ถ้าให้คุณจ่ายเงินเกินสิ่งที่ได้รับ หรือจ่ายไปโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าได้ผลหรือเปล่า คุณจะยอมไหม? แน่นอนว่าคุณคงไม่แฮปปี้ แต่นี่แหละคือ ‘วิธีทำการตลาด’ ที่หลาย ๆ บริษัทกำลังทำอยู่
แล้วจะดีแค่ไหน หากเราสามารถเลือกใช้เงินเฉพาะกับผลลัพธ์ที่เราได้รับเท่านั้น
การทำธุรกิจเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วตั้งแต่อินเตอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทกับพฤติกรรมของมนุษย์ วิธีการหาและวิธีการซื้อสินค้าหรือบริการของคนได้พัฒนาจากเดิมไปอย่างมาก เช่นเดียวกับการทำการตลาด ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการทำธุรกิจ ที่ต้องปรับเปลี่ยนไปตามพฤติกรรมของคนด้วย
การทำการตลาดสมัยใหม่ต้องปรับตัวขึ้นไปอยู่บนโลกออนไลน์ตามพฤติกรรมของคน ซึ่งหนึ่งความสามารถพิเศษของการขึ้นมาอยู่บนโลกออนไลน์คือการเก็บข้อมูลที่ทำได้มากขึ้นกว่าเก่า ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น การเก็บข้อมูลและวัดผลการทำการตลาดก็ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นที่มาของการตลาดแบบใหม่อย่าง Performance Marketing นั้นเอง
Performance Marketing คือการทำการตลาดบนโลกออนไลน์ที่จ่ายค่าโฆษณาแก่ Platforms หรือ Websites ที่ไปลง ตามผลลัพธ์ที่ได้จริงๆ ผ่านการวัดค่า Metrics ต่างๆ โดยหลักสำคัญของการทำ Performance Marketing คือการพัฒนาประสิทธิภาพการทำการตลาดให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
Table of Contents
แล้ว Performance Marketing ต่างจาก Digital Marketing อย่างไร?
Performance Marketing เรียกได้ว่าเป็นขาหนึ่งของการทำ Digital Marketing ซึ่งความแตกต่างหลักๆ คือ Performance Marketing จะเน้นเรื่องของการวัดผลได้ โดยการวัดผลนั้นจะใช้ Metric ที่เห็นผลกับธุรกิจได้อย่างชัดเจนด้วย เช่น Lead, อัตราการซื้อ (Conversion), หรือการขายเลย ในขณะที่ Digital Marketing ซึ่งมีเครื่องมือและขาย่อยมากมายจะถอยไปดูภาพที่กว้างขึ้น ซึ่งในบางขาอาจจะวัดผลได้ไม่ชัดเจน หรือหากวัดได้ก็จะมี Metric ที่ต้องการดูที่เยอะขึ้นและต่างออกไปเช่น Reach, Branding หรือ Awareness นั้นเอง
หากสรุปง่ายๆ การทำ Digital Marketing จะคอยดูในเรื่องของ Reach, Branding, Lead Gen, Conversion และอีกมากมาย ในขณะที่ Performance Marketing จะเน้นด้าน Lead Gen และ Conversion เลย
ข้อดีของ Performance Marketing
การทำ Performance Marketing เรียกได้ว่าเป็นการเข้ามาแก้ปัญหาให้กับนักการตลาดให้สามารถ Tracking ข้อมูลเพื่อเอาไปวิเคราะห์พร้อมแก้ไขได้อย่างถูกต้อง ซึ่งต่างจากการทำ Marketing ทั่วไปที่อาจจะติดตามผลไม่ได้ รวมถึงไม่สามารถการันตีผลลัพธ์ได้ ซึ่งต่างจากการทำ Performance Marketing ที่จะจ่ายเงินตามผลลัพธ์ที่ได้ทำนั้น เรียกได้ว่าเป็นการทำการตลาดที่มีผลดีแก่บริษัทที่ต้องการควบคุมการใช้ Budget ให้เห็นผลมากที่สุดด้วย
