หลายคนรู้ดีว่า “User Interview” คือหนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการเข้าใจลูกค้าเพราะเราจะได้ฟังความคิดเห็นของเขาหลังจากได้ใช้งานโปรดักส์นั้น ๆ ซึ่งการได้สนทนากับผู้ใช้ก็จะทำให้เราได้รับรู้ความรู้สึก ความคาดหวัง และพฤติกรรมที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการตัดสินใจของเขา แต่ที่หลายคนอาจยังไม่รู้คือ การทำ User Interview มีหลายรูปแบบ และแต่ละรูปแบบก็มีวัตถุประสงค์และคุณลักษณะที่แตกต่างกัน บทความนี้เลยอยากชวนคุณมาทำความเข้าใจว่า การทำ User Interview จริง ๆ แล้วมีกี่รูปแบบ? และแต่ละแบบมีเป้าหมายที่ต่างกันอย่างไร? แต่ก่อนที่จะไปเล่าถึงจุดนั้น เราขอพาทุกคนมาทำความเข้าใจก่อนดีกว่าว่าทำไมการทำ User Interview ถึงสำคัญต่อการออกแบบ UX และ Digital Product มาก
Table of Contents
ทำไมการทำ User Interview ถึงสำคัญอย่างมาก
ในการสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการใด ๆ ขึ้นมาสักชิ้น หนึ่งในกับดักที่เจอบ่อยที่สุดคือ “เรามักจะเผลอคิดว่าเรารู้จักผู้ใช้ดีอยู่แล้ว” ซึ่งกับดักนี้อาจจะเกิดมาจากการที่เรามีประสบการณ์อยู่ในอุตสาหกรรมนี้มานาน เคยเป็นผู้ใช้เองในอดีต หรือมีข้อมูลสถิติจาก Dashboard เต็มไปหมด แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นตัวยืนยันว่าเรารู้จริงว่าผู้ใช้คิดอะไร รู้สึกยังไง หรือทำสิ่งต่าง ๆ ไปเพราะเหตุผลอะไร การเข้าใจผู้ใช้ผ่านข้อมูล ตัวเลข หรือสมมุติฐานของทีมมันเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่มันต้องอาศัยข้อมูลโดยตรงจากตัวผู้ใช้งานด้วยเพื่อที่เราจะได้รู้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการจริง ๆ และนั่นคือเหตุผลที่การทำ User Interview จึงเป็นหัวใจของกระบวนการออกแบบ
แม้การทำ User Interview จะฟังดูง่าย เป็นแค่การ “สอบถามและพูดคุยกับผู้ใช้” แต่ในความเป็นจริงมันคือทักษะที่ต้องฝึก ต้องเรียนรู้ ถ้าไม่รู้แนวทางที่ถูกต้องในการตั้งคำถามถามหรือทำสัมภาษณ์ เราก็จะไม่ได้ Insight จากผู้ใช้มาใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาตัว Digital Product ให้ดีขึ้นได้เลย สุดท้ายเราก็จะเสียเวลาและโอกาสไป ดังนั้น การทำความรู้จัก User Interview แต่ละรูปแบบจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าสถานการณ์ไหนควรใช้การสัมภาษณ์แบบใด
3 รูปแบบของการสัมภาษณ์ผู้ใช้ (User Interview)
ในหัวข้อนี้เราจะมาทำความเข้าใจกับ 3 รูปแบบของการสัมภาษณ์ผู้ใช้ ได้แก่ Structured Interview, Unstructured Interview และ Semi-Structured Interview โดยจะอธิบายว่าแต่ละแบบคืออะไร เหมาะกับสถานการณ์ไหน และมีข้อดีข้อเสียอย่างไร เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้แต่ละแบบให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการเก็บข้อมูลจากผู้ใช้จริง
Structured Interview
เป็นรูปแบบการสัมภาษณ์ที่มีโครงสร้างชัดเจน โดยผู้สัมภาษณ์จะเตรียมคำถามล่วงหน้าทั้งหมด และยึดตามลำดับคำถามนั้นอย่างเคร่งครัดในระหว่างการสัมภาษณ์ ซึ่งหมายความว่า ผู้เข้าร่วมแต่ละคนจะได้รับคำถามชุดเดียวกัน ถามในลำดับเดียวกัน และมีขอบเขตในการพูดคุยที่ค่อนข้างแน่นอน มีทั้งคำถามปลายเปิดและปลายปิด แต่จะเน้นให้ Ranking หรือตอบ Yes/No มากกว่า เน้นความง่ายของการสรุปข้อมูล
เมื่อไหร่ควรจะใช้?
