ตอนนี้หลายคนคงกำลังสนใจสายงานใหม่มาแรงอย่าง UX/UI Designer ที่กำลังเป็นที่สนใจ และเป็นที่ต้องการในตลาดอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะเป็นบริษัทแบบไหนต่างก็ต้องปรับตัวออก Digital Product อย่าง Website หรือ Application ออกมา
แต่เป็นอาชีพที่มีความรู้เฉพาะตัวแบบนี้ ต้องเริ่มเรียน UX/UI ยังไงกัน?
เชื่อว่าหลาย ๆ คนในที่นี้คงรู้แล้วว่า UX/UI Designer คือใคร ทำหน้าที่อะไร ในบทความนี้ Skooldio จะพามาลงรายละเอียด 9 ทักษะสำคัญที่คนอยากเป็น UX/UI Designer ต้องมี พร้อมกับแนะนำคอร์ส UX/UI ที่จะพาคุณย้ายสายมาเป็นนักออกแบบ Digital Product เพื่อผู้ใช้งานอย่างแท้จริง
Table of Contents
9 ทักษะสำคัญที่คนอยากเป็น UX/UI Designer ควรรู้ (และควรมี)
มารู้จักกับทักษะที่เหล่า UX Designer หรือ UI Designer ต้องมีติดตัว เพื่อนำมาออกแบบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน
User Experience (UX)
ศาสตร์แรกที่สำคัญที่นักออกแบบ Digital Product ทุกคนควรรู้ก็คือการเข้าใจใน User Experience (ประสบการณ์การใช้งาน) อย่างลึกซึ้ง เพราะในขั้นตอนการคิดค้น หรือออกแบบ Digital Product หรือ Feature ที่ดี และตอบโจทย์ออกมานั้น เหล่านักออกแบบควรเริ่มต้นจากการตั้งคำถามว่า ผู้ใช้งานคือใคร? เขามีปัญหาอะไร? และ Product ที่เราจะออกแบบมาจะไปแก้ปัญหาได้อย่างไร?
และการเข้าใจในกระบวนการของ User Experience จะช่วยให้ UX/UI Designer สามารถผลิตของที่ตรงกับปัญหาของผู้ใช้งานได้มากขึ้น ซึ่งการจะเข้าใจในตัว Users นั้นต้องพึ่งพาเครื่องมือสำหรับงาน UX ไม่ว่าจะเป็น Customer Journey, Design Thinking, หรือ Lean UX เป็นต้น
แต่ถ้าอยากเริ่มต้นรู้จักศาสตร์ UX แบบตั้งแต่เริ่มต้น อยากเข้าใจลักษณะการทำงานของ UX Designer เรียนรู้กระบวนการออกแบบต่างๆ ที่ใช้ในงานของ UX พร้อมกับเครื่องมือเข้าใจ Users ไปจนถึงการนำศาสตร์ User Experience ไปปรับใช้กับส่วนต่างๆ ขององค์กร
มาเรียน User Experience กันตั้งแต่ต้น ปูพื้นฐานให้แน่นไปกับผู้เชี่ยวชาญด้าน UX/UI ของประเทศไทยได้เลย แถมฟรี! เอกสารประกอบการเรียนสามารถดาวน์โหลดได้ด้วย
User Interview
เข้าใจศาสตร์แห่งการออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้งานแล้ว การจะเป็น UX/UI Designer เพื่อออกแบบของให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ต้องเกิดการ การเข้าใจว่าผู้ใช้งานคือใคร และกำลังเผชิญกับปัญหาอะไร ทำให้ศาสตร์ต่อไปที่ต้องรู้คือ ศาสตร์แห่งการสัมภาษณ์ User เพื่อนำข้อมูลมาต่อยอดต่อนั่นเอง นับว่าเป็นขั้นตอนเริ่มแรกก่อน UX Process ทุกอย่าง
แต่ว่าการสัมภาษณ์ใครใครก็ทำได้นี่ ต้องมีเทคนิคด้วยหรอ?
