By Table of Contents
Skooldio’s 2020 Best Nine
9 สิ่งที่ดีที่สุดในการเดินทางของเราตลอดปี 2020
ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ทำให้ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่หนักหนาสาหัสสำหรับหลายๆ ธุรกิจ ที่ Skooldio เอง เราก็ได้รับผลกระทบอยู่ไม่น้อย ทั้งในส่วนของ Offline Workshop ที่ต้องยกเลิกยาวๆ ในช่วง Lockdown หรือในส่วนของงบประมาณ Upskill/Reskill ของหลายๆ องค์กรที่ถูกปรับลดกะทันหัน แต่พวกเราก็ฝ่าฟันหนีตายกันมาได้ ถึงแม้ยอดขายจะไม่เติบโตตามเป้าที่วางเอาไว้ แต่อย่างน้อยมันก็ไม่ตก และวิกฤตินี้ก็ทำให้ทีมของเราแข็งแกร่งขึ้นเยอะ 💪✌️
In the midst of every crisis, lies great opportunity
— Albert Einstein
ในโอกาสปีใหม่นี้ ผมและทีมงาน Skooldio จึงได้รวบรวมเรื่องราวที่ดีที่สุดของความพยายามในการอัพสกิลคนไทยและยกระดับบุคลากรในองค์กรตลอดปี 2020 ที่ผ่านมา เพื่อทบทวนตัวเองและเก็บความทรงจำที่ดีเอาไว้ ก่อนจะออกสู้ศึกต่อในปี 2021 (ที่ตอนนี้ก็มีทีท่าว่าจะหนักไม่น้อยไปกว่าปีที่แล้ว 😢)
1. Skooldio Labs
ไม่ใช่ทุกคอร์สที่เราทำออกมาแล้วจะปัง
เป้าหมายอันหนึ่งของเราในปีนี้ คือการเพิ่มจำนวนคอร์สและจำนวนผู้สอนให้มากขึ้น เพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตและช่วยคน Upskill / Reskill ได้มากขึ้น แต่ที่ผ่านมาพวกเราใช้เวลานานมากในการปั้นแต่ละคอร์สออกมา ตั้งแต่การคัดเลือกคนสอน วางเนื้อหา ไปจนถึงการออกแบบวิธีการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้รับประโยชน์สูงสุด เราให้ความสำคัญกับ “คุณภาพ” มาก เพราะการศึกษาเป็นธุรกิจที่ตั้งอยู่บน “ความเชื่อมั่น” และเราจะพลาดไม่ได้ หลายคนอาจจะเคยได้ยินผู้สอนของ Skooldio บ่นกันมาบ้างว่าพวกเราเคี่ยวขนาดไหน 😈
แต่ไม่ว่าพวกเราจะเตรียมตัวกันมาหนักแค่ไหน ก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะเปิดตัวเวิร์คชอปออกมาแล้วถูกใจคนเรียนทุกคน ตอนต้นปีพวกเราเลยมานั่งคิดกันว่า เราอยากจะ “ลอง” มากขึ้น จะได้ “ฟัง” ชัดๆ ว่าคนเรียนคิดอย่างไร เลยเป็นที่มาของ Skooldio Labs ซึ่งเป็นการเอาเวิร์คชอป (ที่จริงๆ พัฒนาหลักสูตรเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมสอนแล้ว ไม่ใช่คอร์สทดลอง) มาให้เรียนกันในราคาที่สบายกระเป๋าก่อน เพื่อลดความคาดหวังจากผู้เรียนทุกคน และช่วยให้พวกเราได้ “ลอง” และ “ฟัง” เพื่อพัฒนาหลักสูตรตอบโจทย์ผู้เรียนได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
If you’re not embarrassed by the first version of your product, you’ve launched too late