ลักษณะเช่นนี้ทำให้ Structured Interview เหมาะสมเมื่อเรารู้จักหัวข้อนั้นดีอยู่แล้ว รู้ว่าคนที่ใช้โปรดักส์เราเขาเป็นคนยังไง และมีประสบการณ์ใช้งานโดยรวมยังไง ถ้าให้พูดแบบเข้าใจง่าย ๆ ก็คือ “เรามีหรือเก็บข้อมูลเชิงกว้างไปเรียบร้อยแล้ว” นอกเหนือจากนี้ ถ้าเราต้องการสำรวจ Demographics, ทดสอบความรู้ของ User และเทียบคำตอบของกลุ่มคนที่ต่างกัน การใช้ Structured Interview ก็จะเหมาะสมมากเพราะจะได้คำตอบที่เฉพาะเจาะจงตามหมวดหมู่เหล่านี้เลย
จุดแข็ง | จุดอ่อน |
คนที่มีประสบการณ์ Interview ทำตามได้ง่าย | ชุดคำถามต้องถูกต้อง สื่อความหมายดี เพราะคนอ่านต้องอ่านตรงตัว |
สามารถสัมภาษณ์แบบ 1 ต่อ 1 ได้ | ดูไม่ friendly เพราะการถามตรงตัวทำให้คนตอบรู้สึกว่าคนถามมีความเชื่ออยู่แล้วว่าอะไรสำคัญที่สุด |
ใช้เวลาประมาณ 15 นาที – 1 ชั่วโมง ซึ่งน้อยกว่าแบบ Unstructured และ Semi-Structured | ถูกทดแทนได้ง่ายด้วยวิธีและเทคโนโลยีอื่น เช่น การทำแบบสอบถามออนไลน์ หรือการให้คะแนนก่อนวางสาย call center |
สรุปข้อมูลง่าย | |
ง่ายในการเทียบข้อมูลระหว่างชุด |
Unstructured Interview
รูปแบบการสัมภาษณ์ที่มีเป้าหมายกว้าง ๆ อยากสำรวจรอบหัวข้อใหญ่ อาจมีหรือไม่มีชุดคำถามก็ได้ เน้นความเป็นธรรมชาติของการสนทนาที่เอื้อให้ผู้ถูกสัมภาษณ์ได้พูดและแสดงความเห็นได้อย่างอิสระ เป้าหมายคือการเอาข้อมูลแบบกว้างมาค้นหาว่ามันมีหัวข้อย่อยอะไรบ้างที่เราจะยึดถือมันได้ และนำไปทำเป็น Semi-Structured หรือ Structured Interview ต่อ ทิศทางจะขึ้นอยู่กับเนื้อหาที่เกิดขึ้นและเป้าหมายการเรียนรู้ ผู้สัมภาษณ์อาจมีเพียงหัวข้อคร่าว ๆ ที่อยากพูดคุย แต่จะปล่อยให้การสนทนาไหลไปตามบริบทของผู้ให้สัมภาษณ์ และสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการพูดคุยในขณะนั้น
เมื่อไหร่ควรจะใช้?
เหมาะกับการใช้งานตอนที่เรายังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้อที่เราสนใจมากนัก ถ้าเรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นที่ Product ของเรายังไม่เป็นรูปเป็นร่าง การใช้ Unstructured Interview ก็จะมีประโยชน์มาก หรือไม่ก็ตอนที่เราต้องการเก็บข้อมูล sensitive ที่การสัมภาษณ์แบบ Structured มันสร้างข้อจำกัดในการถามและอาจทำให้คนตอบรู้สึกอึดอัดหรือมีผลกระทบด้านจิตใจกับเขาได้ แต่ Unstructured Interview นี้มันสามารถเปิดกว้างให้ผู้ตอบได้ตอบอย่างอิสระ นอกจากนี้ก็จะเหมาะกับตอนที่เราต้องการเรียนรู้ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ โดยเราปล่อยให้เขาเล่าทุกอย่างออกมาได้เต็มที่แบบไม่ต้องตามคำถามของเรา
จุดแข็ง | จุดอ่อน |
สร้างความรู้สึกคุ้นเคยให้กับผู้ตอบได้ง่าย | ใช้แรงและสกิลของคนถามสูง ควบคุมทิศทางการพูดคุยที่อิสระให้ไม่นอกเรื่องได้ยาก |
มีความยืดหยุ่นสูง | ควบคุมเวลาได้ยาก |
ผู้ตอบสามารถพูดถึงแง่มุมที่ตนเองคิดเห็นจริง ๆ | สรุปข้อมูลได้ยาก พอมีอิสระในการคุยเต็มที่ คำตอบที่ได้จึงค่อนข้างกระจัดกระจายเนื่องจากคนตอบไม่เหมือนกัน |
ได้ข้อมูลปัจจัยที่กระทบความรู้สึกการตัดสินใจ เช่น การเมือง | |
ใช้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder) ได้ด้วย | |
เป็นการตั้งต้นก่อนจะเริ่มทำ Survey เช่น เอาความเห็นที่ได้เป็นตัวเลือก |
Semi-Structured Interview
คำเรียกอีกอย่างหนึ่งของ Semi-Structured Interview ก็คือ Interview เฉย ๆ เลยเพราะมันคือรูปแบบการสัมภาษณ์ผู้ใช้งานที่ได้รับความนิยมมากที่สุด การทำ Structured Interview มันทดแทนด้วยเทคโนโลยีได้เยอะ ส่วนการทำ Unstructured Interview ก็แทบจะไม่เรียกว่าเป็นการสัมภาษณ์เลยเพราะมันแทบไม่ต้องเตรียมชุดคำถาม แต่เป็นการเตรียม agenda มากกว่า
Semi-Structured Interview เป็นการผสมผสานทั้ง Structured และ Unstructured เข้าไว้ด้วยกัน ส่วนต้นจะเป็น Structured ที่ตั้งคำถามปลายปิดเพื่อตั้งหัวข้อ และส่วนปลายก็จะเป็น Unstructured ที่เปิดกว้างให้คนได้ตอบคำถามตามความคิดเห็นของตัวเองเต็มที่
เมื่อไหร่ควรจะใช้?