มีสิ! เพราะว่าการจะสัมภาษณ์ใครเพื่อเอาข้อมูล จำเป็นต้องมีการตั้งคำถามล่วงหน้าให้ครอบคลุมเพื่อให้ได้คำตอบที่สามารถเอาไปต่อยอดต่อได้ รวมไปถึงการวางแผนล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนสัมภาษณ์ ระหว่างสัมภาษณ์ ไปจนถึงหลังสัมภาษณ์เช่นกัน
ซึ่งถ้ารู้กระบวนการทำงานสำหรับ UX/UI แล้ว และอยากลงลึกเทคนิคสัมภาษณ์เพื่อให้ได้ Insights แบบผู้เชี่ยวชาญด้าน User Experience พร้อมรู้จักกับประเภทการทำ Interview แบบต่างๆ และเทคนิคตั้งคำถามให้ได้คำตอบแบบแม่นยำ
มาเรียน User Interview กันกับผู้เชี่ยวชาญด้าน User Experience ที่จะช่วยคุณวางแผนการสัมภาษณ์ และเริ่มขั้นตอนการสัมภาษณ์ Users ได้เองตั้งแต่ต้นจนจบเลย (ลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อรับส่วนลดก่อนเปิดตัว) แถมฟรี! User Interview Template ให้ไปใช้งานต่อ
Customer Journey Mapping
นั่งสัมภาษณ์ ได้รู้ Insight รู้จักกับปัญหาของ Users เรียบร้อยแล้ว คำถามต่อไปคือแล้ว UX/UI Designer จะเอาข้อมูลเหล่านี้มา Visualize อย่างไรเพื่อให้เห็นปัญหา เข้าใจเส้นทางการใช้งานของ Users ตั้งแต่ต้นจนจบ รู้ว่าชอบจุดไหน หรือไม่ชอบจุดไหนจะได้นำมาพัฒนา Product ให้ตอบโจทย์ และถูกจุดมากขึ้น
เครื่องมือที่จะมาช่วย UX/UI Designer กางเส้นทางการใช้งานคือ Customer Journey Mapping หรือแผนภาพที่แสดงการใช้งานของผู้ใช้งานตั้งแต่ก่อนเริ่มเข้าใช้ Product ไปจนเสร็จสิ้นการใช้งาน ช่วยให้มองเห็นภาพได้อย่างละเอียดมากขึ้นว่าจุดไหนบน Product นั้นดีอยู่แล้ว และส่วนไหนควรนำไปพัฒนาต่อ ไม่ต้องรื้อทำใหม่ทั้ง Product
ถ้าอยากรู้ภาพรวมของการทำ Customer Journey Mapping ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เข้าใจถึงความสำคัญของการทำ Customer Journey Map ที่มีต่อการทำงานของทีมอื่น ๆ ในองค์กร และประยุกต์ใช้ในการทำ Customer Journey Mapping ไปต่อยอดกับ Product ของตัวเอง
มาเรียน Customer Journey Mapping กับผู้เชี่ยวชาญอย่างคุณสุธัม ธรรมวงศ์ ที่จะพาคุณมาเริ่มต้นรู้จักเครื่องมือตัวนี้ พร้อมพาไปเรียนรู้การวางเส้นทางการใช้งานของ Users ตั้งแต่ต้นจนจบ (ลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อรับส่วนลดก่อนเปิดตัว)
User Interface (UI)
รู้จักศาสตร์ User Experience ไปแล้วว่าการเข้าใจประสบการณ์ของผู้ใช้งานสำคัญกับการออกแบบ หรือพัฒนา Product อย่างไร รวมไปถึงเทคนิคการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งานผ่านการสัมภาษณ์ และนำ Pain Point ของผู้ใช้งานมากางตาม Customer Journey Mapping เพื่อให้เห็นจุดที่ควรพัฒนา
ศาสตร์ที่สำคัญคือการออกแบบหน้าตาของ Digital Product ให้โดนใจผู้ใช้งานที่สุด ซึ่งศาสตร์นี้เรียกอีกอย่างว่า User Interface (หรือ UI) นั่นเอง โดยศาสตร์การออกแบบหน้าตา Digital Product นั้นมีเทคนิค และทฤษฎีมากมาย เช่น Hick’s Law หรือ Gestalt Laws of Grouping เป็นต้น เพื่อช่วยให้การออกแบบช่วยให้ Users ใช้เวลาเรียนรู้น้อยที่สุด