— Reid Hoffman
ด้วย Initiative นี้เอง ทำให้ปีที่ผ่านมา เรามีเวิร์คชอปใหม่ๆ เกิดขึ้นเยอะมาก และได้เปิดโอกาสให้ผู้สอนหน้าใหม่หลายๆ คนมาร่วมถ่ายทอดความรู้กับเรา
ตัวอย่าง Skooldio Labs ในปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ หลายๆ เวิร์คชอปที่จัดประสบความสำเร็จไปได้สัก 2–3 รอบ จนเรามั่นใจแล้วว่าเนื้อหา แบบฝึกหัด และวิธีการสอนตอบโจทย์ผู้เรียน รวมไปถึงตัวผู้สอนเองก็เริ่มสอนได้เข้าปากพูดคล่องมากขึ้น ก็จะถูกดึงออกมาทำเป็นคอร์สออนไลน์เพื่อขยายโอกาสในการอัพสกิลให้กับผู้เรียนในวงกว้างขึ้น ตัวอย่างเช่น เวิร์คชอป Figma และ CSS ที่เรานำมาปรับเป็นคอร์สออนไลน์ เปิดตัว Track ใหม่สำหรับ (Graphic) Designer ที่อยากจะอัพสกิลในฝั่ง Technical เปลี่ยนตัวเองเป็น UI Designer ที่นักพัฒนาอยากทำงานด้วย
UI Design with Figma
Web Basics with HTML & CSS
Essentials CSS for Web Developers
โครงการที่ใหญ่ที่สุดที่เปิดตัวภายใต้ Skooldio Labs ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ Data Analytics Bootcamp โปรแกรมสุดเข้มข้น 2 เดือนเต็มที่จะช่วยให้เตรียมผู้เรียนให้พร้อมสู่การเป็น Data Analyst โดยมีรูปแบบการเรียนผสมผสานระหว่างคอร์สออนไลน์ เวิร์คชอป การแชร์ประสบการณ์จากแขกรับเชิญ รวมไปถึงการทำ Capstone Project เพื่อให้ผู้เรียนได้นำเอาความรู้มาลองประยุกต์ใช้จริงๆ พร้อมรับคำแนะนำจากทีมวิชาการของ Skooldio ตลอดหลักสูตร
ภาพบรรยากาศงานปฐมนิเทศ Data Analytics Bootcamp Batch#1
- รูปแบบการเรียนที่มีการกำหนด Milestone ที่ชัดเจน รวมไปถึง Support ใกล้ชิดจากทีมผู้ช่วยสอนจะช่วยให้คนเรียนคอร์สออนไลน์ได้จนจบมากขึ้นหรือไม่?
- หลักสูตรที่มีการทำ Capstone Project จะช่วยให้ผู้เรียนนำความรู้ไปใช้ในการทำงานจริงได้มากขึ้นแค่ไหน? ถ้าเวิร์ค เราจะ Scale โครงการนี้ในอนาคตได้อย่างไร?
- โครงการนี้จะช่วยเปลี่ยนจากคนไม่มีพื้นฐานให้กลายเป็น Data Analyst ได้จริงๆ หรือเปล่า? และจะมีนักเรียนที่จบจากโครงการนี้ได้งานจาก Hiring Partners ของเรามากน้อยแค่ไหน?
ซึ่งคำตอบจะเป็นอย่างไร เดี๋ยวเรามาลุ้นกันในอีก 2 เดือนข้างหน้านี้ ใครที่สนใจอยากเรียนเวอร์ชันสมบูรณ์ในรุ่นถัดไป สามารถลงชื่อเอาไว้ก่อนได้เลย
2. New Online Experiences
วิกฤติโควิดครั้งนี้ ทำให้ทีมงานมีโอกาสได้มานั่งคิดทบทวนตัวเองกันอีกครั้งว่า การจัดเวิร์คชอปและ Meetup ที่ต้องมาเจอหน้ากัน ยังจำเป็นอยู่หรือไม่? และเราจะสร้างประสบการณ์ออนไลน์ของกิจกรรมเหล่านี้ให้ดีเท่าเดิม (หรือดีกว่าเดิม) ได้อย่างไร?
It always seems impossible until it’s done.
