PESTEL Skooldio Blog
อยากเริ่มต้นทำธุรกิจ หรือออก Product ใหม่แต่ไม่รู้ว่าต้องคิดถึงอะไรบ้าง?
มาทำความรู้จักกับ PESTEL Framework ‘เครื่องมือวิเคราะห์แนวโน้มตลาด’ กันดีกว่า
ผู้หญิงทำงาน | Skooldio Blog - PESTEL Framework

PESTEL คืออะไร?

คือเครื่องมือสำหรับวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด (จากปัจจัยภายนอกธุรกิจ) ที่ไม่สามารถควบคุมได้เลย เป็นตัวช่วยให้คนทำธุรกิจช่วยวิเคราะห์จังหวะตลาดให้แม่นยำมากขึ้น มองตลาดด้วยภาพมุมกว้างขึ้น ซึ่งเครื่องมือตัวนี้นั้นเกิดจากการนำตัวย่อปัจจัยต่างๆ มารวมกันจนกลายเป็นคำว่า PESTEL นั่นเอง

PESTEL ย่อมาจากอะไร?

P หรือ Political Factors

ปัจจัยแรกคือปัจจัยจากทางการเมือง ซึ่งปัจจัยตรงนี้จะเป็นตัวกำหนดว่ามีเรื่องไหนบ้างในทางการเมืองที่จะมีผลกระทบต่อธุรกิจของคุณ เช่น นโยบายทางการเมือง นโยบายการค้า นโยบายด้านภาษี เป็นต้น และธุรกิจจะสามารถปรับตัว หรือกลยุทธ์อย่างไรได้บ้าง

E หรือ Economic Factors

ปัจจัยที่สองคือปัจจัยทางเศรษฐกิจ ซึ่งนับว่าเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับตัวธุรกิจเลย โดยปัจจัยนี้ประกอบไปด้วย อัตราดอกเบี้ย อัตราการจ้างงาน / การว่างงาน หรืออัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นต้น

S หรือ Social Factors

ปัจจัยที่สามคือปัจจัยทางสังคม ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยชี้ให้เห็นถึง Trends ที่กำลังจะเกิดขึ้นใหม่ รวมถึงยังช่วยให้ธุรกิจมองเห็นสิ่งที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ในปัจจุบันต้องการ ซึ่งประกอบไปด้วย อัตราการเติบโตของประชากร อายุเฉลี่ยของประชากรส่วนใหญ่ รวมถึงทัศนคติอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตในแต่ละวัน เป็นต้น

T หรือ Technological Factors

ปัจจัยที่สี่คือปัจจัยทางเทคโนโลยี ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะช่วยบอกถึงแนวโน้ม หรือเทรนด์ที่เกิดจากนวัตกรรม หรือเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อช่วยให้คุณมองเห็นภาพกว้างว่าควรนำเทรนด์เหล่านี้มาปรับใช้ยังไงได้บ้าง

E หรือ Environmental Factors

ปัจจัยที่ห้าคือปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยให้คุณมองเห็นถึงแนวโน้มที่รัฐบาล และผู้บริโภคมีต่อสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นมาตรการ หรือการรณรงค์ในเรื่องต่างๆ โดยปัจจัยนี้จะช่วยให้คุณมองเห็นมุมมองด้านสิ่งแวดล้อมได้ชัดขึ้นว่ากำลังไปในทิศทางไหน และสามารถนำมาปรับใช้กับสินค้า และบริการได้อย่างไร

L หรือ Legal Factors

ปัจจัยที่หกคือปัจจัยทางด้านกฏหมาย ซึ่งการจะทำธุรกิจ หรืออกสินค้า บริการใหม่ๆ ออกมานั้นต้องคำนึงด้วยว่าถูกกฎหมายหรือไม่ รวมถึงเป็นปัจจัยที่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ธุรกิจต้องเตรียมกลยุทธ์สำหรับรับมือในวันข้างหน้าด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น กฎหมายการจ้างงาน กฎหมายคุ้มครอบผู้บริโภค เป็นต้น

ซึ่งข้อดีของการนำ PESTEL มาช่วยวิเคราะห์ธุรกิจนั้นจะช่วยให้คุณสามารถมองเห็นช่องทาง หรือจังหวะที่ใช่สำหรับการเริ่มต้นธุรกิจ หรือออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาในเวลาที่เหมาะสม รวมถึงปัจจัยเหล่านี้เองยังช่วยให้คุณสามารถปรับกลยุทธ์ของธุรกิจให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันได้ด้วยเช่นกัน

3 เคล็ดลับในการทำ PESTEL Analysis

เว็บไซต์ MasterClass ได้แนะนำ 3 Tips ดี ๆ ในการนำ Framework PESTEL ไปใช้ดังนี้ 

1. ผสมผสานใช้งานร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ (Combine the analysis with others)

จากที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า PESTEL เป็นเครื่องมือสำหรับวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด จาก ‘ปัจจัยภายนอก’ ของธุรกิจ ดังนั้นหากเราผสมผสานการใช้ PESTEL เข้ากับเครื่องมืออื่น ๆ เช่น SWOT ที่วิเคราะห์ปัจจัย ‘ภายใน’ ก็จะยิ่งทำให้การวางกลยุทธ์ของคุณมีความชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้น

2. ทบทวนผลลัพธ์ที่ได้ (Revise your findings) 

เทรนด์ต่าง ๆ มีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ดังนั้นแล้วการกลับมาทบทวนและอัพเดตข้อมูลใหม่ ๆ ให้กับ PESTEL ของเราก็เป็นสิ่งที่จำเป็น 

3. เข้าใจถึงข้อจำกัดต่าง ๆ (Understand the limitations) 

ไม่ว่าเราจะเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ดีแค่ไหน ก็มีโอกาสที่ผลลัพธ์จริงที่ออกมาจะเปลี่ยนแปลงไปไม่เป็นแบบที่เราคิด ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา PESTEL เป็นเหมือนเครื่องมือที่ช่วยให้เราสามารถเตรียมความพร้อมรับมือกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตนั่นเอง 

นอกจาก PESTEL แล้วยังมีความรู้ดี ๆ รออยู่อีกเพียบ! ถ้าอยากเรียนรู้ว่าการจะเริ่มต้น Digital Business ต้องรู้อะไรบ้าง? มาเรียนรู้ไปด้วยกันกับคอร์สออนไลน์ Digital Business Essentials

คอร์สออนไลน์ Digital Business Essentials

คอร์สที่จะพาคุณจุดประกายไอเดียธุรกิจดิจิทัล เรียนรู้แนวคิดในการทำธุรกิจดิจิทัลหรือ Business Models แบบต่าง ๆ โดยเจาะลึก Revenue Models ที่สามารถสร้างรายได้ให้ธุรกิจในยุค Digital และพาคุณไปรู้จักกับ Technology สำคัญ ๆ ที่ธุรกิจสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้

Last updated: Nov 5, 2024 by Skooldio Team

More in:Business

Comments are closed.