Table of Contents
Progressive Web Apps หรือ PWA คืออะไร?
PWA คือแนวคิดไอเดียจาก Google ที่จะพัฒนาให้ Web มีประสบการณ์ใช้งานใกล้เคียงกับ App มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ความรวดเร็ว หรือการใช้งานที่ลื่นไหล ลูกเล่นเมนูที่ใช้ง่าย, ทำ Push Notification ก็ได้ และอื่นๆอีกมากมายที่ App จะทำได้และเสริมด้วยจุดเด่นของ Web ไม่ว่าจะเป็น การสามารถทำงานได้แม้อยู่ในสถานะ Offline หรือ การอัปเดตข้อมูลได้ทันทีแบบ Real Time เนื่องจาก PWA ไม่จำเป็นต้องผ่าน App Store หรือ Google Play Store ทำให้มีความเข้าถึงผู้ใช้งานได้ง่ายไม่ยุ่งยากต้องโหลดลงเครื่องก่อน
😎 PWA ช่วยให้เข้าถึงผู้ใช้งานได้ง่ายมากขึ้นอย่างไร?
หากมองการใช้งานจริงของผู้ใช้ทั่วไปแล้ว โอกาสที่ผู้ใช้งานจะโหลด App เพื่อใช้งานประจำยังถือว่าน้อยมาก ด้วยข้อจำกัดของอุปกรณ์ หรือ เทรนด์การใช้งาน App ของผู้ใช้งาน โดยเฉพาะหากคุณคือ App น้องใหม่ที่ยังไม่ติดตลาด App โอกาสการโหลด App มาใช้งานจึงมีน้อยมาก ทำให้อาจเสียโอกาสในการเข้าถึงผู้ใช้งานได้จำนวนมาก
และแนวคิดของ Progressive Web Apps นี้จะสามารถสร้างประสบการณ์ในการใช้งาน Web ที่ลื่นไหลและแนบเนียนเหมือนผู้ใช้งานได้ใช้ App อยู่ เพื่อสามารถหยิบยื่นประสบการณ์ที่ดีต่อผู้ใช้งานได้
ตัวอย่างแบรนด์ที่มีการใช้ Progressive Web Apps ที่เด่นๆ ได้แก่ TwitterLite, Tinder, Uber, Starbucks, Google maps, Trivago, Alibaba หรือ Spotify เป็นต้น โดย Case Study ที่น่าสนใจได้แก่ TwitterLite สามารถลดโอกาส Bounce rate ของ Users ถึง 20% จากการแชร์ Link ไปยัง Platform ต่างๆ และเพิ่มจำนวน Session ให้เข้าสู่เว็บไซต์ถึง 65% และ Ecommerce ยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba ก็การันตี Conversion rate เพิ่มขึ้น 76% จากการหันมาพัฒนา PWA เพื่อเข้าถึง Users ทั่วโลก
5 จุดเด่นสำคัญของ Progressive Web Apps
เรามาดูความสามารถของ PWA กันว่ามีความน่าสนใจยังไงกันบ้าง
FAST – โหลดได้รวดเร็วตอบสนองผู้ใช้งานได้ดี
Users มากกว่า 50% ออกจากหน้าเว็บทันที หากหน้าเว็บใช้เวลาแสดงผลนานกว่า 3 วินาที ซึ่งไอเดียการทำงาน PWA คือการเก็บ Cache ของ Browser ไว้ เมื่อมีการเรียกใช้งานอีกครั้ง Browser ก็จะเรียกข้อมูลจากที่ Cache ไว้มาแสดงผลในทันที ซึ่งการทำงานตรงส่วนนี้จะเร็วมาก เพราะไม่จำเป็นต้องขอข้อมูลมาจาก Server ซึ่งใช้เวลามากกว่า ซึ่งความสามารถนี้ยังต่อยอดไปถึงจุดเด่นเรื่อง Reliable ข้อที่ 3 ของ PWA อีกด้วย
INTEGRATED – มีความใกล้เคียงกับ Native App ทั้งด้านฟังก์ชั่นการใช้งาน และ การแสดงผล
จากที่กล่าวไปในตอนต้น แนวคิดของ PWA คือการพัฒนาให้เว็บมีลูกเล่นใกล้เคียงกับ Native apps มากที่สุดและสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างลื่นไหลจน Users ไม่รู้สึกถึงความแตกต่างในการใช้งานเลย เช่น
- สามารถติดตั้งเว็บลงบนหน้าจอมือถือ และ สามารถเรียกใช้งานเว็บแบบเดียวกับที่เรียกใช้งาน Apps ได้ เหมือนการติดตั้ง Apps ซึ่งกินพื้นที่น้อยกว่าโดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งและอัปเดทผ่าน Store ของ Platform อีกด้วย
