หลาย ๆ คนอาจคุ้นเคยกับคำว่า LINE Broadcast หรือการส่งข้อความไปหาผู้ติดตามของเราบน LINE OA จำนวนมาก ๆ ในเวลาเดียวกัน โดยธุรกิจส่วนใหญ่จะใช้เพื่อส่งโปรโมชันหรือแจ้งข่าวสารให้กับลูกค้า ซึ่งเราได้มีบทความยกตัวอย่างถึงเทคนิคการ Broadcast ไปใน 3 เทคนิคทำการตลาดออนไลน์เพื่อเพิ่มยอดขายด้วย LINE OA
แต่รู้หรือไม่ว่า การส่งข้อความไปหา “ทุกคน” ในทุกครั้ง โดยไม่คำนึงถึงความเกี่ยวข้องกัน ระหว่างข้อความที่เราส่งกับคนที่ได้รับข้อความนั้น อาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการที่เรามีจำนวนลูกค้าที่ Block LINE OA ของเรามากขึ้น และนี่ยังเป็นหนึ่งในอีกเหตุผลที่ทำไมค่าใช้จ่ายการ Broadcast ถึงพุ่งสูงมาก ในขณะที่ยอดขายแทบไม่ขยับ ได้อีกด้วย
เพราะแต่ละคนที่ติดตามเราอยู่ ต่างมีความคิด มีความสนใจ และมีปัญหาที่เผชิญอยู่ต่างกัน การทำ Personalized Marketing หรือการทำการตลาดแบบมุ่งเน้นการพูดคุยเป็นรายบุคคล หรือเป็นกลุ่มเล็ก ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญในการที่เราจะโน้มน้าวใจทุกคนให้ตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการที่เรานำเสนอ
ซึ่งเราสามารถทำ Personalized Marketing ได้บน LINE OA แบบไม่ยุ่งยาก ผ่านสิ่งที่เรียกว่า Narrowcast ที่นอกจากจะเป็นทางที่ทำให้เราประหยัดค่า Broadcast และทำให้การส่งข้อความหนึ่งครั้ง มีความคุ้มค่า และมีประสิทธิภาพมากที่สุดแล้วนั้น ยังเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าหรือบริการได้อีกด้วย
Table of Contents
Narrowcast คืออะไร ?
Narrowcast คือ การส่งข้อความหาคนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายและสนใจสินค้าเราจริง ๆ โดยเราสามารถนำเสนอ Exclusive Promotion คอนเทนต์ที่พิเศษเฉพาะกลุ่ม หรือ การให้สิทธิพิเศษเฉพาะคน ๆ นั้นได้
ข้อดีของ Narrowcast
- เพิ่มโอกาสในการกดซื้อ (Conversion Rate) เพราะเรา Broadcast ไปตรงกลุ่มเป้าหมาย
- เพิ่มการ Engage ของ Customer หรือ เพิ่มโอกาสในการที่ลูกค้าจะเปิดดูข้อความที่เราส่ง และคลิกต่อ หรือทำในสิ่งที่เราต้องการให้ทำต่อ ไม่ว่าจะเป็น การกดลิ้งที่จะไปสู่การเข้าหน้าสั่งซื้อ หรือเป็นการสอบถามเพิ่มเติม
- เพิ่ม Value ให้ลูกค้ารู้สึกว่าเขาพิเศษกับแบรนด์
- ลดโอกาสในการโดน Block เวลาเราส่งข้อความเยอะเกินไป
- สามารถทำ A/B Testing เพื่อเก็บ Data ว่าลูกค้ากลุ่มไหนสนใจสินค้าตัวนี้มากกว่า (ไว้เทสความสนใจก่อนปล่อยสินค้าใหม่ก็ได้นะ)
4 วิธีการทำ Narrowcast บน LINE OA
