ก้าวเข้าสู่ปีที่สามของ Skooldio แล้ว กับความมุ่งมั่นที่จะช่วยเติมความรู้ พัฒนาทักษะสมัยใหม่ให้กับคนไทย ในโอกาสปีใหม่นี้ ผมและทีมงานได้รวบรวมเรื่องราวที่ดีที่สุดของพวกเราชาว Skooldio ตลอดการเดินทางในปี 2019 ที่ผ่านมา เพื่อสะท้อนความคิดและบันทึกความทรงจำเก็บไว้ ก่อนจะออกเดินทาง(ไกล)ต่อในปี 2020
Table of Contents
1. New Releases
“อยากทำงานตำแหน่งนี้ต้องเรียนคอร์สอะไรบ้าง?
จบคอร์สนี้แล้วควรเรียนคอร์สไหนต่อ?”
ในปีนี้ทีม Content Development ของเรายังขะมักเขม้นกับการออกแบบหลักสูตรและเปิดตัวคอร์ส/เวิร์คชอปใหม่ๆ ในทุกสาขาวิชาทั้ง Technology, Business, Design มากกว่า 10 คอร์ส โดยในปีนี้เราตั้งใจออกแบบคอร์สให้ต่อเนื่องกันเป็น Learning Path หรือ Track การเรียนรู้มากขึ้น เพราะหลายๆ ครั้งการเรียนคอร์สเดี่ยวๆ อาจจะยังไม่เพียงพอต่อการเปลี่ยนสายอาชีพ หรือทำโปรเจคให้สำเร็จได้
Web Development Track
ถือเป็น Track ที่เราได้มีโอกาสร่วมงานกับนักพัฒนาระดับแนวหน้าของประเทศเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น Google Developers Experts หรืออดีตวิศวกรซอฟท์แวร์จากบริษัทชั้นนำอย่าง Amazon หรือ Taskworld
- เริ่มตั้งแต่พื้นฐาน Web Development Frameworks อย่าง Vue.js และ React.js ตามด้วยเวิร์คชอปต่อยอด React-Redux และ Nuxt.js เพื่อให้พร้อมนำทั้ง 2 Framework ไปใช้ใน Production ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สร้างเว็บได้แล้ว อยากให้ Conversion Rate ดี Search Engine ให้อันดับสูงๆ ก็มีเวิร์คชอป Web Performance Optimization ที่จะช่วยทำให้เว็บของคุณโหลดได้ไหลลื่น
ส่วนใครที่สนใจในเรื่องของการออกแบบสถาปัตยกรรมหลังบ้าน เราก็มีเวิร์คชอป AWS Lambda และ Microservices ที่จะมาช่วยให้คุณเข้าใจ Modern Software Architecture มากขึ้น
Business Analytics Track
ตอนนี้องค์กรไหนๆ ก็อยาก Data-Driven ตลอดสามปีที่พวกเรามีโอกาสได้เข้าไปร่วมงานกับหลายๆ องค์กร ทำให้เราพบว่าองค์กรส่วนใหญ่ไม่ได้ขาดบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถด้าน AI/Machine Learning แต่สิ่งที่องค์กรต้องการมากที่สุด คือการสร้างความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับข้อมูล เพื่อให้ทุกคนสามารถนำข้อมูลไปใช้วิเคราะห์และประกอบการตัดสินใจง่ายๆ ได้ด้วยตนเอง รวมไปถึงการสื่อสารความต้องการของตนกับทีม Data ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เวิร์คชอปเก่าแก่อย่าง Data Science for Business ที่ผมสอนเอง ก็เริ่มมีการบิดให้เหมาะสมกับคนเรียนหลากหลายกลุ่มในองค์กรมากขึ้น เช่น กลุ่มผู้บริหาร ก็ต้องมีการสอดแทรกเนื้อหาในเรื่องของการขับเคลื่อนองค์กรให้ใช้ข้อมูลมากขึ้น
- และเพื่อช่วยให้ทุกคนในองค์กรสามารถนำข้อมูลไปใช้ด้วยตนเองได้ เราได้เปิดตัวคอร์สต่อเนื่อง ตั้งแต่การนำข้อมูลจากฐานข้อมูลมาใช้ตอบคำถามทางธุรกิจด้วยภาษา SQL การวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นด้วย MS Excel ไปจนถึงหลักการออกแบบ Dashboard ที่ดี (คอร์สออนไลน์, เวิร์คชอป) ให้ทุกคนได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลสูงสุดผ่านเครื่องมือง่ายๆ อย่าง Power BI หรือ Tableau