นอกจากเทคนิคการออกแบบให้ไม่คิดเยอะแล้ว ศาสตร์ของการออกแบบ UI ที่ดีนั้นควรคำนึงถึง Users ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบเพื่อ Platforms หรือ Devices หลากหลายประเภท รวมไปถึงการออกแบบบนข้อกำหนดพิเศษ เช่น สำหรับผู้พิการทางสายตา หรือสำหรับสถานการณ์ Offline เป็นต้น
ถ้าอยากเข้าใจทฤษฎีการออกแบบ User Interface เบื้องต้น แยกแยะความ เข้าใจพื้นฐานแนวคิดของการออกแบบบน Devices ที่ต่างกัน เพื่อนำไปต่อยอดในการออกแบบ Digital Product ของตัวเอง
มาเรียนการออกแบบ UI กับผู้เชี่ยวชาญอย่างคุณอภิรักษ์ ปนาทกูล พร้อมปูพื้นฐานเทคนิคการออกแบบ User Interface แบบจัดเต็มกับคอร์ส UI Fundamentals
พิเศษ! ส่วนลด 1000 เพียงใช้โค้ด ‘UFT1’
Usability
เพราะทุกคนล้วนต้องการใช้งาน Application หรือ Website ที่ใช้งาน ‘ง่าย’ ‘ไม่ยุ่งยาก’ ‘ลดการคิด’ และสิ่งที่จะช่วยให้การออกแบบ Digital Products นั้นสามารถสร้าง User Experience ให้ใช้งานง่ายได้นั้นคือ การที่ผู้ออกแบบเข้าใจในหลักการออกแบบเพื่อให้เกิดความใช้งานง่าย (Usability) ซึ่งเป็นการออกแบบเพื่อผู้ใช้งานอย่างแท้จริง
เพราะการออกแบบให้ใช้งานง่ายก็สำคัญพอๆ กับการออกแบบให้สวยงาม ซึ่งก็จะมีทฤษฎี และเทคนิคที่มาช่วยให้มาเสริมความ ‘ใช้ง่าย’ ไม่ว่าจะเป็น Usability Heuristics, Mapping, Mental Model หรือเทคนิคจิตวิทยาการออกแบบที่จะส่งผลต่อ การตัดสินใจ การช่วยจำของ Users
ซึ่งทั้งเทคนิคการทำ Usability Design และเทคนิคจิตวิทยาต่างๆ นั้นมีเยอะมากมาย ถ้าอยากเรียนรู้ให้ลงลึกกว่าพื้นฐานของการออกแบบ UI
มาเรียน Usability Design พาคุณรู้จักกับคำว่า Usability ตั้งแต่เริ่มต้นว่าคำนี้คืออะไร เกี่ยวข้องกับ Digital Products อย่างไร กฎที่ควรรู้เกี่ยวกับ Usability และเทคนิคจิตวิทยามากมายที่มาช่วยด้านการออกแบบ UX/UI เพื่อให้เกิดความใช้งานง่ายมีอะไรบ้าง พร้อมวิธีการวิเคราะห์ Digital Products ว่าใช้งานได้ ‘ง่าย’ จริงไหม (ลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อรับส่วนลดก่อนเปิดตัว)
UX Writing
เพื่อขยายความ ‘ใช้งานง่าย’ ‘ไม่ซับซ้อน’ ของ Digital Product นั้นนอกจากทฤษฎีการออกแบบ และเทคนิคจิตวิทยาแล้ว ยังมีอีกหนึ่งศาสตร์ที่จะมาช่วยสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีแก่ Users ผ่านพลังของการเลือกใช้ถ้อยคำนั่นคือ UX Writing
UX Writing คืออะไร ศาสตร์นี้เป็นศาสตร์การออกแบบข้อความที่จะอยู่บน User Interface ทำหน้าที่ในการแก้ปัญหาที่เกิดจากการเลือกใช้ ‘ภาษา’ บน Product ที่ไม่ชัดเจน และเข้าใจยาก ส่งผลให้เกิดความรู้สึกไม่ดีแก่ผู้ใช้งาน จน Product เริ่มไม่น่าไว้วางใจ และอาจทำให้ผู้ใช้ตัดสินใจเลิกใช้งานต่อได้