1. ติด Chat Tag
หากใครยังไม่รู้เราสามารถติด Tag ให้กับลูกค้าได้ง่าย ๆ โดยเวลาคุยกับลูกค้าให้ติด Tag ไว้ตรงด้านขวาของ Chat (เช่นติด Tag ว่า UX/UI Bootcamp, Data, Tech หรือลูกค้าองค์กร) พอติดเสร็จ คราวนี้ก็บรอดแคสต์ได้อย่างเฉพาะกลุ่มที่ติด Tag นั้นไว้แล้ว โดยมีข้อควรระวังคือไม่ควรมี Tag เยอะเกินไป และควรตกลงกับทีมให้ดีว่าจะใช้ Tag ไหน (อย่าลืมว่าเราควรติด Tag สม่ำเสมอเพื่อรวบรวมฐานลูกค้าที่สนใจเรื่องนั้นอยู่จริง ๆ)
2. ช่องทางการเพิ่มเพื่อน (Friend Path)
รู้หรือไม่ว่าเราสามารถแบ่งกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มเพื่อนเราได้ง่าย ๆ ด้วยฟีเจอร์ Friend Path เช่น ลูกค้าที่เพิ่มเพื่อนเราจาก FaceBook, ลูกค้าที่สแกน QR Code ตอนเราไปออกบูธในห้าง หรือ ลูกค้าที่เพิ่มเพื่อนจาก Tiktok ฯลฯ เมื่อรู้ว่าเขามาจากทางไหน เราก็คงพอรู้แล้วว่าเขามีความสนใจประมาณไหน ทีนี้ก็บรอดแคสต์ไปหาเขาได้แบบโดนใจแล้ว
3. คุณสมบัติเพิ่มเติม
ข้อนี้ง่ายสุด ๆ แถมเหมาะกับธุรกิจที่มีสินค้าหลากหลาย เพราะใช่ว่าทุกสินค้าจะตอบโจทย์การใช้งานทุกคน (เราคงไม่อยากบรอดแคสต์ของใช้ผู้หญิง ๆ ให้กลุ่มลูกค้าผู้ชายที่มีโอกาสสนใจน้อยกว่าใช่ไหมล่ะ🫣) ให้ตอนบรอดแคสต์เรากดที่คุณสมบัติเพิ่มเติม แล้วเลือกเพียงกลุ่มเป้าหมายที่เราจะส่งไป ไม่ว่าจะเป็น ระยะเวลาที่เพิ่มเพื่อน เพศ อายุ OS พื้นที่ กำหนดได้หมด!
4. Messaging API
เคยไหมเวลาได้รับบรอดแคสต์ว่า “สมัครบัตร ABC กับเราวันนี้รับฟรี! เครดิตเงินคืน 200บาท” แล้วเกิดสงสัยว่าเขารู้ได้ไงว่าเราไม่ได้สมัคร! เพราะเขาใช้สิ่งที่เรียกว่า Messaging API
Messaging API คือตัวกลางเชื่อมต่อระหว่าง ChatBot ในห้องแชทของ LINE OA เข้ากับ Server ซึ่งทำให้สามารถโต้ตอบลูกค้าได้ทันที ไม่ต้องมี admin คอยตอบคำถาม อีกทั้งยังสามารถดึงข้อมูลสินค้าจาก API หรือ Database มาคุยกับลูกค้าได้ เหมาะมาก ๆ สำหรับธุรกิจขนาดกลาง-ใหญ่ที่ต้องใช้ความละเอียดยิบย่อยสูงเช่นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเงิน เพราะสามารถแบ่งกลุ่มลูกค้าเป็นหลายประเภท แล้วเก็บข้อมูลได้ลึกสุด ๆ เป็น UID (Unique Identifier)
หรือถ้าอยากรู้ลึกกว่าเดิมทั้งวิธีบรอดแคสต์ให้โดนใจลูกค้า และการใช้ Messaging API เพื่อบรอดแคสต์หาลูกค้าแบบเฉพาะกลุ่มสุด ๆ ขอแนะนำ Data-Driven Marketing with LINE OA คอร์สออนไลน์ที่จะพาคุณรู้ใจลูกค้าแถมยอดขายปังขึ้น เพียงคุณขายสินค้าและเก็บ Data เองในที่เดียวกันด้วย LINE OA