เทียบหมัดต่อหมัด Generative AI Art สุดฮิต 

ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่า Generative AI คือ Mega Trend ของการทำงานยุคนี้ ที่ไม่ว่าจะอยู่สายงานไหนก็ต้องรู้และใช้ให้เป็น หากอยากเอาชนะคู่แข่ง และโดดเด่นกว่าใคร 

เมื่อพูดถึง Creative Industries หรืออุตสาหกรรมงานสร้างสรรค์ ที่คนสายโฆษณา คนทำการตลาด สายงานต่าง ๆ ที่ฟาดฟันกันด้วยฝีไม้ลายมือด้วยทักษะการออกแบบ ไปจนถึงความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นที่มาของไอเดียเจ๋ง ๆ Generative AI Art ก็ถือได้ว่าเป็น Disruptor อันดับต้น ๆ ที่เข้ามามีบทบาทในการกระบวนการทำงาน เห็นได้จากการปล่อยตัวเครื่องมือ AI Art หรือ AI วาดรูป ของบริษัทยักษ์ใหญ่มามากมายในช่วงหลังมานี้

แม้ว่าเครื่องมือเหล่านี้จะมีหน้าที่หลักเดียวกันคือช่วยสร้างสรรค์ภาพขึ้นมากจากคำสั่งรูปแบบต่าง ๆ ผ่านกระบวนการเรียนรู้และปรับปรุงของโมเดล แต่ด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ และ จุดเด่นที่ไม่ซ้ำใครของแต่ละเจ้า ทำให้แต่ละเครื่องมือตอบโจทย์การใช้งานที่ไม่เหมือนกันได้จนหลายคนอาจสับสนว่าควรใช้ AI ตัวไหนดี

หากเราสามารถเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับสไตล์งาน และความต้องการ  AI Art ก็สามารถเข้ามาช่วยลดแรง เพิ่มประสิทธิภาพ ไปจนถึงสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพได้ง่ายขึ้น หรืออาจเรียกได้ว่า เลือก tools ที่ใช่ ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง ! 

สงสัยกันแล้วใช่ไหมแล้ว AI Art ตัวไหนที่ใช่สำหรับคุณ ตามมาดูกันเลย

ตารางเปรียบเทียบ เครื่องมือ Generative AI Art ยอดฮิต

DALL·E 3 

การเข้าใช้งานของ DALL·E 3 

DALL·E 3 ถือเป็น Text-to-Image AI Art ที่เข้าใช้งานได้สะดวก ผ่าน​ Web App ไหนก็ได้ที่ใช้ API จาก OpenAI ไม่ว่าจะเป็น ChatGPT Plus,  Bing Image Creator หรือ Microsft Paint โดยส่วนใหญ่ช่องใช้งานที่นิยมสุดคือผ่าน ChatGPT AI Chatbot ที่ทุกคนรู้จักกันดีนั่นเอง 

ความสามารถในการควมคุมภาพของ DALL·E 3 

วิธีการใช้งาน DALL·E 3 เหมือนกับการใช้ ChatGPT ปกติเลย นั่นคือใส่ Prompt ในรูปแบบข้อความลงไปในช่อง และกด Generate เพื่อรอผลลัพธ์ โดยที่หากอยากแก้ไขรูปไม่ว่าจะเป็นองค์ประกอบ สไตล์ AI วาดรูป ตัวนี้ ต้องเขียน Prompt ใหม่ เพื่อตอบโต้กับ Chatboy โดยจะไม่สามารถออกคำสั่งเจาะจงได้จากรูปเดิม จึงทำให้ความสามารถในการคุมภาพของ DALL·E 3 ค่อนข้างน้อยและจำกัด 

ข้อได้เปรียบ/จุดเด่น ของ DALL·E 3 

แม้จะมีข้อจำกัดในการควมคุมภาพผ่านการโต้ตอบ หากอยากแก้เฉพาะจุดให้ได้ตรงกับบรีฟมากที่สุด แต่  DALL·E 3 ก็ถือเป็น AI วาดรูป ที่ใช้ได้สะดวกสุด สำหรับใครที่อยากได้ภาพเพื่อนำไปใช้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการทำ mood board หรือ references เบื้องต้น เพื่อสื่อสารคอนเซปต์ สไตล์งาน หรือเพื่อความบันเทิงก็ทำได้ 

