OKRs คืออะไร ทำไมถึงเป็น Framework ที่องค์กรชั้นนำทั่วโลกเลือกใช้

หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า OKRs กันมาบ้างในช่วงหลายปีนี้ คนที่ทำงานในองค์กรต่างๆ อาจมีโอกาสได้ลองใช้แนวคิดนี้ในการทำงาน แต่แน่ใจแล้วหรือว่าคุณเข้าใจว่า OKRs คืออะไร มีที่มาอย่างไร แล้วทำไมถึงเป็น Framework ที่องค์กรอย่าง Google และอีกหลายองค์กรชั้นนำในทุกวันนี้ให้ความสำคัญ พร้อมนำไปปรับใช้อย่างแพร่หลาย

what is okrs blog cover

Table of Contents

เมื่อพนักงานกว่า 95% ทั่วโลก ไม่รู้ว่าเป้าหมายขององค์กรคืออะไร
OKRs คืออะไร
ทำงานอย่างสอดคล้องเชื่อมโยงกัน และมุ่งสู่ Goal เดียวกัน
เรียนรู้เกี่ยวกับ OKRs มากขึ้น
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

เมื่อพนักงานกว่า 95% ทั่วโลก ไม่รู้ว่าเป้าหมายขององค์กรคืออะไร

ผลสำรวจหนึ่งจาก Harvard Business Review พบผลลัพธ์ที่น่าตกใจที่เกิดขึ้นในองค์กรทั่วโลก นั่นคือพนักงานกว่า 95% ไม่รู้ว่าตัวเองทำงานเพื่อวัตถุประสงค์อะไร ไม่รู้ว่าเป้าหมาย และกลยุทธ์ขององค์กรคืออะไรกันแน่

นี่คือ Pain Point ที่เกิดขึ้นกับหลายองค์กรทั่วโลก ตั้งแต่การที่องค์กรมีเป้าหมายไม่ชัดเจน หรือบางครั้งสถานการณ์โลกเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ทำให้เป้าหมายที่เคยชัดเจนกลับคลุมเครือทำตามได้ยาก บางเป้าหมายดูยิ่งใหญ่มากแต่ไม่สามารถเอามาปฏิบัติจริงได้ รวมถึงในองค์กรเอง พนักงานแต่ละฝ่ายก็ทำงานไม่สอดคล้องเชื่อมโยงกัน และอย่างที่ผลสำรวจข้างต้นบ่งชี้ว่าพนักงานเกือบทั้งหมดไม่ได้เข้าใจเป้าหมายขององค์กร

กล่าวโดยรวมคือองค์กรจำนวนมากมีปัญหาในการตั้งเป้าหมาย และขาดสิ่งที่จะช่วยขับเคลื่อนผลักดันองค์กรไปสู่เป้าหมายได้อย่างสำเร็จ.. ซึ่ง OKRs จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะตอบโจทย์ปัญหานี้โดยเฉพาะ

OKRs คืออะไร

แล้ว OKRs คืออะไร จริงๆ แล้วคำนี้ย่อมาจาก Objectives and Key Results คือแนวคิดหรือ Framework ในการตั้งเป้าหมาย นอกจากเป็นตัวช่วยในการตั้งเป้าหมายแล้ว ยังช่วยผลักดันให้องค์กรไปถึงเป้าหมายได้อย่างสำเร็จ

องค์ประกอบของแนวคิดนี้เรียบง่ายมาก และมีเพียงสองเรื่องเท่านั้น อันแรกคือ Objectives ตรงตัวก็คือเป้าหมายที่ต้องการทำให้สำเร็จ และส่วนที่สองคือ Key Results หรือผลลัพธ์หลักที่จะทำให้เป้าหมายหรือ Objectives ของเราสำเร็จ สิ่งที่สำคัญคือผลลัพธ์นี้ต้องเป็นผลลัพธ์ที่วัดผลได้

ลองมาทำความเข้าใจการตั้ง OKRs กันให้มากขึ้นผ่านตัวอย่างของ Google ในช่วงประมาณปี 2008 ที่ตั้ง Objective ให้ Google Chrome ว่าจะต้อง “เว็บบราวเซอร์ที่ดีที่สุดภายในปี 2010” ซึ่งจาก Objective นี้ต้องเอาไปตั้ง Key Results ที่ตามมา เช่น ข้อที่หนึ่งอาจจะเป็น “ทำแคมเปญที่ทำให้คนรู้จัก Google Chrome เพิ่มขึ้น 500 ล้านคนทั่วโลก” ข้อที่สอง “พัฒนาให้ Google Chrome ทำงานเร็วขึ้น 20 เท่า” เป็นต้น

ถ้าเราดูคำว่า Key Results เหตุผลที่ต้องใช้คำว่า Key เพราะผลลัพธ์ที่ตั้งขึ้นมาต้องเป็นผลลัพธ์หลักที่สำคัญจริงๆ ดังนั้นองค์กรส่วนใหญ่จะตั้งสัก 3 – 5 Objective ก็เพียงพอแล้วสำหรับการจะโฟกัสการทำงานในรอบเวลาหนึ่ง ลงลึกมาที่แต่ละ Objectives ก็ควรจะมีประมาณ 3 – 5 Key Results เพื่อให้ได้โฟกัสทำเฉพาะสิ่งที่สำคัญเช่นกัน

ทำงานอย่างสอดคล้องเชื่อมโยงกัน และมุ่งสู่ Goal เดียวกัน

alignment and goal

โดยรวมแล้วหัวใจของ OKRs จะช่วยตอบโจทย์สองปัญหาสำคัญ อย่างแรกคือ Alignment หรือความสอดคล้องเชื่อมโยงกัน อย่างที่สองคือการขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมาย และทิศทางเดียวกันอย่างชัดเจน ซึ่งสองเรื่องนี้มีความสำคัญมากสำหรับองค์กรในทุกวันนี้ โดยเฉพาะในวันที่โลกธุรกิจหมุนเร็วขึ้น เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงที่ไม่แน่นอน องค์กรอยากจะตั้งเป้าหมายที่มีความท้าทายและทะเยอทะยานมากขึ้น เช่น การโตแบบ 10X หรือเป็นเป้าหมายที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนในองค์กรได้ พร้อมมีแนวทางการทำงานให้ทุกคนสามารถทำงานอย่างสอดคล้อง และไปในทิศทางกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เรียนรู้เกี่ยวกับ OKRs มากขึ้น

หากคุณอยากเรียนรู้เรื่องของ OKRs แบบเจาะลึกและครบจบในที่เดียว ขอแนะนำคอร์ส OKRs: The Complete Guide คอร์สที่จะตอบทุกคำถามที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับ OKRs ตั้งแต่หลักทฤษฎีพื้นฐาน และรวม Best Practice จากประสบการณ์ผู้สอนที่ผ่านการทำงานกับองค์กรระดับโลกอย่าง Google มากกว่า 10 ปี ให้คุณสามารถเริ่มต้นปรับใช้ในการทำงานได้จริงหลังจากเรียนจบ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสมัครเรียนได้เลยที่นี่