UX/UI Design Track
เพราะ User Experience เป็นเรื่องของทุกคนในองค์กร ตอนนี้หลายๆ องค์กรก็เริ่มมาให้ความสำคัญกับ “ผู้ใช้งาน” ในการออกแบบผลิตภัณฑ์มากขึ้น แรกเริ่มเดิมที Design Thinking for Innovation เป็นเวิร์คชอปที่ทีม Skooldio มีโอกาสเข้าไปจัดให้กับองค์กรมากที่สุด จนมาถึงยุคที่ทุกองค์กรรู้จัก Design Thinking กันหมดแล้ว แต่ไม่เห็นภาพการนำไปใช้งาน พวกเราก็เริ่มมีโอกาสรัน Design Sprint กันมากขึ้น เพื่อช่วยองค์กรสร้างผลิตภัณฑ์จริงๆ ออกมามากขึ้น
สำหรับคนที่อยากเริ่มต้นในสายงานนี้
- สาย UX: เริ่มตั้งแต่เวิร์คชอป UX Foundations ที่จะช่วยปูพื้นฐานให้เห็นภาพงาน UX โดยรวม เข้าใจกระบวนการ และรู้จักเครื่องมือขั้นพื้นฐาน ไปจนถึงเวิร์คชอปที่ลงลึกถึงเทคนิคการใช้เครื่องมือ User Journey การนำไปประยุกต์ใช้ในงาน Service Design หรือการใช้หลักจิตวิทยาเข้ามาช่วยในการสร้างแรงจูงใจให้คนอยากใช้งานมากยิ่งขึ้น
- สาย UI: ใครที่มาจากสายกราฟิก ยังไม่คุ้นเคยกับการออกแบบหน้าจอเท่าไหร่ สามารถเริ่มที่เวิร์คชอป Intensive UI และถ้าใครอยากเป็น UI Designer ที่นักพัฒนาอยากทำงานด้วยแล้วละก็ เวิร์คชอป CSS for Designers จะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการทำงานของนักพัฒนา สื่อสารงานกันได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และออกแบบหน้าตาเว็บให้สวยงามแบบที่สร้างได้ไม่ยากจนเกินไป
และนี่เป็นเพียงก้าวเล็กๆ ของเราเท่านั้น อดใจรอพบกับ Track ใหม่ๆ ด้าน Mobile Development, Product Management ฯลฯ ได้ในปี 2020!
2. Beta Conference
“เพราะการเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ คือกุญแจสู่การก้าวข้ามทุก disruption”
จากประสบการณ์ที่พวกเราได้เข้าไปสัมผัสกับองค์กรใหญ่ เราเห็นหลายองค์กรตื่นตัวต่อกระแส disruption เป็นอย่างมาก ต่างก็พยายามมองหาเครื่องมือใหม่ๆ เข้ามาใช้เพิ่มขีดความสามารถของตนเอง ขณะที่หลายๆ องค์กร ก็ยังรู้สึกงงๆ ไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี
เราจึงริเริ่มไอเดีย Beta Conference ขึ้นมา โดยนำเอาความรู้ด้าน Technology, Business, Design และ Ways of Working ออกมาถ่ายทอดผ่านมุมมองและประสบการณ์ของ speaker ชั้นนำกว่า 12 ชีวิต ออกมาเป็น 12 หัวข้อที่น่าสนใจ ในธีม “Always in Beta” บนโจทย์ที่ว่า “การเปิดใจเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และทำให้เหล่าองค์กรมองเห็นโอกาส และเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับ disruption”
งานนี้ได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้ร่วมงานกว่า 400 คน ที่มาร่วมฟัง ทำกิจกรรม และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันตลอด 1 วันเต็มๆ สำหรับใครที่พลาดโอกาสนี้ไป เรามีวิดีโอบันทึกงาน Beta Conference 2019 by Skooldio ให้ดูย้อนหลังกันฟรีๆ ส่วนงาน Beta ฉบับปี 2020 จะออกมาในรูปแบบไหน อีกไม่นานเกินรอคงได้เจอกัน (เบื้องหลังงาน Beta Conference 2019)
3. Digital Leadership Bootcamp
“เรียนแล้วเข้าใจ ได้ลงมือทำจริง จนอยากให้หัวหน้ามาเรียนด้วย!”