หน้า Interface ของ Dall-E 3 ใน ChatGPT Plus

ราคาของ DALL·E 3 

DALL·E 3 จะสามารถได้ใช้ได้ ผ่านการอัปเกรดแผน subscription เป็น ChatGPT Plus ซึ่งจะอยู่ที่ 20$ หรือ ประมาณ 700 บาท ต่อเดือน ที่ครอบคลุมถึงการใช้ GPT- 4 ที่เป็น Generative AI สารพัดประโยชน์รุ่นล่าสุดด้วย

Midjourney

การเข้าใช้งานของ Midjourney

Midjourney จะใช้งานซับซ้อนกว่า ตรงที่ AI Art ตัวนี้จะไม่ได้มี Web App หรือแพลตฟอร์มเป็นของตัวเอง ผู้ที่สนใจใช้ต้องมีบัญชีใช้งานของ Discord เพื่อเข้า Server Midjourney จากนั้นจึงถึงสามารถกด Subscribe เพื่อ

เริ่มต้นใช้งานได้ 

ความสามารถในการควมคุมภาพของ Midjourney

เมื่อเทียบกับ DALL·E 3 แล้ว Midjourney คือ Generative AI Art ที่ปานกลางในเชิงของการคุมองค์ประกอบศิลป์ ไปจนถึงกำหนดสไตล์งานได้อย่างเจาะจงกว่า ผ่านการปรับตัวแปร (Parameter) ที่เป็นตัวเลือกมาให้ หรืออยู่ในรูปแบบชุดคำสั่งเฉพาะ

ตัวอย่างเช่น หากอยาก Upscale เพิ่มขนาด Resolution ก็ทำได้โดยใช้กดที่ U1, U2, U3, หรือ U4 ไล่ตามความคมชัดของรูป หรือพิมพ์  /prefer remix เพื่อเปิด Remix Mode และปรับ Prompt ต่อเติมโดยอิงจากรูปเดิม

ตัวอย่างการเลือก Upscale Resolution รูปจาก ปุ่ม U1-U4

ข้อได้เปรียบ/จุดเด่น ของ Midjourney

ข้อได้เปรียบที่เห็นในชัดของ ของ Midjourney คือ ระดับการคุมภาพที่เหนือกว่า DALL·E 3 ทำให้เหมาะกับแก่การนำไปใช้ในงานที่จริงจังขึ้น และด้วยฟังก์ชั่นหลักของ Discord ที่มีเป็น Team Chat App ทำให้ Midjourney เป็นเครื่องมือ AI วาดรูปที่มี Community  ผู้ใช้งานในตัวเอง ใครที่เป็นหน้าใหม่จะเข้าไปอยู่ในห้อง Newbies ซึ่งจะเป็นห้องแชทที่โชว์ผลงานของผู้ใช้งานคนอื่น ๆ รอบโลก พร้อม Prompt ที่ใช้ให้ได้เรียนรู้และทำตามได้เลย 

ราคา ของ Midjourney

ราคา Basic Plan ของ Midjourney จะอยู่ที่ 10$/ เดือน หรือประมาณ 350 บาท โดยมีโควต้าให้สามารถสร้างได้ประมาณ 200 ภาพ (ขึ้นอยู่กับการปรับแก้ผลงาน และสเปคภาพ)

Stable Diffusion

การเข้าใช้งานของ Stable Diffusion

เนื่องจาก Stable Diffusion เป็น AI วาดภาพแบบ Open Source และ สามารถ ติดตั้งใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ และไม่ว่าจะเป็นใครก็สามารถได้ใช้ได้ โดยสามารถใช้ได้ทั้งบน Web App ติดตั้งลงเครื่องผ่าน Python Script หรือติดตั้งบน Cloud เผื่อใช้งานออนไลน์ได้บน Google Colab Pro สองวิธีหลังจะมีข้อดีตรงที่ สามารถเลือก Custom Model ที่ใช้งานได้ 