นับว่าเป็นศาสตร์ที่ UX/UI Designer ควรรู้เพราะจะช่วยให้การออกแบบ Digital Product โดยรวมทั้งหมดนั้นตอบโจทย์ Users ได้ดีมากยิ่งขึ้น โดยการออกแบบข้อความที่ดีออกมานั้นต้องเข้าใจในกระบวนการการทำ UX Writing และแยกแยะคำที่ดี หรือไม่ดีบน UI ให้ออก รวมถึงเลือกใช้เครื่องมืออย่าง Microcopy Canvas ในการออกแบบ
มาเรียน UX Writing ไปกับ UX Writer ผู้เชี่ยวชาญที่จะพาคุณเริ่มต้นจาก 0 สู่ความเข้าใจในศาสตร์แห่งภาษาบน Digital Product พร้อมให้คุณสามารถนำไปต่อยอดในการย้ายสาย หรือทำงานต่อได้
Figma
รู้พื้นฐาน รู้เทคนิคทั้งเรื่อง User Experience ทั้งกระบวนการเริ่มต้น UX Process มาจนถึงเทคนิคการออกแบบ UI ให้สวยงาม ใช้ง่าย อ่านเข้าใจ ก็ถึงเวลาลงมือประยุกต์ความรู้ที่มี
อีกหนึ่งเครื่องมือที่ UX/UI Designer ต้องรู้ และต้องใช้ทำงานก็คือ Figma หรือ Design Tool ยอดฮิตแห่งยุคที่จะมาตอบโจทย์ในฐานะตัวช่วยการออกแบบ User Interface ให้มีความ Responsive เพื่อตอบสนองกับรูปแบบ Device ต่างๆ ที่ User มี รวมถึงยังช่วยในทีม Design และ Product สามารถทำงานร่วมกันได้ด้วย
มาเรียนออกแบบบน Figma ไปกับผู้เชี่ยวชาญเริ่มต้นงานออกแบบของคุณอย่างมืออาชีพ ด้วย Design Tool ที่ร้อนแรงที่สุดแห่งยุค เรียนรู้ตั้งแต่คำสั่งพื้นฐาน และเทคนิคในการใช้งาน Figma พื้นฐานการออกแบบเบื้องต้น สร้าง Design system ที่มีประสิทธิภาพ รวมไปถึงรู้จักกับ Plug-in ที่มีประโยชน์กับการออกแบบ UI
หรือทำความรู้จักกับ Figma เพิ่มเติมผ่านบทความอย่าง Figma คืออะไร และ รวม Plug-in Figma ฉบับ 2022
User Experience with Motion Design
ศาสตร์การประยุกต์ใช้ความรู้ทั้งหมดนั้นมาออกแบบ UX/UI ให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างเข้าใจง่าย ลื่นไหล และรู้สึกดีเมื่อใช้งาน Digital Product อย่าง Website และ Mobile App ของเราได้อย่างไร หนึ่งในศาสตร์ และองค์ความรู้ในการออกแบบที่จะมาช่วยตอบโจทย์ตรงจุดนี้มากๆ นั่นคือ Motion Design
ศาสตร์ Motion Design นั้นไม่ได้เป็นเพียงการเพิ่มความสวยงามให้กับ Interface หรือหน้าตาของแอปฯ แต่เป็นส่วนสำคัญของ Interaction ระหว่าง User กับ Interface เพราะ Motion จะช่วยในการสื่อสารให้ User เข้าใจวิธีการใช้งานของ Product และสามารถคุ้นชินกับ Product ของเราได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ Motion ยังช่วยสื่อบุคลิกภาพ อารมณ์ความรู้สึกของแบรนด์ ช่วยให้ User มีประสบการณ์และความรู้สึกที่ดีต่อ Product และแบรนด์อีกด้วย
มาเรียน Improving UX with Motion ที่คุณจะได้เรียนรู้การออกแบบ Motion บน Digital Product เพื่อพัฒนา User Experience องค์ประกอบของ Motion รวมถึงยังสามารถส่งต่องานให้ฝั่ง Developer ได้ลื่นไหลมากขึ้น
หรือถ้าอยากเข้าใจความสำคัญของ Motion Design สามารถอ่านต่อในบทความได้เลย
การใช้งาน AI ในงาน UX