นี่คือหนึ่งในฟีดแบคที่เราได้รับจากผู้เรียนมากที่สุด ผนวกกับความมุ่งมั่นของเราที่ต้องการจะยกระดับทักษะความรู้ของผู้เรียนให้ได้ในทุกๆ ระดับ และทุกๆ อุตสาหกรรม จึงเกิดเป็นหลักสูตร “Digital Leadership Bootcamp” ขึ้นมา
หลักสูตรนี้จัดขึ้นภายในเวลา 10 สัปดาห์ ผู้เรียนที่เป็นเหล่าผู้บริหารในองค์กรต่างๆ จะได้ร่วมถาม-ตอบ ลงมือทำงานจริงผ่าน workshop สุดเข้มข้น พร้อมรับคำแนะนำจากประสบการณ์จริงของผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด และพิเศษสุดๆ หลักสูตรเดียวในเมืองไทย ที่นำการทำงานแบบ Design Sprint ตามแบบฉบับของ Google Ventures มาให้ผู้เรียนได้ใช้งานจริง ตั้งแต่ออกไปเก็บข้อมูลจนถึงการนำไปทดสอบกับลูกค้าจริงภายในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น
เราหวังว่า เมื่อผู้เรียนเรียนจบหลักสูตรนี้แล้ว จะสามารถนำเอาวิธีคิดและวิธีการทำงานเหล่านี้ไปใช้ในการสร้างทีมงาน และสร้างการเปลี่ยนแปลงในองค์กรได้ทันที ซึ่งแน่นอนว่า หลักสูตรที่ช่วยสร้างประโยชน์ให้กับหลายๆ องค์กรแบบนี้ จะกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน!
4. dtac Accelerate
“เอาตัวเองไปอยู่ภายใต้แรงกดดันของเวทีแข่งขัน เพื่อท้าทายความสามารถของทีม ลองผิดลองถูกเหมือนวันแรกที่เราเริ่ม และเติบโตธุรกิจแบบก้าวกระโดด”
ปีนี้เราก้าวเข้าสู่ปีที่สาม ด้วยแนวทางการทำงานของเรา ทีมงานทุกคนต่างก็รู้สึกว่า เราทำกันได้ดีอยู่แล้ว แต่เมื่อเราต้องการจะไปให้ไกลกว่าเดิม ทั้งในด้านธุรกิจ หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง พวกเราจึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ dtac Accelerate
ใน dtac Accelerate นี้เอง ที่พวกเราได้แสดงฝีมือ ผ่านด่านผู้สมัครกว่า 500 ทีม ที่ต่างก็งัดเอาผลงาน และไอเดียธุรกิจสุดสร้างสรรค์ออกมาประชันกันอย่างเต็มที่ จนในที่สุด พวกเราก็ทะลุเข้าไปถึงรอบ 14 ทีมสุดท้าย ซึ่งเราเป็นหนึ่งเดียวในหมวด Edtech ที่สามารถเข้าไปยืนในรอบนี้ได้
ตลอดระยะเวลากว่า 4 เดือนที่ได้เข้าร่วม Bootcamp พวกเราได้เรียนรู้เทคนิคในการทำธุรกิจจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลกอย่าง Nir Eyal, Scott Bales หรือ Jacob Greenshpan พวกเราถูกท้าทายจาก mentor ให้กลับไปลองผิดลองถูกเหมือนวันแรกที่พวกเราเพิ่งเริ่มก็ตั้งบริษัทอีกครั้ง ว่าสิ่งที่เรากำลังทำคือสิ่งที่ลูกค้าต้องการจริงๆ หรือไม่ และที่สำคัญที่สุด พวกเราได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า เราทำได้!
