สรุป 5 สิ่งที่ควรรู้ก่อนวางแผนธุรกิจ Strategy Playbook 2024 โดย ดร.ธนัย ชรินทร์สาร Strategy Management Professional จากงาน The Secret Sauce Summit 2023
ในโลกอนาคต ผู้ชนะในธุรกิจ คือคนที่สามารถบริหารองค์กรได้ดีกว่าภายใต้ข้อจำกัดเหมือนกัน 3 อย่าง คือ เวลา งบประมาณ และคนทำงาน
ดังนั้นการยิงกระสุน หรือกำหนด Strategy ให้แม่น จะสร้างความต่าง เอกลักษณ์ และนำมาสู่ผลประกอบการที่เหนือกว่าคนอื่น
และนี่คือ Strategy Playbook 202 หรือ 5 เรื่องที่นักกลยุทธ์ และคนทำธุรกิจควรโฟกัส ก่อนวางแผนในปี 2024
1. Long-term thinking คิดให้ยาวขึ้น [Be Futuristic]
โลกหมุนเร็วขึ้น วิธีการขายเดิม ๆ ที่เคยทำในปัจจุบันกลายเป็นอดีตได้เร็วกว่าที่เราคิด ต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยวางกับความสำเร็จในอดีต หันมาโฟกัสอนาคต หาวิธีแบบใหม่ ๆ ให้ธุรกิจ
ความท้าทายที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเน้นคิดระยะสั้นเกินไป หรือความไม่แน่นอนต่างๆ ในโลกที่เกิดขึ้น จำเป็นต้องมี ‘Foresight Framework’ ที่ทำให้มองได้ไกลขึ้น โดยการหมั่นสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นทุกด้าน เพื่อจับ Trend ให้ถูก และจับ Weak Signal หรือสัญญาณอ่อนๆ ที่อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต
เช่น การที่คนจีนเริ่มมาเรียนปริญญาโทในไทย ด้วยเหตุผลที่เรียนจบเพียงแค่ปริญญาตรีในประเทศตัวเองยังไม่สามารถหางานได้ ดังนั้น ถ้าตลาดการศึกษาไทยเห็นสัญญาณเหล่านี้ ก็จะสามารถเปิดตลาดได้กว้างมากขึ้นกว่าเดิม
2. Attention Economy เรียกความสนใจจากผู้บริโภค เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ถูกจุด [Be Relevant]
เรารู้กันดีว่าแค่เพียง 1 นาที ผู้บริโภคถูกดึงความสนใจด้วยข้อมูลที่มากเกินไป “ธุรกิจที่โดดเด่น” เท่านั้นที่จะประสบความสำเร็จ
อย่างห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่อย่าง Central จากที่เคยโฟกัสแค่ Great Product หรือ Service ก็ไม่เพียงพออีกต่อไป แต่ต้องได้ Attention ในด้านอื่น ๆ จากลูกค้าด้วย เช่น การจัดอีเวนท์อยู่เป็นประจำ
ต้องมองว่า “ทุกคนคือเจ้าของสื่อ” ถ้าเริ่มทำอะไรที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย ก็จะทำให้ดึงความสนใจมาให้ธุรกิจได้มากขึ้นกว่าคนอื่น
3. Climate Action ทุนนิยมรักษ์โลก [Be a Good Citizen]
ในยุโรปที่เริ่มจริงจังกับการทำ CBAM หรือ การกำหนดราคาสินค้านำเข้าที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงมาใน EU มากขึ้น และในไทยเองไม่เกินไตรมาสที่ 4 นี้ ก็จะมีการเก็บ Carbon Tax จากเหล่าผู้ประกอบการด้วย เพื่อไม่ให้การเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศที่แย่ลง ส่งผลกระทบต่อ Supply Chain และ Customer ของธุรกิจให้เกิดความเดือดร้อนมากขึ้น
การเป็นองค์กรที่ Conscious Capitalism หรือ ทุนนิยมที่รักษ์โลก ด้วยการใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสมและพอควร ให้ได้รับการยอมรับจากภาครัฐ และผู้บริโภค ตัวอย่างเช่น Interface ที่สามารถทำ Net Zero และทำได้สำเร็จในปี 2019 โดยการเริ่มเอาแหอวนที่ทิ้งอยู่ในทะเล มาทำเป็นพรมที่ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิลเหล่านั้น เป็นต้น
4. Artificial Intelligence [Be Smart]
จากเทคโนโลยีที่เพ้อฝัน ทุกวันนี้กลายเป็นเรื่องจริง กับเรื่องของ AI
การนำ AI มาใช้งาน ช่วยสร้างคุณค่าใหม่ ๆ ในโลกธุรกิจได้ ทั้งนี้ไม่ใช่ว่า AI จะเข้ามาเพื่อลดจำนวนคนทำงานลง แต่เอามาช่วยให้คนทำงานทำงานฉลาดขึ้น ทำงานเร็วขึ้น
อย่างในปัจจุบัน ทีม Sale ไม่จำเป็นต้องคีย์นามบัตรลูกค้าใส่ระบบแล้ว แค่ถ่ายรูป AI ก็จัดการจัดเก็บให้ได้เลย หรือเพียงแค่ขับรถผ่านป้ายร้านที่สนใจต้องการทำธุรกิจด้วย ลองพูดให้ AI ฟังก็สามารถช่วย Reserch ข้อมูลให้ได้เลย
5. Energy ไม่มองมนุษย์เป็นเครื่องจักร แต่คือคนสร้างอนาคต [Be Human]
โครงสร้างของคนทำงานในองค์กรส่วนมากจะแบ่งเป็น
- 29% ผู้จงรักภักดีแก่องค์กร ทำงานได้อย่าง Productive
- 52% ทำงานไปวัน ๆ ไม่ได้มีแรงจูงใจที่จะทำเพื่อองค์กร
- 19% ไม่มีส่วนร่วมใด ๆ บางครั้งมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ
ทั้งนี้เพราะถ้าคนไม่ผูกพันกับองค์กร ก็ทำงานไม่เต็มที่ ซึ่งถ้าสามารถเปลี่ยนให้คน Engage กับองค์กรมากขึ้น จะกลายเป็น Energy ที่ขับเคลื่อนสู่ Dreamteam
How to increase Energy Driver ?
- Growth โอกาสการเติบโต มีตำแหน่งรองรับที่ก้าวหน้า
- Relationship ความสัมพันธ์และเพื่อนร่วมงานที่ดี
- Autonomy มีอำนาจในการตัดสินใจด้วยตัวเอง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
- Security ปลอยภัยในทั้งในแง่สุขภาพกายและจิตใจ
- Fairness กล้าเสนอ รู้สึกยุติธรรมในการทำงาน
- Well-being / Work-Life Balance มีสุขภาพและชีวิตที่ดี