- เปิดเว็บแบบ Fullscreen โดยไม่มี Address Bar ของ Browser ได้
- ออกแบบ UI ให้มีลูกเล่นเหมือน Apps เพิ่มความน่าใช้งานและสร้าง UX ที่ยืดหยุ่นในการใช้งานได้
- สร้าง Push Notification หรือ ข้อความแจ้งเตือนได้ แม้ไม่ได้เปิดเว็บทิ้งไว้ตลอดเวลา
- สิ่งที่ทำได้ดีกว่า Apps คือการอัปเดตข้อมูลได้อย่าง Realtime ทันที โดยไม่ต้องรอกระบวนการจาก Store เพื่อทำการอัปเดตที่ใช้เวลานาน
- สามารถแชร์เนื้อหาบนโซเชียลมีเดีย ส่งอีเมล ส่งข้อความ ส่งโฆษณาออนไลน์ หรือเชื่อมโยงกับ QR code เพื่อให้ใช้งานได้ทันที
- นักพัฒนาสามารถปรับแต่งฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมากมายให้เว็บทำงานได้เช่นเดียวกับ Apps มากที่สุด
RELIABLE – มีความเสถียรสูง สามารถใช้งานได้แม้ อยู่ในสถานะ Offline
อีกหนึ่งจุดเด่นของ PWA ที่มีความเสถียรในการใช้งานสูง จากการเก็บ Cache ของ Browser นอกจากทำให้สามารถแสดงผลได้รวดเร็วแล้ว ยังสามารถทำงานได้แบบ Offline ได้ โดย PWA ออกแบบมาเพื่อให้เราสามารถเรียกใช้งานเว็บได้แม้จะไม่มีอินเตอร์เน็ตในขณะนั้น แทนที่จะขึ้นหน้า 404 Page not found ซึงการทำงานนี้มีประโยชน์และสร้างประสบการณ์ที่ดีต่อ Users เป็นอย่างมาก ยกตัวอย่างเคสของ Google map เมื่อ Users ค้นหาเส้นทางไปยังจุดหมาย แต่สัญญาณอินเตอร์เนตหายระหว่างทาง เว็บยังคงแสดงผลเส้นทางได้อยู่ ทำให้การใช้งานของ Users ไม่สะดุด
ENGAGING – รวมข้อดีของ Web และ App เพื่อสร้างประสบการณ์ใช้งานที่ดีขึ้นให้แก่ผู้ใช้งาน
ไอเดียของการพัฒนา PWA คือการวมจุดเด่นๆของ Web และ Apps มารวมเข้าด้วยกัน จุดประสงค์คือการสร้างประการณ์ใช้งานที่ดีแก่ Users ไม่ว่าจะเป็นความสามารถ Push Notification ให้เจ้าของ PWA สามารถทำการ Re-Engage กับ Users ได้ และที่สำคัญไอเดีย PWA ยังเป็นการพัฒนาเว็บ นั่นแสดงว่า Platform ไหนก็สามารถใช้ Browse ในการเข้าถึงได้ และยิ่งกว่านั้นคือมีความสามารถในการทำ SEO เพื่อ Drive traffic เข้ามาใช้งานได้นั่นเอง ซึ่งเรียกได้ว่ามีประสิทธิภาพมากๆ
SECURE – มีความปลอดภัย เชื่อถือได้
PWA ใช้มาตราฐานความปลอดภัยเช่นเดียวกับ Website ทั่วไปนั่นคือ HTTPS ซึ่งเป็นปัจจุบันเป็นมาตราฐานที่ต้องมีสำหรับการทำ Website แน่นอนอยู่แล้ว ซึ่งเชื่อถือได้แน่นอน
เรียกได้ว่า PWA จะเข้ามาเป็นทางเลือกที่รวมสิ่งที่ดีที่สุดจากทั้ง 2 โลก (Web + Native Apps) ไว้ด้วยกัน ทั้งการใช้งานและเข้าถึงได้ง่ายในรูปแบบ Website และการใช้งานที่รวดเร็ว พร้อมด้วยคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกับ Native Apps ด้วยเป้าหมายหลักคือ ทำให้ธุรกิจของคุณพร้อมตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคที่นิยมการใช้สมาร์ทโฟนที่เพิ่มมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นไอเดียที่เอาใจเสิร์ฟความสะดวกสบายในการใช้งานให้ Users Happy สร้าง Engage ที่ดีมีการบอกต่อ Business ก็ Happy นั่นเอง!
