Generative AI : ปัจจัยที่ 5 ของคนทำงานในศตวรรษที่ 21

ปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเทรนด์การมาของ Generative AI ได้เข้ามามีอิทธิพลต่อแทบทุกอุตสาหกรรมและสายอาชีพ ด้วยความสามารถที่ไม่เพียงแค่เรียนรู้ข้อมูลเพื่อทำนายและวิเคราะห์ผลลัพธ์อย่างแม่นยำ แต่ยังสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่จากระบบประมวลผลของ Large Language Models (LLMs) ที่สามารถประมวลผลภาษามนุษย์ได้หลากหลายในปริมาณมหาศาล

การพัฒนาของLLMs นั่นเอง ที่ทำให้เกิดฟีเจอร์เจ๋ง ๆ ของ AI ที่เรารู้จักกันดี อย่าง ChatGPT ที่เป็นเหมือนผู้ช่วยส่วนตัว ให้คำปรึกษาได้แทบทุกเรื่องไปจนถึงเขียนบทความ หรือ Text-to-Image AI เช่น Stable Diffusion MidJourney หรือ Dall-E ที่เสกรูปขึ้นมาได้ตาม Prompt หรือคำสั่ง Input ที่ให้ไป จนสามารถนำไปช่วยทุ่นแรง ลดเวลาและต้นทุนให้สายออกแบบให้ทำงาน เร็วและสร้างสรรค์ขึ้น ซึ่งหนึ่งในสายอาชีพที่หลายคนไม่รู้ว่าสามารถนำ Generative AI คือสายงานสถาปนิก หรือที่เกี่ยวข้อง เช่น Interior Designer/Stylist ผู้รับเหมาก่อสร้าง คนทำงานในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

สถาปนิกใช้ AI มาช่วยได้อย่างไรในการทำงาน ?

เรามาดูกันดีกว่าแล้ว สถาปนิกใช้ AI มาช่วยในขั้นตอนในบ้าง 7 ขั้นตอนการออกแบบสถาปัตยกรรมที่เรียกได้ว่าเป็น Work Flow มาตรฐานของงานสถาปนิกที่ประกอบด้วย

  1. การกำหนดโครงการ (Architectural Programming) : กำหนดขอบเขตโครงการ ขีดจำกัดงบประมาณ การใช้สอยพื้นที่ โดยอิงจากบริบทอื่น ๆ และความต้องการของลูกค้า
    เวลาที่ใช้โดยประมาณ : 2-4 อาทิตย์
  2. ออกแบบเบื้องต้น (Schematic Design) : นำรายละเอียดโครงการในขั้นแรกมา ขึ้นแบบร่างขั้นเบื้องต้น เพื่อใช้ เลือกสไตล์ แนวคิดคอนเซปต์การออกแบบ ไปจนถึงผังพื้นที่ใช้สอยคร่าว ๆ
    เวลาที่ใช้โดยประมาณ : 4-8 อาทิตย์
  3. ออกแบบรายละเอียด (Design Development หรือ DD) : ลงรายละเอียดต่าง ๆ เช่น ความสูง หรือ ระยะ ต่อยอดจากแบบร่างขั้นต้นตามสิ่งที่ต้องแก้ รวมถึงคาดการณ์งบประมาณ ในรูปแบบภาพ 3D Rendering Perspective
    เวลาที่ใช้โดยประมาณ : 8-12 อาทิตย์
  4. ทำแบบก่อสร้าง (Construction Document) : ลงงานเขียนแบบก่อสร้างจริง เพื่อกำหนดรายละเอียดทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับฝั่งวิศวกร เช่น วัสดุ และ งานโครงสร้างหรือระบบ
    เวลาที่ใช้โดยประมาณ : 8-12 อาทิตย์
  5. บริหารงานก่อสร้าง (Construction Administration) : ดูแลความเรียบร้อยในขั้นตอนก่อนสร้างให้เป็นไปตามแผนและมาตราฐานความปลอดภัย โดยร่วมกับผู้รับเหมาก่อสร้าง และทีมวิศวกร
    เวลาที่ใช้โดยประมาณ : 1ปี ขึ้นไปขึ้นอยู่กับขนาดโครงการ