— Nelson Mandela
อย่างที่หลายคนรู้อยู่แล้ว ว่าเวิร์คชอปเป็นแหล่งรายได้หลักของ Skooldio ณ ตอนนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อว่าเรียนออนไลน์แล้วจะได้ผลดี หรือไม่สามารถบังคับตัวเองให้มีสมาธิในการเรียนผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ ด้วยเหตุนี้เอง ทีมงานจึงสรุปกันว่าเราจะไม่ยกเลิกเวิร์คชอปของเรา แล้วมาระดมสมองช่วยกันออกแบบประสบการณ์การเรียนรู้ผ่าน Virtual Workshop ที่ดีที่สุด เราใช้เวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ ก่อนเปิดตัว Virtual Workshop อันแรกของเราออกมา
ต้องเรียกว่าเป็นออกแบบที่ “ใส่ใจในรายละเอียด” มากๆ ไม่ว่าจะเป็น
- การจัดส่งเอกสารประกอบการเรียน
- การทดสอบความพร้อมของคอมพิวเตอร์ก่อนวันเรียน
- การออกแบบรูปแบบการเรียนให้ Interactive มากยิ่งขึ้น รวมถึงการเลือกใช้เครื่องมือต่างๆ อย่างเหมาะสม
- การสร้างบรรยากาศให้ทุกคนอยากมีส่วนร่วม
- การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้สอน
ภาพบรรยากาศการจัด Virtual Workshop
ซึ่งฟีดแบคที่เราได้รับนั้น ดีเกินคาด! หลายๆ เวิร์คชอปได้ผลประเมิน Net Promoter Score (NPS) ที่ดีกว่าเดิม ผู้เรียนหลายคนบอกว่าไม่เคยไปเรียนแล้วเห็นหน้าจอชัดขนาดนี้มาก่อน หลายคนรู้สึกเหมือนผู้สอนกำลังมองตัวเองอยู่ตลอดเวลาจนไม่กล้าวอกแวก หลายคนรู้สึกว่าการเรียนมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากการพยายามปรับรูปแบบการเรียนให้มีกิจกรรมเยอะขึ้น และการที่กิจกรรมทั้งหมดทำผ่านเครื่องมือดิจิทัลก็ช่วยให้ผู้สอนสามารถนำมาขึ้นจอเพื่อให้คำแนะนำได้สะดวกยิ่งขึ้น
สำหรับใครที่สนใจอยากจะจัด Virtual Workshop ของตัวเองบ้าง สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บล็อกนี้ หรือองค์กรไหนสนใจใช้สตูดิโอของเราจัด Virtual Workshop เพื่อให้แผนการอบรมไม่สะดุดและส่งมอบประสบการณ์การเรียนออนไลน์ที่ดีที่สุด สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ hello@skooldio.com เลย
กิจกรรม Meetup ถือก็นับเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญของการอัพสกิลที่ Skooldio เป็นการอัพเดทความรู้ให้ทันสถานการณ์ ต่อยอดจากคอร์สออนไลน์หรือเวิร์คชอปให้กับ Community ของเรา ช่วง Lockdown ทีมงานก็คุยกันว่าหรือเราควรจะยกเลิกไปก่อน เพราะเราไม่ได้รายได้จากสิ่งนี้ แต่ด้วย Mindset อยาก “มั่ว” อยาก “ลอง” ของพวกเรา Skooldio LIVE ก็เลยถือกำเนิดขึ้นมา เพื่อให้ความรู้กับทุกคน ได้ทำตัวเนิร์ดๆ ในแบบที่เราถนัด และยังเป็นการเพิ่ม Engagement กับลูกค้าในช่วงที่เราห่างกันอีกด้วย
ตัวอย่างบางส่วนของ Skooldio Live
จากที่คิดว่าแค่ลองทำดู ไม่กล้าคาดหวังมากเพราะช่วงนั้นเพจดังๆ ก็จัด Live ของตัวเองกันหมด จนบางครั้งที่มีหลายๆ Live ชนกัน บางเพจเหลือคนดูแค่หลักหน่วย แต่ผลปรากฏว่าเราได้รับความสนับสนุนจากผู้ชมทุกท่านดีเกินคาด เราได้เรียนรู้ว่าข้อดีอย่างหนึ่งของการเป็น Live ก็คือความสะดวกในการนัดหมาย Speaker ทุกคนสามารถเข้าร่วมจากที่ไหนก็ได้ และด้วยรูปแบบที่ไม่เป็นทางการมากทำให้ Speaker หลายๆ คนไม่ลังเลที่จะตอบตกลงมาร่วมพูดคุยกับเรา ทำให้เราได้รับเกียรติจากแขกรับเชิญตัวทอปในหลากหลายวงการมาร่วมให้ความรู้กับเรา และทำให้รายการของเราเป็นที่นิยมมากขึ้นไปอีก มากจนเราเริ่มมี Partners มาให้การสนับสนุนของรางวัลเช่น ชุดชาบูจาก Penguin Eat Shabu, Shopee Coins, หรือ Lazada Promo Codes เพื่อสร้างสีสันในรายการอีกด้วย
ภาพบรรยากาศการแจกของรางวัลและ Flash Sale ใน Skooldio Live
ใครที่ยังไม่เคยชม Skooldio Live สามารถชมย้อนหลังได้ผ่านทาง Skooldio, Facebook, และ YouTube กันได้เลย!