ส่วนในมุมของนักพัฒนาแน่นอนว่าเป็นจะเป็นทักษะที่ Challenge แก่นักพัฒนา Front End อย่างมาก ทั้งเรื่องของการเขียนพัฒนายังไงให้การใช้งานตอบโจทย์การใช้งาน Users และมีหน้าตาลุกเล่นการใช้งานที่ยืดหยุ่นเหมือน Native Apps แต่ยังคงความใช้ง่ายสำหรับ Users ลบข้อจำกัดบางอย่างที่ Web หรือ App ทั่วไปทำไม่ได้ ซึ่งไม่ได้มีความยากเกินไป และจะเป็นทักษะที่องค์กรต้องการ และมีความจำเป็นต่อสายอาชีพ FrontEnd Developer ในอนาคตอย่างแน่นอน
🚀เป็นโอกาสของคุณที่จะได้ศึกษาการพัฒนา Progressive Web Apps (PWA) อีกหนึ่งทักษะการพัฒนา Web ที่องค์กรกำลังให้ความสนใจในปัจจุบัน ในคอร์สออนไลน์ใหม่ “Progressive Web Apps” ของ Skooldio
🔥 ลงทะเบียนรับการแจ้งเตือนวันเปิดตัวคอร์ส พร้อมส่วนลดพิเศษ 40% คลิกเลยที่นี่
สอนโดย Google Developers Expert สาขา Web Technologies
คุณตั้ง วรัทธน์ วงศ์มณีกิจ – Co-Founder & Chief Product Officer at Wisesight
ที่รวบรวมทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ PWA ให้คุณได้เรียนรู้ตั้งแต่พื้นฐานและเจาะลึกทุกหัวข้อในคอร์สนี้
ทำไมถึงไม่ควรพลาดคอร์ส Progressive Web Application ที่ Skooldio?
✅คอร์สนี้จะเน้นปูพื้นฐานในการพัฒนา Progressive Web Apps แบบครบ จบทุกประเด็นที่ควรรู้รวมอยู่ภายในคอร์สเดียว
✅รวมเทคนิคการใช้ Features ต่างๆ ที่จะทำให้คุณพัฒนา Progressive Web Apps ที่สามารถทำให้ประสบการ์ใช้ใกล้เคียงกับ Native Apps แบบแนบเนียนที่สุด
✅เพิ่มแนวคิดการใช้ Progressive Web Apps ในด้านเทคนิคและด้านธุรกิจในโลกการทำงานจริง คุณจะสามารถนำไปใช้ต่อยอดได้
✅เรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติกับตัวอย่างให้ลองทำตามได้ไปพร้อมกันตลอดบทเรียน เรียนจบมีผลงาน Progressive Web Apps เป็นของตัวเอง
เมื่อเรียนจบคอร์สนี้ คุณจะสามารถ..
🔹เข้าใจภาพรวมของ Progressive Web Apps ว่าคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร และแตกต่างอย่างไรเมื่อเทียบกับ Native App หรือ Web Apps ทั่วไป
🔹สร้าง App ที่เป็นรูปแบบ Progressive Web Apps ที่พร้อมให้ผู้ใช้ใช้งานหรือ Deploy ขึ้น Web App Store ได้
🔹สามารถ Implement Web Application ของตัวเองให้เป็น Progressive Web Apps ได้
🔹เห็นภาพการใช้งานจริงทั้งด้านเทคนิคและด้านธุรกิจจากตัวอย่าง Case Study ของ Progressive Web Apps กับบริษัทต่างๆ ที่ยกมาภายในคอร์ส
🔹มีผลงาน Progressive Web Apps เป็นของตัวเอง เก็บเป็น Portfolio ส่วนตัว
คอร์สนี้เหมาะสำหรับ
👤ผู้ที่มีพื้นฐานการพัฒนาเว็บเบื้องต้น (HTML, CSS, Javascript)
👤Frontend Developer : ที่อยากเรียนรู้แนวคิด Progressive Web Apps เพื่อพัฒนาทักษะการเขียน Web Apps ไปอีกขั้น
👤Developer : ที่ต้องการพัฒนา Web Apps ที่มีความสามารถคล้าย Native Apps เพื่อตอบโจทย์การเข้าถึงผู้ใช้งานขององค์กร Tech ในปัจจุบัน
👤องค์กร / บริษัท : ที่ต้องการพัฒนา App ที่มีขนาดเล็กของตัวเอง เพื่อเข้าถึงผู้ใช้งาน สร้างประสบการณ์ที่ดีได้ด้วยแนวคิดของ Progressive Web Apps
👤นักเรียน / นักศึกษา : ที่สนใจเรียนรู้ทักษะที่จำเป็นของการเขียน Web Apps ให้กว้างขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสสมัครงาน
🚨ไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานการพัฒนาเว็บเบื้องต้น (HTML, CSS, Javascript) แต่สามารถเริ่มต้นศึกษาได้จากคอร์สพื้นฐาน Front-End ของ Skooldio น้าาาา แล้วค่อยมาเรียนคอร์สนี้ต่อได้ >> อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม