatBot จึงมีการใช้เทคโนโลยีที่ชื่อว่า Large Language Model (LLMs) ที่ทำให้ AI เข้าใจ “ภาษามนุษย์” ได้เป็นอย่างดี มันจึงสามารถเข้าใจ Prompt ได้ดี และสร้างรูปภาพออกมาได้ตรงกับที่เราคาดหวัง

Canva

Canva

Canva (source)

Canva เป็นแพล็ตฟอร์มงานออกแบบที่ใช้ออกแบบ Artwork ได้หลากหลาย ตั้งแต่ Presentation slide ไปจนถึงงาน Graphic ต่าง ๆ ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ Canva ก็ได้ออกฟีเจอร์ Text-to-Image ที่สามารถแปลงข้อความไปเป็นรูปภาพได้ แล้วสามารถใช้รูปภาพนั้นในการออกแบบงานต่าง ๆ ต่อได้เลย เรียกว่าสะดวกสุด ๆ

โดยเบื้องต้น สามารถใช้ Generate ได้ฟรี 50 รูป และเมื่อหมดสามารถซื้อเพิ่มเติมได้

Loopsie

Loopsie

Loopsie

Loopsie คือแอปพลิเคชันยอดฮิตที่หลาย ๆ คนน่าจะเคยลองเล่นกัน กับการเปลี่ยนรูปคนหรือสถานที่ต่าง ๆ ให้ออกมาเป็นลายเส้นของอนิเมะ สามารถเข้าถึงได้ง่าย เพราะแอปพิลเคชันบนโทรศัพท์มือถือ และใช้งานได้ฟรีผ่านทั้งระบบ iOS และ Android


ในปัจจุบัน มีเครื่องมือจำนวนมากที่สามารถสร้างรูปภาพได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยในเรื่องความบันเทิงแล้ว ยังนำมาใช้ช่วยให้การทำงานเร็วขึ้น ดีขึ้น ประหยัดต้นทุนมากขึ้นได้อีกด้วย ซึ่งการพัฒนาของ AI นั้นรวดเร็วมาก ๆ จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า AI จะเข้ามามีบทบาทในการทำงานต่าง ๆ ได้เป็นอย่างมาก คนที่ใช้ AI ไม่เป็นจะเหมือนกับคนที่ใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็นก็ว่าได้ ดังนั้นการปรับตัว และเรียนรู้การใช้งาน AI จึงเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้เลยจริง ๆ

สำหรับใครที่สนใจฝึกใช้งาน Stable Diffusion ในการทำงานด้านต่าง ๆ ตอนนี้เรามีคอร์ส

The Ultimate Guide to Graphic Design with AI Workshop by Skooldio

  1. The Ultimate Guide to Graphic Design with AI: ปูพื้นฐานการใช้งาน Stable Diffusion พร้อมต่อยอดการนำไปใช้ในงานด้าน Graphic Design เรียนรู้ผ่านเวิร์คช็อปและ Use Cases จริง
  2. The Ultimate Guide to Architectural Design with AI: ปูพื้นฐานการใช้งาน Stable Diffusion พร้อมต่อยอดการนำไปใช้ในงานด้านการแบบสถาปัตยกรรม เรียนรู้ผ่านเวิร์คช็อปและ Use Cases จริง

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์เลย!


ถ้าไม่อยากพลาดความรู้ดี ๆ แบบนี้ อย่าลืมกดติดตาม Skooldio บน Facebook, Instagram และ TikTok เอาไว้ด้วย ขอบคุณคร้าบบบบ

Bhumibhat Imsamran
Business Development Associate | Skooldio

More in:Design

Comments are closed.