เหมาะกับตอนที่เรามีความรู้เกี่ยวกับหัวข้อที่สนใจ แต่อยากรู้ประเด็นใหม่ ๆ ภายใต้หัวข้อนั้น และมักจะใช้กับประเด็นที่ซับซ้อน อาศัยการถามสืบเสาะหรือตะล่อมถามเพื่อหาความเชื่อมโยงได้ ไม่ก็ตอนที่เราต้องการเก็บข้อมูล Task Flow (ขั้นตอนการทำ) หรือ Touchpoints (จุดสัมผัส)
จุดแข็ง | จุดอ่อน |
ยืดหยุ่น แต่ยังอยู่ในกรอบ ปล่อยให้ผู้ตอบได้เล่าในสิ่งที่อยากเล่า แต่ยังอยู่ในหัวข้อที่เราสนใจ | ต้องระวังการถามคำถามชี้นำ เช่น ถ้าเราถามว่า “คุณชอบแบบนี้ใช่ไหม?” มันก็เหมือนบีบให้คนตอบต้องตอบว่าใช่อยู่แล้ว |
เจอประเด็นใหม่ ๆ ภายใต้หัวข้อที่ควบคุม | ระวังความสม่ำเสมอในกรณีที่มี Interviewer หลายคน |
เข้าใจหัวข้อที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้น | ใช้เวลานานในการสรุปข้อมูลเพราะมีการผสม Qualitative และ Quantitative เข้าด้วยกัน |
เลือกรูปแบบ User Interview ให้เหมาะสม
การเลือกรูปแบบของ User Interview ให้เหมาะสมกับบริบทและเป้าหมายของการวิจัย ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคนิค แต่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพของข้อมูล และความแม่นยำของการตัดสินใจต่อไป หากเลือกวิธีที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ เช่น ใช้แบบ Structured ในช่วงที่ยังไม่รู้ว่าควรถามอะไร หรือใช้แบบ Unstructured เมื่อจำเป็นต้องได้คำตอบเปรียบเทียบที่ชัดเจน ผลลัพธ์ที่ได้อาจเบี่ยงเบนจากความจริง หรือไม่สามารถนำไปใช้ต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งไปกว่านั้น ยังอาจทำให้ทีมงานหลงทาง เสียเวลา และเสียโอกาสในการเข้าใจผู้ใช้อย่างลึกซึ้ง
ดังนั้น การเลือกรูปแบบการสัมภาษณ์จึงไม่ใช่ขั้นตอนเล็ก ๆ ที่ทำตามสูตรสำเร็จ แต่คือการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ต้องใช้ความเข้าใจบริบทของโครงการ ทีม และผู้ใช้ เพื่อให้ทุกคำถามที่ถามออกไป พาเราเข้าใกล้ “ข้อมูลที่สำคัญ” ต่อการพัฒนาและแก้ไข Digital Product ให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป
สำหรับใครที่อยากปูพื้นฐานตั้งแต่ 0 ในเรื่อง User Interview และเรียนรู้ประเภทการทำ Interview พร้อมตัวอย่างอย่างละเอียด ห้ามพลาด! คอร์ส Getting User Insights through User Interviews
สอนโดยคุณคุปปี้-ธนพร เบญจพลกุล Co-Founder จาก Knowless Labs ผู้สอนมากประสบการณ์ที่จะพาคุณไปเจาะลึกเทคนิคสัมภาษณ์ Users ให้ได้ Insights สุดแม่นยำ
สมัครเรียน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก Getting User Insights through User Interviews ได้เลย!