Generative AI สามารถใช้งานได้แทบจะทุกส่วนในงาน UX Design ตั้งแต่การทำความเข้าใจลูกค้า, วิเคราะห์, คิดวิธีแก้ปัญหา ไปจนถึงการนำเอา Feedback จากลูกค้ามาปรับปรุง โดยผมขออธิบายแบบคร่าว ๆ ล้อตามกระบวนการ Design Thinking ดังนี้
- Empathize : สามารถใช้งาน AI ในการช่วยให้ทำความเข้าใจลูกค้าได้เร็วขึ้น มากขึ้น เช่น การให้มันช่วยคิดวิธีสำรวจความต้องการ, ช่วยคิดบท และคำถามสัมภาษณ์, ช่วยดึงข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ มาวิเคราะห์ ซึ่งจากการที่ผมได้ลองแล้ว เรียกว่าทำงานได้เร็วขึ้นมากจริง ๆ
- Define : สามารถใช้งาน AI ในการช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ โดยสามารถให้มันวิเคราะห์ออกมาในรูปแบบต่าง ๆ ก็ได้ เช่น ช่วยวิเคราะห์ให้ออกมาเป็น User Persona, Customer Journey ก็ทำได้ดีเลยทีเดียว
- Ideate : AI สามารถช่วยเราคิด Idea ได้แบบไม่มีที่สิ้นสุด สามารถคิดไอเดียตั้งต้นให้เป็น 100 ไอเดียได้ในเวลาไม่ถึง 5 นาที (OMG!!) จากเดิมต้องใช้เวลาเป็นวัน ๆ ในการทำ Workshop กับเพื่อนร่วมทีม
- Prototype : การสร้างตัวต้นแบบ ให้เห็นภาพ เพื่อเตรียมพร้อมนำไปทดสอบ เก็บความคิดเห็นจากลูกค้า ในส่วนนี้ Generative AI สามารถเข้ามาช่วยในการขึ้นรูปเร็ว ๆ ให้เราได้ (แต่ถ้าจะให้ออกแบบเป็น UI เลย อันนี้อาจจะยังไม่ค่อยเวิร์คนะ)
- Test : ช่วยแนะนำวิธีการทดสอบกับลูกค้า และสามารถนำผลที่ได้จากการทดสอบ เช่น คอมเมนต์ต่าง ๆ มาวิเคราะห์ในมุมต่าง ๆ ได้ด้วย โดยที่ผมชอบที่สุดคือการที่โยนคอมเมนต์ของลูกค้าไปเยอะ ๆ แล้วให้ AI ช่วยวิเคราะห์เบื้องต้นว่าคนคอมเมนต์ในแง่ Positive หรือ Negative
อย่างไรก็ตาม การใช้ Generative AI ก็มีข้อควรระวัง โดยเฉพาะเรื่องความถูกต้อง ผมอยากให้ทุกคนคิดว่า AI เป็นน้องนักศึกษาฝึกงานคนหนึ่ง เป็นน้องที่มีความรู้เยอะมาก ๆ แต่บางทีเค้าก็มีหลงลืม มีมึนบ้าง หรืองานที่ได้ออกมาก็อาจจะไม่ได้ถูกใจเราไปซะทุกอย่าง ดังนั้นอย่าลืมระวังในส่วนนี้กันไว้ด้วยนะ
ถ้าไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเรียนรู้ทักษะเหล่านี้จากที่ไหน Skooldio มีคอร์สเรียน UX/UI แบบจัดเต็มมาแนะนำ!
แนวทางการศึกษา อยากเป็น UX/UI Designer ต้องเรียนอะไรบ้าง?
อยากเริ่มปูพื้นฐาน UX/UI Design
อยากย้ายสายมาเป็น UX/UI Designer แต่ไม่มีพื้นฐานเลย ไม่รู้ว่า User Experience คืออะไร ไม่รู้ว่า User Interface คืออะไร ไม่รู้เลยว่าในแต่ละศาสตร์ต้องรู้ทฤษฎีอะไรบ้าง ไม่ค่อยมั่นใจที่จะย้ายสายเท่าไหร่
คอร์ส Getting started with UX/UI Design คือคอร์สแพ็กคู่สุดคุ้มที่คุณจะได้เข้าใจผู้ใช้งานว่าเขาคือใคร ต้องการอะไร เค้ามีปัญหาอะไร และ Product ของเราจะแก้ปัญหาให้เค้าได้อย่างไร รวมถึงเพื่อให้เราสามารถออกแบบทั้ง Features และหน้าตา Digital Products ให้ถูกใจผู้ใช้งาน และออกแบบให้ Users เรียนรู้น้อยที่สุด
พิเศษ! ฉลองเปิดตัวแพ็กคู่สุดคุ้ม เรียนในราคา 3,990 จากราคาเต็ม 5,390 บาท เพียงใช้โค้ด ‘UXUI30’ ก็อัปสกิลทั้ง UX และ UI ได้ทันที เรียนคอร์ส Getting started with UX/UI Design เลย