หน้า Interface ของ Stable Diffusion

ความสามารถในการควมคุมภาพของ Stable Diffusion

Stable Diffusion สามารถควมคุมภาพได้มากที่สุด เมื่อเทียบกับ DALL·E 3 แล้ว Midjourney เพราะนอกเหนือจากการเขียน Prompt แล้ว  Stable Diffusion ยังมี Extensions และเครื่องมือเสริมมากมายให้เราได้เลือกใช้คุมภาพในแทบทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการจัดองค์ประกอบ  กำหนดท่าทางของ Subject และ สไตล์ของงานที่เราสามารถดึง Mood & Tone จากภาพมาใส่ในผลงานได้แม่นเหมือนจับวาง 

นอกจากนี้เรายังใส่ Data Set หรือชุดภาพต่าง ๆ เพื่อให้ AI เรียนรู้และสามารถนำไปสร้างภาพต่อได้แบบสมจริง นี่คืออีกหนึ่งจุดที่ทำให้ Stable Diffusion เหนือกว่า AI วาดภาพเจ้าอื่น ๆ ในแง่การควบคุมภาพ ซึ่งอาจแลกมาด้วยความซับซ้อนในการใช้งานที่มากขึ้น 

ข้อได้เปรียบ/จุดเด่น ของ Stable Diffusion

จุดเด่นของ Stable Diffusion คือความยืดหยุ่นที่สุดในการใช้งาน ที่มาจากหลากหลายฟีเจอร์ที่ให้สร้างภาพได้สมจริงกว่า Generative AI Art  อื่น ๆ ในตลาด หลายปัญหาหรือ Pain Point ที่เกิดขึ้นจากการใช้ AI วาดรูป เช่นมือนิ้วขาดเกิน หรือใบหน้าคนที่บิดเบี้ยว สามารถแก้ได้ด้วยการใช้โมเดลที่เหมาะสม 

และด้วยความที่เราสามารถ Train Data Set ของโมเดล AI เองได้ จึงทำให้ใน Stable Diffusion เหมาะกับนำไปใช้ในงานเชิงพาณิชย์ ที่งานออกแบบต้องสอดคล้องไปในทางเดียวกัน Brand Identity หรือใช้ Brand Presenter ที่ต้องมีหน้าอยู่ในสื่อโฆษณา

ตัวอย่างภาพสมจริงที่ได้จาก Stable Diffusion

ราคาของ Stable Diffusion

ค่าใช้จ่ายของ Stable Diffusion จะแตกต่างกันออกไปตามวิธีเข้าใช้งาน หากใช้งานบนเว็ปไซต์ก็สามารถใช้ฟรีได้ แต่ถ้าหากอยากใช้บน Cloud เพื่อทำงานกับ Model อื่น ๆ จะเริ่มต้นที่  343 บาท ต่อ 100 GPU (Graphic Processing Unit) หรือใช้ได้ 2 อาทิตย์ โดยประมาณ

เพียงแค่นี้ทุกคนสามารถเลือกใช้เครื่องมือ AI Art ได้อย่างเหมาะสมแล้ว หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับสายออกแบบทุกคน! ครั้งหน้าใครอยากลองใช้ AI Art วาดรูปช่วยทำงานเช่น Stock Photo หรือ Key Visual ก็สามารถเข้ามาดูผลการเปรียบเทียบเหล่านี้เพื่อเลือกเครื่องมือที่ ‘ใช่’ ที่สุดได้อย่างสบาย ๆ

หากสายกราฟิกคนไหนอยากต่อยอดการใช้งานที่มากกว่าแค่เขียน Prompt ธรรมดา ๆ  Skooldio เรามีหลักสูตร The Ultimate Graphic Design with AI ที่พาคุณไปเรียนรู้เครื่องมือ AI Art สำหรับดีไซน์เนอร์มืออาชีพอย่าง Stable Diffusion สอนตั้งแต่ตั้งแต่พื้นฐาน ไปจนถึงการนำไปใช้งานจริง ให้คุณเป็นคนแรก ๆ ในไทย ที่สามารถใช้ AI ช่วยได้ทุกงานออกแบบ เช่นงาน Key Visual , Stock Photo งานรีทัชแต่งภาพ ฯลฯ ติดตามดูได้ที่หน้าเว็ปไซต์เลย

More in:Business

Comments are closed.