นอกจากนั้นข้อดีของการทำ Performance Marketing คือการลดความเสี่ยง ด้วยการติดตามข้อมูลได้อย่างละเอียด ทำให้นักการตลาดสามารถเห็นสถานะของแคมเปญที่ทำอยู่ได้ ในทุกๆ ขั้น การปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขแผนการตลาดจึงทำได้อย่างรวดเร็ว เป็นการลดความเสี่ยงของธุรกิจลง
หากสรุปออกมาเป็นข้อๆ เลยก็จะมีดังนี้
1. ช่วยแบรนด์วางแผนงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การหันมาทำการตลาดแบบวัดผลได้นั้นช่วยให้แบรนด์สามารถบริหารการใช้เงินได้ดีมากขึ้น เพราะแต่ละ Platform ในการทำโฆษณานั้นสามารถกำหนดงบประมาณที่ต้องการได้ หรือยินดีที่จะจ่ายเงินต่อ Action เป็นจำนวนเท่าไหร่ ทำให้ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ขนาดเล็ก หรือขนาดกลางก็สามารถทำโฆษณาและสามารถควบคุมงบได้
2. สามารถวัดผลได้
การทำ Performance Marketing ช่วยให้แบรนด์สามารถติดตามวัดผลได้ว่าเงินที่ลงทุนทำโฆษณาไปนั้นคุ้มค่าขนาดไหน ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดหวังหรือไม่ เช่น ถ้าแบรนด์เลือกซื้อโฆษณาที่มีวัตถุประสงค์ในการสร้าง Conversion ก็สามารถตามดูได้ว่ามีการ Convert ตามเป้าหมายที่วางไว้ไหม ราคาต่อผลลัพธ์แพงเกินกว่าที่กำหนดหรือไม่ เป็นต้น
3. ปรับแก้ หรือเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์การทำ Marketing ได้อย่างตรงจุด
การทำโฆษณาแบบเดิมๆ หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น อาจใช้เวลามากในการเปลี่ยน หรืออาจไม่สามารถแก้ไขได้เลยด้วยซ้ำ การตลาดแบบ Performance Marketing สามารถดูผลลัพธ์ได้แบบ Real Time ทำให้แบรนด์สามารถมองเห็นข้อมูลอยู่ตลอดว่าผลลัพธ์ของโฆษณานั้นเป็นอย่างไร สร้าง Action มากน้อยแค่ไหน ถ้า Performance ของโฆษณาไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ก็สามารถหยุดโฆษณา และเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ได้ทันที
4. ช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ใช่
ต่างกับการทำโฆษณาแบบเดิมๆ ที่ไม่สามารถเลือกได้อย่างเจาะจงว่าคนที่เห็นจะเป็นใคร การทำ Performance Marketing นั้นใช้ Digital Platform ในการทำโฆษณา ซึ่ง Platform เหล่านี้ มีเครื่องมือสำหรับกำหนดกลุ่มเป้าหมาย Target Audience ได้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็น อายุ เพศ ระดับการศึกษา ภาษา ตำแหน่งงาน และความสนใจ ช่วยให้แบรนด์สามารถส่งโฆษณาที่ใช่ ไปหากลุ่มผู้ฟังที่ใช่
และสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเหตุผลที่ทุกแบรนด์ที่ต้องการทำการตลาดในยุค Digital ควรหันมาให้ความสำคัญในการทำ Performance Marketing ได้แล้ว
หากใครสนใจอยากต่อยอดสกิล Performance Marketing ของตัวเอง ให้สามารถทำได้ครบลูป สามารถกลับไปสร้าง ROI ให้สูงสุดกับธุรกิจของคุณ ห้ามพลาด Performance Marketing Bootcamp
หลักสูตร 7 สัปดาห์สุดเข้มข้นที่จะทำให้คุณได้เรียนรู้หลากหลายหัวข้อสำคัญสำหรับการเป็น Performance Marketer แบบมือโปร พร้อมลงมือทำโปรเจกต์จริง ขายจริง ยิงแอดจริง เพื่อให้คุณสามารถวิเคราะห์และพัฒนาแผนการตลาดได้เอง