อยากออกแบบประสบการณ์ User แบบ UX Designer
อยากเป็น UX Designer หรืออยากเรียนรู้การออกแบบประสบการณ์ลูกค้าให้ดี แต่ไม่รู้ว่าการจะสร้าง ‘Experience’ ที่ดีนั้น ต้องเริ่มจากอะไร ไม่รู้เทคนิคการหา Pain Point ของลูกค้า ไม่รู้ว่าต้องวางแผนพัฒนา Product จากข้อมูลที่มีในมืออย่างไร
คอร์ส UX Design Series คือคอร์สแพ็กที่จะพาคุณเรียนรู้กระบวนการออกแบบต่าง ๆ ที่ใช้ในงานของ UX Designer ไม่ว่าจะเป็น Lean UX, Google Design Sprint, Service Design Toolkit และ 5 องค์ประกอบสำคัญในการทำ UX ไปจนถึงเข้าใจ Users อย่างลึกซึ้ง อย่างการทำ User Interview และการวาง Customer Journey Mapping เพื่อนำ Pain Point ในแต่ละช่วงเส้นทางการใช้งาน สินค้าหรือบริการของเรา มาหา Insights และต่อยอดในการพัฒนาสิ่งที่ดี และตอบโจทย์ Experience ของผู้ใช้งาน
พิเศษ! ฉลองเปิดตัวแพ็กสุดคุ้ม พัฒนาทักษะ User Experience ในราคา 4,990 จากราคา 5,990 บาท เพียงใช้โค้ด ‘UXD30’ เรียนคอร์ส UX Design Series เลย
อยากออกแบบ Digital Product แบบ UI Designer
ถนัดการออกแบบมาก ชอบการนำไอเดียมาดีไซน์เพื่อให้ได้ผลงานที่ถูกใจลูกค้า แต่อยากลองหันมาออกแบบบน Digital Product แต่ไม่มีไอเดียว่าจะเริ่มยังไง แตกต่างจากการออกแบบงาน Physical Product ยังไง
คอร์ส UI Design Series คือคอร์สแพ็กสุดคุ้มที่จะช่วยปูพื้นฐานพัฒนาให้คุณเป็น UI Designer ที่สามารถออกแบบ Digital Products ที่ครองใจผู้ใช้งานด้วยหลักการออกแบบ UI ที่สำคัญ และเทคนิคจิตวิทยาในการออกแบบเพื่อให้เกิดความใช้งานง่าย (Usability) ซึ่งเป็นทักษะการออกแบบเพื่อผู้ใช้งานอย่าแท้จริง พร้อมเสริมทักษะการออกแบบของคุณด้วย Design Tools อย่าง Figma ให้คุณได้เข้าใจการทำงานออกแบบร่วมกันเป็นทีมแบบ UI Designer มืออาชีพ
พิเศษ! ฉลองเปิดตัวแพ็กสุดคุ้ม พร้อมเป็น UI Designer ในราคา 5,490 จากราคา 6,990 บาท เพียงใช้โค้ด ‘UID30’ เรียนคอร์ส UI Design Series เลย
อยากเป็น UX/UI Designer แบบจัดเต็ม เก็บครบทุกทักษะจำเป็น
ครบจบที่เดียวกับคอร์สแพ็ก UX/UI แบบจัดเต็ม ตั้งแต่การปูพื้นฐานสำหรับผู้ที่อยากย้ายสายงาน จนถึงสกิลเฉพาะต่างๆ ที่จะทำให้คุณเป็น UX หรือ UI Designer ที่เก่งขึ้น
คอร์ส The Ultimate Guide to UX/UI Design คือคอร์สที่คุณจะได้เรียนรู้แบบติดสปีด ก้าวสู่การทำงานเป็น UX/UI Designer มืออาชีพ ตั้งแต่ปูพื้นฐานหลักการของ UX/UI แบบครบทุกหัวข้อ และทักษะที่จำเป็นสำหรับการออกแบบ Digital Products
ถ้านึกไม่ออกว่าอยากเรียน UX/UI กับคอร์ส หรือแพ็กเกจไหน ลองเลือกดูได้เลย
หรือมาเริ่มต้นไปกับหลักสูตร UX/UI Bootcamp กว่า 7 สัปดาห์พาคุณเก็บครบพื้นฐานทั้ง Process ลงมือทำโปรเจกต์ รับ Coaching จากผู้เชี่ยวชาญ และนำเสนอผลงานในวัน Demo Day พร้อมกับเข้าร่วม Portfolio Mentoring Session