3. Skooldio Tutorials
หลังจากที่ทางการประกาศ Lockdown ผมและทีม Manager ทั้งหมดก็มาประชุมกันว่าเราจะทำอะไรให้องค์กรเราตอบโจทย์ลูกค้าได้มากขึ้นในช่วงที่ต้องทำงานกันอยู่ที่บ้าน พวกเราเห็นตรงกันว่าคอร์สออนไลน์ยาวหลายชั่วโมงแบบปกติไม่น่าจะใช่คำตอบสำหรับคนส่วนใหญ่สักเท่าไหร่ ทุกคนต่างตื่นตระหนกกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส กำลังเครียดกับงานที่ต้องถูกเปลี่ยนแผนกะทันหัน กำลังเบื่อกับการต้องนั่งทำงานอยู่บ้านทั้งวัน ถึงแม้ว่าการอัพสกิลเป็นเรื่องที่ดีที่หลายๆ คนแนะนำให้ทำในช่วงที่ธุรกิจกำลังเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ แต่เราไม่คิดว่าเราจะแย่งเวลาของคุณจาก Netflix, YouTube หรือ TikTok ได้ พวกเราเลยตั้งโจทย์ว่าเราอยากจะทำ Product ที่ช่วยให้คนทำงานได้เก่งขึ้นโดยใช้เวลาไม่มาก
Skooldio Tutorials เว็บไซต์รวบรวมสูตรลัดคัดพิเศษสำหรับคนอยากอัพสกิล ที่มาพร้อมกับสโลแกนว่า “คลิปสั้น เก็ตไว เก่งใน 15 นาที” พวกเราอยากเห็นมันเป็นระบบ Knowledge Management ที่จะช่วยคุณแก้ปัญหา ในวันที่คุณต้องทำงานอยู่ที่บ้านคนเดียว ไม่มีเพื่อนร่วมงานให้สะกิดถามนู่นถามนี่ ในขณะที่คอร์สต่างๆ บน Skooldio.com ต้องผ่านกระบวนการคัดเลือกคนสอนและตรวจสอบเนื้อหาอย่างละเอียด เราเลือกที่จะเปิดรับ User-Generated Content บน Skooldio Tutorials เพราะเราเชื่อว่า คนทำงานทุกคนต่างมีโอกาสที่จะต้องสอนรุ่นน้อง สอนพนักงานใหม่ที่มาร่วมทีมอยู่เรื่อยๆ อยู่แล้ว เพียงแค่บันทึกวิดีโอมาเป็น Tutorials สั้นๆ ความรู้ของคุณก็จะเป็นประโยชน์กับคนจำนวนมาก และคุณเองก็ไม่ต้องเสียเวลาพูดซ้ำๆ เรื่องเดิมทุกครั้งที่มีพนักงานใหม่เข้ามา
ความสนุกที่สุดของการทำงานนี้ น่าจะเป็นการที่ได้เห็นทีมกลับมาทำงานเป็น Start-up หนีตายกันอีกครั้ง เราใช้เวลาเพียง 2 สัปดาห์ตั้งแต่ประชุมกันจนเปิดให้บริการได้ และงานนี้ก็ไม่ใช่ความรับผิดชอบของทีมพัฒนาอย่างเดียวเท่านั้น ก่อนเปิดให้บริการ เราก็ได้ขอความช่วยเหลือจากทีมงานของเราเองในการสร้าง Tutorials โดยให้ทุกคนลองคิดว่าเทคนิคการทำงานอะไรที่ Skooldio ที่เราต้องสอนน้องใหม่ในทีมอยู่ตลอด หรือรู้สึกว่ามันว้าวและอยากให้โลกได้รู้ ใครที่อยากรู้ว่าทีม Skooldio มีเทคนิคการทำงานเจ๋งๆ อะไรบ้าง ตามไปส่องกันได้ที่ https://tutorials.skooldio.com/ หรือใครที่มีเทคนิคอะไรดีๆ อยากแชร์ สามารถกดส่งผลงานเข้ามาให้เราได้เลย!
4. Skooldio for U
ผมมักจะบอกคนอื่นอยู่เสมอว่า Skooldio เป็นธุรกิจแสวงหาผลกำไร ที่มีความตั้งใจจะสร้าง Social Impact ให้ได้มากที่สุด ที่ผ่านมาเรามีทั้งให้ส่วนลดพิเศษสำหรับนักศึกษา สนับสนุนโครงการต่างๆ ของนักศึกษาด้วยคอร์สเรียนของเรา ไปจนถึงการพัฒนาแอปอย่าง TCASter ที่ช่วยน้องๆ ม. ปลายเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยไปแล้วร่วมล้านคน
สำหรับปีนี้ในช่วงโควิดที่ผ่านมา เราเล็งเห็นว่าอาจารย์มหาวิทยาลัยหลายๆ ท่านอาจจะกำลังปรับตัวกับการสอนออนไลน์ ทำให้การเรียนการสอนหลายๆ อย่างอาจจะไม่พร้อมเท่าที่ควร เราจึงริเริ่มโครงการ Skooldio for U ที่เปิดโอกาสให้อาจารย์มหาวิทยาลัยสมัครเข้ามาขอสิทธิ์ให้นักศึกษาเรียนคอร์สออนไลน์ของ Skooldio ที่เกี่ยวข้องกับรายวิชาได้ฟรี โดยมีมหาลัยวิทยาลัยเข้าร่วมโครงการถึง 26 มหาวิทยาลัยจากทั่วประเทศไทยและมีนักศึกษาที่ได้รับการสนับสนุนกว่า 2 พันคน คิดเป็นมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ต้องขอบคุณ อ. ผู้สอนคอร์สออนไลน์ของ Skooldio ทุกท่านที่ร่วมสนับสนุนโครงการนี้ด้วยครับ
5. Platform-as-a-Service
อันที่จริงใน Best Nine ปีที่แล้ว เราได้พูดถึงความภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาแอปพลิเคชันเรียนออนไลน์ให้กับ Partner หลายๆ เจ้าของเราไปแล้ว แต่ปีนี้หัวข้อนี้ยังคงอยู่ใน 9 อันดับสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นในรอบปีที่ผ่าน เพราะในช่วงโควิดที่ผ่านมา ผลงานของ Skooldio ได้มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้นักเรียนจำนวนมากได้เรียนหนังสืออย่างต่อเนื่อง
ระบบ Learn Anywhere ที่ Skooldio ได้พัฒนาขึ้นโดยมี Learn Education เป็นหนึ่งในผู้ใช้งาน ได้มีส่วนช่วยให้นักเรียนชาวเขาบนดอยแม่แจ่มได้เรียนหนังสืออย่างต่อเนื่อง ถึงแม้โรงเรียนจะไม่สามารถเปิดทำการเรียนการสอนได้ตามปกติ แต่คุณครูผู้ไม่ยอมแพ้ก็แยกย้ายกันไปสอนตามหมู่บ้าน และใช้ Learn Anywhere เป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบการเรียนรู้แบบผสมผสาน (Blended Learning) นับว่าเป็นอีกก้าวที่น่าภาคภูมิใจและตอกย้ำพันธกิจ “ที่ไหน เมื่อไหร่ ก็เรียนได้” ของ Learn Anywhere
ที่มา: Facebook Post ของคุณธานินทร์ ทิมทอง (Chief Social Impact officer, Learn Corporation)
นอกจากนี้บริษัท Learn Education ก็ยังได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ประเภทองค์กรเพื่อสังคมและชุมชน ประจำปี 2563 จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) อีกด้วย
ระบบเรียน Project 14 Plus ครบทุกประสบการณ์เรียนออนไลน์สำหรับนักเรียน
6. Learnneo
“App เพื่อนซี้ที่เข้าใจวัยเรียน ให้ทุกเรื่องเรียนเป็นเรื่องง่าย”
Learnneo เป็นโปรเจคที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง Skooldio และ สถาบันกวดวิชา OnDemand โดยมีความตั้งใจที่จะทำให้เด็กไทย “เข้าถึง” บทเรียนดีๆ ได้ง่ายขึ้น โดย OnDemand ในฐานะเจ้าภาพฝั่งคอนเทนต์ จากเดิมที่เน้นทำคอร์สติวเข้มเพื่อเตรียมสอบแข่งขันเข้าโรงเรียนดังหรือสอบเข้ามหาวิทยาลัย ก็ขยับมาทำเนื้อหาที่เน้นการเรียนในโรงเรียนให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น ในราคาเบาๆ แบบ Subscription รายเดือน ส่วน Skooldio ในฐานะเจ้าภาพฝั่ง Product ก็รับหน้าที่ออกแบบแอปใหม่ ให้ตอบโจทย์การเรียนของเด็กที่มีพฤติกรรมค่อนข้างหลากหลาย บางคนอยากดูวิดีโอบทเรียนอย่างละเอียดเพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติม บางคนเน้นอ่านสรุปทบทวนช่วงก่อนสอบ หรือบางคนเน้นทำโจทย์เพื่อทดสอบว่าตัวเองยังไม่เข้าใจตรงไหน แล้วจึงกลับไปเรียนทบทวน
นับเป็นอีกหนึ่งงานที่สนุกสนานและท้าทายสำหรับพวกเรามากทีเดียว ตั้งแต่การลงไปเริ่มทำ User Research กันใหม่กับน้องๆ นักเรียนว่าทุกวันนี้เค้าเรียนหนังสือกันแบบไหน เตรียมตัวสอบยังไง พยายามเข้าใจน้องๆ หลากหลาย Persona ทั้งเด็กเก่ง-เด็กอ่อน เด็กขยัน-เด็กไม่ค่อยขยัน เด็กโรงเรียนเอกชน-เด็กโรงเรียนรัฐบาล ไปจนถึงการพัฒนาทุกอย่างจากศูนย์ให้เสร็จภายใน 3 เดือน
ใครมีพี่น้องลูกหลานในระดับประถม-มัธยม ขอฝากผลงานไว้ในอ้อมใจด้วยนะครับกับ Learnneo แอปเพื่อนซี้ที่เข้าใจวัยเรียน ให้ทุกเรื่องเรียนเป็นเรื่องง่าย ด้วยคอนเทนต์ รูปแบบการเรียนรู้ และราคาที่ใครๆ ก็ “เข้าถึง”
7. Bigger, Happier Family
ในช่วงวิกฤติที่ใครๆ ก็ต่างพากันลดจำนวนพนักงาน หรือหยุดการรับคนเพิ่ม แต่สำหรับพวกเรานี่คือโอกาสที่ดี ที่จะดึงคนเก่งๆ มาร่วมงานกับเรา ทีมเราขยายขึ้นเท่าตัวจาก 20 กว่าคนช่วงปลายปีที่แล้ว เป็น 40 กว่าคนในตอนนี้
ภาพหมู่จากกิจกรรมบริษัทช่วงต้นปี
ภาพหมู่จากกิจกรรมบริษัทช่วงปลายปี
ฝั่งงานพัฒนาเทคโนโลยี เราก็มีงานใหม่ๆ ที่ต้องทำเยอะมาก ระบบเก่าที่ทำไว้ก็ต้องคอยทำให้ดีขึ้น เพื่อรองรับสเกลผู้ใช้งานที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วได้ ส่วนฝั่ง Academy จากแต่ก่อนที่เคยใช้น้อง Business Development หนึ่งคนทำทุกอย่าง (ทุกอย่างจริงๆ 🤣) เราก็เริ่มรับทีมงานในตำแหน่งที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น มาช่วยดูงานทั้งในส่วนการพัฒนาหลักสูตร งาน Account Executive ดูแลลูกค้าองค์กรใหญ่ รวมไปถึงทีม Marketing ที่แต่ก่อนพอทีมงานเราน้อย ก็จะเน้นแต่ทำโพสต์ขายของอย่างเดียว แต่ในปีที่ผ่านมา เรามีทีมทำคอนเทนต์ที่เน้นให้ความรู้กับผู้ติดตามเพจของเรามากขึ้น สร้างเป็น Community ของการเรียนรู้ การทำคอนเทนต์วิชาการให้น่าสนใจนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราก็ลองผิดลองถูกจนเรามีโพสต์หมื่นแชร์ออกมาหลายโพสต์ และผู้ติดตามเพจเติบโตขึ้นกว่าเท่าตัว จากประมาณ 2 หมื่นกว่าคนตอนต้นปีเป็นกว่า 4 หมื่นคนตอนสิ้นปี
เนื่องจากคนคือต้นทุนหลักของธุรกิจเรา ก็ต้องยอมรับว่าช่วงต้นปีก็มีหนาวๆ ร้อนๆ เหมือนกัน เพราะเปิดปีใหม่มาเราก็มีพนักงานใหม่มาเริ่มงานกัน 7–8 คน แล้วก็ถูกสั่ง Lockdown ทันที ต้อง Work From Home กันไปแบบที่เรายัง On Boarding น้องๆ บางคนไม่เรียบร้อยดี งานหลายอย่างที่ตั้งใจว่าจะทำก็ถูกเลื่อนออกไปแบบไม่มีกำหนด แต่ด้วยทีมที่ดี อะไรก็เกิดขึ้นได้! ความสำเร็จทั้งหมดที่ได้เล่ามาก่อนหน้านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้ทีมงานสายลุยที่พร้อมจะเปลี่ยนทุกวิกฤติให้เป็นโอกาส และสนุกกับความท้าทายใหม่ๆ ที่เข้ามาอยู่เสมอ
“The most successful organizations…will be the ones in which everyone, on every team, understand that all bets are off and everything is changing — and thinks that’s great.” — Patty McCord
อีกหนึ่งความภาคภูมิใจที่ตอกย้ำความตั้งใจของผมในการรวบรวมคนเก่งๆ มาสร้างทีม Product ที่ดี คือ ทีมศรัทธา.online ซึ่งประกอบไปด้วยสมาชิก Skooldio จากทั้งทีม UX (User Experience), PM (Product Management), Engineering, BD (Business Development) ผนึกกำลังกันเข้าแข่งขันในรายการ LINE Hack 2020 จนได้รางวัลชนะเลิศ รุ่น General Public เอาชนะใจกรรมการด้วยไอเดียแก้บนผ่านไลน์ ที่ให้บริการเสมือนเป็น LINE MAN สำหรับการ ขอพร/แก้บน ใครที่สนใจลองไปชม Pitch ของทีมนี้ดูได้ รับประกันว่าดุเด็ดเผ็ดมันสมศักดิ์ศรีเจ้าของรางวัลชนะเลิศ!
แต่เนื่องจากไอเดียนี้ค่อนข้างฉีกจาก Product การศึกษาที่ทำกันอยู่ทุกวัน 😂 กว่าจะออกมาเป็น Product ที่ครบเครื่องแบบนี้ได้ ทีมก็ต้องทำการบ้านกันเยอะมาก ตั้งแต่การไป Empathize พูดคุยกับคนที่เป็นสายมูชอบแก้บนเป็นกิจวัตร ต่อด้วยการทำ Market Research เพื่อดูว่ามีร้านแก้บนออนไลน์อยู่แล้วมากน้อยแค่ไหน และคิด Business Model ให้ได้ประโยชน์ทั้งร้านค้าและผู้ใช้งาน จนมาทำ Service Blueprint เพื่อออกแบบบริการและประสบการณ์การใช้งาน แล้วร่าง Wireframe ออกมา จนสุดท้ายพัฒนาออกมาเป็น Chatbot ให้ใช้งานได้จริงๆ ด้วยเทคโนโลยีของ LINE เรียกว่าได้ว่า ได้ใช้ความรู้จากทุกวิชาที่ Skooldio มีสอนเลยก็ว่าได้
Skooldio is always hiring! ถึงปีนี้จะเป็นปีที่เหน็ดเหนื่อยและต้องเจอกับความท้าทายมากมาย แต่ชาว Skooldio ก็จะไม่หยุดอยู่แค่นี้ และมุ่งมั่นที่จะช่วยคนไทยอัพสกิลให้มีทักษะที่โลกกำลังต้องการ ได้ทำงานอาชีพในฝัน ช่วยเหลือนักเรียนนับล้านคนให้มีความรู้ที่ดี มีการศึกษาที่ดี และผลักดันระบบการศึกษาในประเทศไทยต่อไป ใครที่อยากรู้ว่าพวกเราน่าทำงานด้วยแค่ไหน ลองดูได้ที่โพสต์นี้ แล้วส่ง Resume มาที่ people@skooldio.com ได้เลย!
8. New Home
กว่า 3 ปีที่เราใช้ออฟฟิศเก่าใจกลางสยามแสควร์เป็นฐานปฏิบัติการ ทั้งเป็นออฟฟิศ ห้องเวิร์คชอป และสถานที่จัด Meetup ต่างๆ แต่ก็ถึงเวลาเราจะต้องหาออฟฟิศใหม่สำหรับการเติบโตในก้าวต่อไปของบริษัท
บ้านเก่าของพวกเราที่ LearnHub+ Co-Learning Space
ตอนนี้บ้านใหม่ของเราตั้งอยู่ที่ตึก MBK Tower ติดรถไฟฟ้าสนามกีฬาแห่งชาติ โดยออฟฟิศนี้ได้รับการออกแบบโดย PAPERSPACE บริษัทออกแบบ Workspace ของคนไทยที่มีผลงานการออกแบบออฟฟิศให้กับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Google, Facebook และ Airbnb มาแล้วทั่วโลก ใครที่อยากเห็นว่าออฟฟิศของเราหน้าตาเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ที่นี่เลย
ส่วนใครที่กำลังมองหาสถานที่จัดอบรมจัดกิจกรรมใจกลางเมือง วิวสวย โปรเจคเตอร์ชัดราวกับทีวี 4K พร้อมอุปกรณ์ Video Production ครบครัน สามารถติดต่อมาได้เลยที่ hello@skooldio.com
9. Open House
กิจกรรมหนึ่งที่ HR แทบทุกองค์กรต้องทำช่วงปลายปีก็คือ การวางแผนการจัดอบรม หรือ Training Roadmap ของปีถัดไป ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาก็มี HR จากหลากหลายองค์กรชั้นนำที่ให้ความไว้วางใจเราในการช่วยวางแผนตรงนี้ให้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของแผนการสร้างบุคลากรดิจิทัลเพื่อสนองแผนการทำ Digital Transformation ขององค์กร ในปีนี้ เพื่อเป็นการฉลองออฟฟิศใหม่และขยาย Impact ในการมีส่วนช่วยองค์กรสร้าง Workforce of the Future พวกเราจึงจัด Skooldio Open House ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยมีผู้บริหารและ HR จากกว่า 50 องค์กรเข้าร่วม
ภายในงานได้มีการอัพเดตเทรนด์ทักษะใหม่ๆ ด้วย Keynote ในหัวข้อ “The Digital Workforce: Essential skills to survive and thrive in 2021” รวมไปถึงการแชร์ Success Story ของโปรแกรมที่เราเข้าไปจัดให้องค์กร โดยได้รับเกียรติจาก คุณวรวัจน์ สุวคนธ์ Dean ของ SCB Academy มาร่วมแชร์แนวทางการ Upskill / Reskill ของ SCB เพื่อให้ตัวแทนองค์กรที่มาเข้าร่วมได้เห็นถึงแนวทางการพัฒนาบุคลากรเพื่อดึงศักยภาพสูงสุดของทีมออกมา นอกจากนี้ยังมีการแบ่งปันความรู้จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญของเราตลอดงาน ทั้งใส่ส่วนของ Customer Centricity: UX, UI, Service Design, การสร้าง Data-Driven Culture, และเทคโนโลยีที่สำคัญทั้ง Web / Mobile Apps, Cloud, และ DevSecOps เรียกได้ว่าสามารถกลับไปคุยกับทีมเทคโนโลยีหรือทีมดิจิทัลในเรื่องทักษะที่จำเป็นต่างๆ ได้อย่างเข้าใจสักที
และทั้งหมดนี้ คือ 9 เรื่องราวที่ดีที่สุดของพวกเราในปี 2020 ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ปีที่ดีที่สุดของพวกเรา แต่พวกเราเชื่อว่ามันเป็นปีที่ทำให้พวกเราแข็งแกร่งขึ้น และหลายๆ อย่างที่เราได้ช่วยกันคิดใหม่ทำใหม่ในปีนี้จะเป็นรากฐานที่ดีสำหรับการเติบโตในก้าวถัดๆ ไปของพวกเรา
สุดท้ายนี้พวกเราอยากถือโอกาสขอบคุณองค์กร นักเรียน แฟนเพจของเราทุกๆ คน ที่ให้การสนับสนุนพวกเราอย่างดีมาตลอด มันมีคุณค่ากับพวกเรามากๆ ในทีมเราคุยกันเสมอว่าการศึกษาไม่ใช่ธุรกิจที่ร่ำรวยที่สุด แต่พวกเราเลือกที่จะทำสิ่งนี้ เพราะเราเชื่อว่าการศึกษาที่ดี จะทำให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้น และนำไปสู่สังคมที่ดีขึ้นในที่สุด
สวัสดีปีใหม่ 2021