5. Platform-as-a-Service
“การได้เห็นสิ่งเล็กๆ ที่เราทำสามารถสร้างประโยชน์ต่อสังคมได้ คือความสุขของเรา”
จากการพัฒนาระบบเรียนออนไลน์ของตัวเอง ในปีนี้เราได้มีส่วนช่วยในการออกแบบและพัฒนา สร้าง platform การเรียนออนไลน์ใหม่ เพื่อเป็นสื่อกลางในการเผยแพร่ความรู้ให้กว้างไกลขึ้นไปอีก ที่สำคัญคือ platform เหล่านี้ล้วนแต่สร้างประโยชน์ทั้งต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมอีกด้วย
เริ่มที่โปรเจคแรก อย่างที่เรารู้กันว่า ในปีนี้ LINE มีการปรับเปลี่ยนเครื่องมือต่างๆ และได้สร้างแนวทางใหม่ๆ เพื่อให้ตอบโจทย์คนไทยมากขึ้น เช่น การเปลี่ยนจาก LINE@ เป็น LINE Official Account ซึ่งเราก็ได้รับโอกาสเข้าไปช่วยพัฒนา LINE Study Room ระบบเรียนออนไลน์สำหรับลูกค้าและเอเจนซีที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของ LINE เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจต่อผลิตภัณฑ์ต่างๆ และสามารถนำไปใช้กับธุรกิจได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
โปรเจคต่อมา เราได้พัฒนาแอปพลิเคชั่นเรียนออนไลน์ Learn Anywhere สำหรับน้องๆ ระดับชั้นมัธยมศึกษาที่ต้องการอัพสกิลด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ เพื่อเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย โดยสามารถเรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา ทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น iOS, Android, MacOS หรือ Windows โดยถึงปัจจุบัน (ธันวาคม 2019) มียอดดาวน์โหลดรวมกันแล้วกว่า 30,000 ดาวน์โหลด
และโปรเจคสุดท้ายอย่าง TCASter แอปพลิเคชันช่วยในการวางแผนการเรียนต่อมหาวิทยาลัยสำหรับน้องๆ ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่พัฒนาต่อยอดมาจากปี 2018 ในปีนี้มีน้องๆ ลงทะเบียนใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 270,000 คน มี Active User ตลอดทั้งปีกว่า 460,000 คน และมียอดยอดดาวน์โหลดรวมกว่า 750,000 ครั้งเข้าไปแล้ว นับว่าเป็นความสำเร็จที่เราภูมิใจมากๆ #แต่เราจะไม่หยุด
6. Skill Score
“เมื่อต้องเขียน resume คุณจะบอกได้อย่างไรว่าในทักษะนั้นๆ คุณเจ๋งแค่ไหน?”
จากการพูดคุยกับคนในวัยทำงานมาจำนวนหนึ่ง เราพบว่า มีคนจำนวนไม่น้อยที่เคยพยายามเขียนระบุความสามารถของตัวเองลงไปใน resume หลายคนเขียนออกมาในรูปแบบของหลอดพลัง ครึ่งหลอดบ้าง เต็มหลอดบ้าง แต่ก็รู้สึกว่า เจ้าหลอดพลังนั้นไม่ได้สะท้อนถึงความสามารถที่แท้จริงของพวกเขาเลย ขณะที่ในมุมขององค์กร ก็มีความสงสัยว่าเจ้าหลอดพลังนั้นมีความน่าเชื่อถือมากแค่ไหน
นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เราสร้างเครื่องมือวัดระดับความสามารถทางด้าน digital ขึ้นมา เครื่องมือนี้มีชื่อว่า “Skill Score” โดยเรามุ่งหวังที่จะสร้างมาตรฐานและความน่าเชื่อถือให้กับผู้ที่ต้องการวัดระดับความสามารถของตนเอง เพื่อนำไปสมัครงาน หรือพัฒนาต่อยอดทักษะของตนเองให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