ตัวอย่าง Timeline กระบวนการทำงานของสถาปนิกจาก BC Architect

เมื่อดูจากกระบวนการทั้งหมดแล้วจะเห็นได้ว่า ขั้นตอนการทำงาน ที่ Generative AI เข้ามาช่วยลดภาระงานได้มากที่สุดคือ คือ Schematic Design หรือการทำแบบร่างขั้นต้น เพื่อกำหนดแนวคิดและสไตล์การออกแบบ จากหลากหลายตัวเลือก

สถาปนิกสามารถทำภาพร่างแบบขั้นต้นหลากหลายสไตล์ด้วยโปรแกรมอย่างเช่น Stable Diffusion โดยใส่ prompt หรือคำสั่งเพื่อจัดองค์ประกอบ พร้อมภาพ Sketch หรือ Reference การออกแบบ เพื่อทำแบบร่างแบบ 3D Rendering ได้หลากหลายรูปแบบ ตามใจชอบจากภาพตั้งต้นได้แบบไม่จำกัด ในเวลาไม่กี่นาที โดยไม่ต้องเสียเวลาดราฟต์หรือปั้นแบบใหม่หมดทุกครั้ง

ตัวอย่างการใช้ทำ Schematic Design ด้วย AI

ตัวอย่างการใช้ Stable Diffusion สามารถเห็นได้รูปเหล่านี้ที่เกิดจากการใช้ภาพสเก็ทช์ลายเส้นต้นฉบับ ร่วมกับ Prompt และ Control Net หรือ Parameter หลัก ๆ ที่ควบคุมภาพผลลัพธ์สองตัวประกอบด้วย

  1. Depth : ช่วยอ่านความชัดตื้น-ลึกของภาพ (Depth of Field) เพื่อ generate ภาพงานสถาปัตยกรรมที่ชัดลึก
  2. IP-Adapter : ช่วยนำภาพ Reference มาใช้อ้างอิงเป็นสไตล์ของภาพที่อยากให้เป็น

ตัวอย่างการใช้เครืองมือ Stable Diffusion เพื่อทำ Conceptual Design หลากหลายแบบ

อย่างไรก็ตาม ต้องบอกไว้ก่อนว่า การใช้ Text-to-Image AI ให้เกิดประสิทธิภาพ ยังต้องอาศัยทักษะการออกแบบ Prompt หรือ คำสั่งที่เราอยากให้ Generative AI สร้างภาพตาม และความสามารถในการจัดองค์ประกอบศิลป์ หรือ Composition ของภาพ เพื่อเกิดผลดีที่สุด โดยเราแนะนำให้ลองฝึกทำจากโจทย์การทำงานจริงจนคุ้นเคยกับ Use Cases และใช้งานได้คล่องขึ้น

โดยที่ Skooldio มีหลักสูตรที่เปิดโอกาสให้ คุณเรียนรู้การใช้เครื่องมือ Generative AI อย่าง Stable Diffusion จากศูนย์ ด้วยคอร์สออนไลน์ เพื่อลงมือฝึกใช้ Stable Diffusion เพื่อช่วยทำแบบร่างขั้นต้นจริงแบบไม่ต้องท่องจำ Prompt ด้วย Onsite Workshop ภาคปฏิบัติ ในหลักสูตร The Ultimate Guide to Architectural Design with AI ออกแบบเนื้อหามาสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับงานสถาปัตยกรรม ไม่ว่าจะเป็นงานออกแบบภายนอก (Exterior Facade Design) ภายใน (Interior Design) หรือ ภูมิทัศน์ (Landscape Design)

หากธุรกิจไหน สนใจอยากทำออกแบบงาน Graphic สำหรับทำคอนเทนต์โฆษณาเพื่อเพิ่มยอดขายให้กับโครงการ หรืองานออกแบบเชิงสถาสปัตยกรรม ก็สามารถลงหลักสูตร The Ultimate Guide to Graphic Design with AI ที่เจาะเนื้อหาการสร้างสรรค์งาน Graphic เช่นการ Retouch ถ่ายแบบ ทำภาพโฆษณาสินค้า ด้วย เพื่อทุกธุรกิจสามารถนำAI ไปใช้ในการทำงาน ให้ไวขึ้น มีประสิทธิภาพขึ้น และสร้างสรรค์ขึ้นแบบที่ใคร ๆ ก็คาดไม่ถึง

More in:Technology

Comments are closed.