Programming กับ ภาพยนตร์ 2 ศาสตร์ที่ดูสุดโต่งคนละทาง ฝั่งหนึ่งก็สุดด้าน Logic ขณะที่อีกฝั่งก็สุดทางของ Creativity แต่ทั้ง 2 ฝั่งก็สามารถอยู่ในคนคนเดียวได้เหมือนกัน
Skooldio จะพาทุกคนไปพูดคุยกับคุณตาล ฐิตา พิณศรี มนุษย์กลายพันธุ์ จากเด็กภาคฟิล์ม คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ที่ผันตัวย้ายสายงานสู่การเป็น Software Developer
Table of Contents
Covid | Gap Year | Gain Year
ก่อนจะเปลี่ยนสายเป็น Developer คุณตาลเลือกเรียนคณะนิเทศเพื่อทำตาม Passion ที่ชอบสายภาพยนตร์แต่ในช่วงที่ใกล้จะเรียนจบเป็นช่วงโควิดพอดี จึงไม่ได้ออกกอง ไม่ได้ลงไปถ่ายงานจริงๆ ทำได้เต็มที่แค่นั่งเขียนบทซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คุณตาลสนใจมากนัก จนรู้สึกว่าอาชีพนี้ไม่ได้ตอบโจทย์ที่ต้องการแล้ว จึงตั้งใจว่าจะ Gap Year แล้วหาอะไรที่อยากทำแทน
ในช่วงเวลาที่หยุดพักไป คุณตาลก็ได้ลองหาสกิลใหม่ๆ เรียน เพื่อหาอาชีพที่ชอบ ตั้งแต่ดนตรี เขียนเพลง ไปจน Machine Learning และจากพื้นฐานจริงๆ ของคุณตาลเป็นเด็กสายวิทย์คณิตทำให้การคิดอะไรจะเป็น Systematic มาก การมาเรียนโปรแกรมมิ่งเลยรู้สึก Spark Joy ขึ้นมา และอยากจะจริงจังกับสายนี้ต่อ
อีกหนึ่งเหตุผลเป็นเพราะมีเพื่อนๆ ในคณะเปลี่ยนมาทำสาย Developer เหมือนกัน บางคนจากเรียนการแสดงก็เปลี่ยนไปเป็น Data Scientist เลยคิดว่าเราก็น่าจะทำได้ เลยมุ่งสู่สายนี้
โดยสายงาน Developer ที่คุณตาลเลือกคือการเป็น Frontend Developer หรือ Dev ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับทุกอย่างที่ User มองเห็น เพราะได้ลองเรียนด้าน Data แล้วรู้สึกชอบ เรื่อง Logic ต่างๆ ขณะเดียวกันก็คิดว่าทักษะด้าน Creativity ที่มีก็เอามาใช้ได้ เลยตั้งใจจะเป็น Frontend (อ่านเรื่องราวการเปลี่ยนสายมาเป็น Front-end Developer เพิ่มเติม)
การเตรียมตัว ย้ายสายงานสู่ Software Developer
หลังจากที่เริ่มรู้เส้นทางแล้วว่าอยากจะทำอะไรต่อ สิ่งแรกที่ทำคือการทำ SWOT Analysis เพื่อวิเคราะห์ตัวเองว่าเรามีสกิลอะไรแล้วบ้างหรือว่าต้องเพิ่มเติมอะไรอีกไหม จากนั้นก็หาวิธีในการพาตัวเองไปสู่งานนั้นให้ได้ ซึ่งคุณตาลก็ได้ไปเจอกับคอร์ส Generation Thailand ซึ่งเป็น Bootcamp ที่ช่วยเพิ่มทักษะงานสายต่างๆ ที่เป็นที่ต้องการของตลาดให้กับคนว่างงาน ซึ่งมีสายงาน Software Developer อยู่ในนั้นด้วย และโครงการนี้ยังช่วยหางานต่อให้ ทำให้คุณตาลตัดสินใจสมัครโครงการนี้ โดยก่อนที่คุณตาลจะเลือกลงเรียน คุณตาลก็ทำ SWOT Analysis กับแต่ละ Bootcamp ที่สอนหลักสูตรคล้ายๆ กันด้วยเช่นกันเพื่อให้รู้ว่าอันไหนเข้ากับตัวเองที่สุดและจะช่วยให้คุณตาลได้งานจริงได้
สร้าง Portfolio
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญนอกจากการเรียนคือการปั้น Portfolio คุณตาลบอกว่าการออกแบบพอร์ต เราต้องรู้ว่าอยากให้เขาเห็นอะไรหรือไม่เห็นอะไร จุดไหนคือจุดขาย พยายามหาอะไรที่เพิ่ม Value ให้กับพอร์ตเรา เช่น ถ้าจุดอ่อนเราคือไม่ได้จบตรงสายมา การทำโปรเจกต์เพิ่มก็น่าจะช่วยบอกได้ว่า เรามีศักยภาพพอที่จะทำงานด้านนี้ได้ คุณตาลเลยทำโปรเจกต์เสริมเยอะมากในพอร์ต
โดยโปรเจกต์ในพอร์ตจะมีทั้งโปรเจกต์จากโครงการ Generation และพอร์ตที่ทำเพิ่มขึ้นมาเองให้รู้ว่าทำงานได้ โดย Search หาโจทย์ใน Google เลยว่ามีโปรเจกต์อะไรน่าสนใจให้ทำบ้าง แล้วก็ลงมือทำเยอะๆ
‘
สมัครงาน
หลังจากเรียนในโครงการ Generation ก็มีโอกาสได้รู้จักกับทีมงานของ Skooldio ซึ่งเป็นผู้สอนและคอยช่วยให้คำแนะนำในโครงการ จนรู้สึกประทับใจพี่ๆ จากที่นี่ จึงตัดสินใจสมัครงานกับ Skooldio ต่อเลย
โดยในการสัมภาษณ์งานของสายนี้จะมีหลายรอบมาก มีทั้งรอบ Pre Screen, ส่งโจทย์ให้ทำ Live Coding หรือ On-Site Interview
ซึ่งคุณตาลได้เล่าให้ฟังว่าสำหรับคุณตาลแล้ว คุณตาลคิดว่าสิ่งที่ทำให้คุณตาลได้งานคือ ความพยายามที่จะตอบคำถามในทุกๆ เรื่อง แม้เรื่องไหนที่ไม่รู้ ก็ทำให้ผู้สัมภาษณ์เห็นว่าเราจะพยายามที่จะเรียนรู้เรื่องนี้เพิ่ม พร้อมที่จะไปศึกษาต่อ ไม่ใช่แค่ปล่อยให้ไม่รู้ไปเรื่อยๆ เสริมกับระบบการคิดที่เป็นแบบ Systematic ที่ทำให้ทำงานกับ Dev ได้อย่างไม่มีปัญหา
นอกจากนี้หัวหน้าทีมที่รับคุณตาลเข้ามา ยังช่วยเสริมอีกว่านอกจากเรื่องของการเป็นคนคิดเป็นระบบแล้ว คุณตาลยังโดดเด่นเรื่องความรับผิดชอบที่ทีมเห็นจากประสบการณ์ในโครงการ Generation ของคุณตาล รวมถึงการเป็นคนเปลี่ยนสายงานมา แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการแก้ไขปัญหาที่เจอ ดังนั้นต้องมีทักษะการแก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่ง จึงตัดสินใจเลือกคุณตาลเข้ามาร่วมทีมด้วย
Key Success
สิ่งที่คุณตาลคิดว่า ทำให้การย้ายสายงานของคุณตาลทำได้สำเร็จมีอยู่ 3 ข้อ
- เวลาเรียน ต้องเรียนให้สนุก เรียนให้เหมือนเล่นเกม จะได้ทำให้มีกำลังใจในการเรียนต่อไปเรื่อยๆ และอย่า Doubt ตัวเอง เอาเวลานี้ไปเรียนดีกว่า
- ตั้ง Goal ที่ชัดเจน และวางแผนให้ Solid และต้องมีแผนสำรองในกรณีที่ไม่เป็นไปตามแผนด้วย
- หากเป็นไปได้ควรหาคนรู้จักที่ทำงานด้านนี้มาเป็น Mentor ให้ด้วย ถ้าทำตามนี้ได้โอกาสที่จะได้งานก็เกินครึ่งแล้ว
สำหรับคนเปลี่ยนสายงาน
คุณตาลอยากจะฝากเอาไว้ว่า การที่เราเรียนในสายอื่นๆ มาก่อนหรือทำงานในสายงานอื่นๆ มาก่อน มันไม่ใช่การเสียเวลาเปล่าแน่ๆ เพราะมันจะช่วยสร้างสกิล สร้าง Value ให้เราได้ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่งแน่นอน ซึ่งเมื่อเรามีสกิลเหล่านั้นแล้ว เราก็สามารถเอามาเป็นจุดขายของเราได้ “แล้วก็ไม่ต้องกังวลว่า ถ้าย้ายสายมาจากสายศิลป์แบบนี้มันจะไหวเหรอ ตัวคุณตาลทำได้ใครก็ทำได้”
หากคุณสนใจอยากจะเริ่มต้นเรียนรู้พื้นฐานการเป็น Software Developer มืออาชีพมาเริ่มต้นง่ายๆ กันได้ใน Web Development Bootcamp จาก Skooldio
Bootcamp ที่จะช่วยพัฒนาคุณให้ก้าวสู่การเป็น Front-End Developer ใน 4 เดือน รูปแบบ Hybrid (Online+Onsite) โดยเน้นด้านการ “พัฒนาเว็บไซต์” อย่างเข้มข้น ไม่ว่าคุณจะเป็นคนย้ายสาย หรือ ไม่มีพื้นฐานเริ่มจาก 0 ก็สามารถมาอัปสกิลให้เก่งขึ้น ทำงานได้จริง สมัครเรียนเลย