และจากการทดสอบเครื่องมือนี้ ซึ่งเราเปิดตัวด้วยเวอร์ชั่นทดลองวัดระดับ 2 ทักษะแรกที่เราพัฒนาขึ้นมา ได้แก่ CSS และ JavaScript ผลปรากฏว่า มีผู้เข้ามาใช้งานกว่า 3,000 คนภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมงแรกเท่านั้น ตัวเลขผู้ใช้งานนี้สร้างกำลังใจให้เรามุ่งมั่นพัฒนา Skill Score ต่อไป เพื่อขยายผลสู่การเป็นหนึ่งในตัววัดความสามารถที่น่าเชื่อถือมากที่สุดในเร็ววันนี้ให้ได้
7. Partnerships
“ถ้าไปคนเดียวจะไปได้ไว แต่ถ้าอยากไปได้ไกลต้องไปด้วยกัน”
การเข้าไปช่วยลูกค้าองค์กรชั้นนำทั่วประเทศพัฒนาบุคลากรตลอด 3 ปี ทำให้เราเห็นว่าความท้าทายในการพัฒนาทักษะเพื่อปิด skill gaps เป็นโจทย์ที่ใหญ่และท้าทายเกินกว่าที่องค์กรใดองค์กรหนึ่งหรือกลุ่มคนใดกลุ่มคนหนึ่งจะทำได้
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ในปีนี้ เราเริ่มขยับตัวออกไปสร้างความร่วมมือกับสถาบัน หรือองค์กรต่างๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับภูมิภาคอย่าง LINE, สตาร์ทอัพด้าน social media analytics ชั้นนำของประเทศอย่าง Wisesight, หรือวิทยาลัยชั้นนำด้าน entertainment technology อย่าง DPU ANT
ทั้งนี้ ความร่วมมือจึงเป็นไปในรูปแบบของการนำความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบการเรียนรู้ของเรา ไปช่วยชูจุดเด่นให้กับวิชาความรู้เฉพาะด้านของแต่ละองค์กร สามารถสื่อสารออกมาได้มากขึ้น และทำให้สาธารณชนเข้าถึงทักษะใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น
8. Life @ Skooldio
“It doesn’t matter if you don’t have experience. You can come from anywhere but if you are interested, it’s a good start. You gotta go out and get what you want however you can.”
วิธีการทำงานแบบ Skooldio คือ การให้คนของเราได้ลงมือทำงานจริง แก้ปัญหาจริง เพื่อให้เกิดการเรียนรู้จริง และเก่งขึ้นเองอย่างก้าวกระโดด แต่การที่จะทำให้คนที่มีพื้นฐานความรู้ที่แตกต่างกันมาทำงานร่วมกัน รับผิดชอบในหน้าที่ที่อาจจะเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ถนัดนัก การรู้จักเรียนรู้และการปรับตัวจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง
ในปีนี้ เราก็ได้มอบประสบการณ์การเรียนรู้ดีๆ ให้กับทีมงานของเราเช่นเคย
- น้องนักศึกษาฝึกงานได้ลงมือสร้าง chatbot ไว้คอยดูแลลูกค้า
- สถาปนิกที่ได้เปลี่ยนสายงานมาเขียนโค้ดแบบจริงจัง
- วิศวกรจากองค์กรใหญ่ที่ได้ปรับมาใช้วิธีการทำงานในแบบของ startup
สิ่งที่ทีมงานของเราได้พบก็คือ โอกาสดีที่พวกเขาจะได้ทำงานร่วมกับคนที่มีพื้นฐานความรู้ที่แตกต่างไปจากตนเอง การได้รับคำแนะนำอย่างเต็มความสามารถของผู้คนภายในทีม ซึ่งล้วนแต่ส่งผลให้พวกเขาเรียนรู้ และแสดงผลงานของตนเองออกมาได้อย่างน่าชื่นชม
และด้วยประสบการณ์ที่ดีเหล่านี้ ยิ่งทำให้พวกเราทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข สอดคล้องกับความเชื่อที่ว่า การทำงานให้ประสบความสำเร็จนั้นไม่มีคำว่าง่าย แต่การเดินร่วมทางไปกับผู้คนที่มีเป้าหมายเดียว ช่วยเหลือกัน แบ่งปันประสบการณ์เพื่อแก้ปัญหาร่วมกัน สิ่งเหล่านี้เองที่จะช่วยผลักดันให้เราประสบความสำเร็จในแบบที่เราหาจากที่ไหนไม่ได้เลย
9. Growing Community
“ทำอย่างไร จึงจะทำให้ประสบการณ์การเรียนกับ Skooldio ไม่ได้จบลงเพียงแค่ในห้องเรียน”
คำถามตั้งต้นตัวใหญ่ๆ นี้ เป็นคำถามที่พวกเราหยิบขึ้นมาพูดคุยกันเมื่อช่วงกลางปี อาจเพราะรูปแบบการเรียนกับ Skooldio นั้นจะเป็นไปในรูปแบบของ workshop เต็มวัน ที่เมื่อจบคลาสเรียนแล้ว ผู้เรียนต่างก็แยกย้ายกับกลับไปทำงานประจำตามเดิม ขณะที่พวกเราเองก็เชื่อในการเรียนรู้ตลอดชีวิต
Skooldio Alumni Meetup ถูกริเริ่มขึ้น เพื่อที่จะสร้างสังคมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนอัปเดตความรู้และเครื่องมือต่างๆให้กับนักเรียนเก่าของเรา เพื่อสามารถนำกลับไปใช้ปรับปรุงการทำงานของตนเองได้อยู่เสมอ ซึ่งในปีที่ผ่านมา เราจัด meetup ไปทั้งสิ้น 2 ครั้ง โดยได้อัปเดตความรู้ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างศิษย์เก่าของ เราไปแล้วกว่า 100 คน
ด้วยผลตอบรับที่ดีจากผู้เข้าร่วมทั้ง 2 ครั้ง และความมุ่งมั่นที่จะทำให้เราเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ของทุกคน เราได้เตรียมแผนการสำหรับการจัด meetup ในปีหน้าไว้อย่างต่อเนื่อง ถ้าคุณคือศิษย์เก่าของ Skooldio และต้องการอัปเดตทักษะของคุณให้สดใหม่อยู่เสมอ รอพบกับความสนุกในปีหน้าได้เลย!
เสียงเต้นของหัวใจ กับเส้นทางใหม่ข้างหน้านั้น
“There is no greater thing you can do with your life and your work than follow your passions — in a way that serves the world and you.”
— Sir Richard Branson
จะว่าไปแล้ว ปีนี้ก็เป็นอีกปีที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เผลอแว๊บเดียวก็เดินมาจนสุดถนนหมายเลข 2019 ไปแล้ว แม้ว่าบางครั้ง เราอาจจะพบกับช่วงเวลาที่ยาวลำบาก แต่สุดท้ายเราก็มาถึงที่หมายตามที่เราตั้งใจไว้ได้
เรารู้สึกภูมิใจในตัวเองที่ได้มายืน ณ จุดนี้ ไม่ใช่เพราะทุกอย่างที่เราทำมาตลอดนั้นประสบความสำเร็จ หรือได้รับรางวัลมากมาย แต่เราภูมิใจในสิ่งที่เราทำ ที่ได้สร้างประโยชน์ต่อผู้คนมาตลอดทาง ตั้งแต่การทำให้คนทำงาน มีทักษะใหม่ๆไปใช้ทำงานให้ดีขึ้น ไปจนถึง การช่วยให้เด็กนักเรียนทั้งประเทศเรียนหนังสือได้สะดวกขึ้น สิ่งเหล่านี้ต่างหาก คือรางวัลที่แท้จริง และคือเหตุผลของการการเดินทางของพวกเรา
ถึงตรงนี้ ช่วงเวลาของการทบทวนตัวเองก็จบลง เมื่อเรามองไปยังถนนสาย 2020 ที่อยู่ตรงหน้า เราสัมผัสได้ถึงเป้าหมายใหม่ที่รอเราอยู่ เสียงหัวใจที่เต้นแรงบอกถึงความรู้สึกตื่นเต้นไปกับความท้าทายเหล่านั้น ตอนนี้ เด็กน้อยที่ชื่อสคูลดิโอก็พร้อมจะเดินทางไปสู่อีกบทหนึ่งของชีวิตแล้ว