By แกะ Case Study ของ Builk ธุรกิจไทยเจ้าแรกๆ ที่พยายามเดินเกมตามธุรกิจโลกใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ลองสร้าง Business Model บนการทำ Software ใช้ฟรี กระโจนเข้าไปหาท่าทำเงินจาก Data ตั้งแต่วันที่ทุกคนเพิ่งเริ่มเห่อประโยคทองอย่าง “Data is the new Oil” จนทุกวันนี้ Builk ผ่านการเรียนรู้ ลองผิดลองถูกจนเจอจุดลงตัวทางธุรกิจของตัวเอง และต่อยอดสร้าง Platform Ecosystem ที่ครอบคลุมทั้ง Supply Chain ของวงการก่อสร้าง
ชวนมาเจาะทีละขั้นตอนของการพัฒนาธุรกิจ จากจุดเริ่มต้นของ Software ฟรีที่ไม่มีท่าหาเงิน จนต่อจิ๊กซอว์ทีละส่วนประกอบภาพเป็น Builk One Group ในวันนี้ที่กำลังเติบโตมุ่งสู่ IPO ได้อย่างไร กับคุณโบ๊ท ไผท ผดุงถิ่น ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Builk One Group
คุณโบ๊ท ไผท ผดุงถิ่น CEO และผู้ก่อตั้ง Builk One Group
Table of Contents
จากโปรแกรมปั๊มซีดีขาย สู่โลกของ Internet และ Cloud
ก่อนหน้านั้นคุณโบ๊ทและเพื่อนได้รวมตัวกันทำโปรแกรม ERP ใส่แผ่นซีดีขายให้ผู้รับเหมานำไปใช้บริหารงานก่อสร้าง จากนั้นเริ่มเห็นเทรนด์เทคโนโลยีอย่าง Internet และ Cloud และธุรกิจที่สร้างขึ้นบนเทรนด์นี้ที่เป็น SaaS หรือ Software as a Service อย่าง Salesforce เลยลองเอา Software ไปไว้บน Internet แต่ปรากฏว่าขายไม่ได้ เป็นที่มาของการทำให้เป็น Software ฟรี
เริ่มต้นธุรกิจ Software ฟรี กับโมเดลหาเงินจากโฆษณาที่ไม่เวิร์ก
แรงบันดาลใจในการทำ Software ฟรีของคุณโบ๊ทมาจากหนังสือที่ชื่อว่า Free: The Future of a Radical Price ที่เขียนโดย Chris Anderson ซึ่งเขาจับ Keyword เรื่อง Radical Price หรือเรื่องของราคาที่รุนแรงจนสามารถเปลี่ยนธุรกิจในวงการต่างๆ ได้ ตัวอย่างเช่นบริการของ Google ที่ยอมให้คนใช้ฟรีจนเปลี่ยนพฤติกรรมคนไปจากเดิม และสร้าง Impact ได้มากจนพลิกวงการ คุณโบ๊ทเองอยากเปลี่ยนวงการก่อสร้างที่เต็มไปด้วยปัญหามากมาย คิดง่ายๆ ว่าทำตามหนังสือไปเลย ปล่อยให้ใช้ฟรีและหวังว่าจะมีคนมาใช้งาน Software เป็นจำนวนมาก จากนั้นก็หารายได้จากโฆษณา แต่ก็ไม่มีคนมาใช้งานมากอย่างที่คิด
“หาเงินจากโฆษณาอยู่ไม่ได้หรอก ลองหาโอกาสจาก Data ดูมั้ย”
คุณโบ๊ทบอกว่าตัวเองเป็นผู้ประกอบการสายประกวด มีโอกาสไป Pitch ในหลายเวที Startup ก็ได้รับคำแนะนำจากนักลงทุนให้ลองหาทางสร้าง Business Model จาก Data ในยุคนั้นที่ทุกคนพากันตื่นเต้นกับประโยค “Data Is the New Oil” ซึ่งคุณโบ๊ทเชื่อว่า Data ของวงการก่อสร้างที่มีน่าจะเป็น Data ที่คนอื่นไม่มี น่าจะหาทางสร้างประโยชน์ที่คนอื่นทำไม่ได้
ตอนนั้นบริการของ Builk คือ Software บริหารงานก่อสร้างฟรีที่เปิดให้ผู้รับเหมาใช้ จากข้อมูลบน Platform ของ Builk ทำให้รู้ Data ของกลุ่มผู้รับเหมาว่ากำลังทำอะไรอยู่ขั้นตอนไหน ซื้อวัสดุอะไรจากที่ไหนบ้าง การต่อยอดแบบตรงไปตรงมาที่สุดก็คือการ ‘ขายวัสดุก่อสร้าง’ ถ้ารู้ว่าผู้รับเหมาต้องซื้ออะไร ก็ไปหาสิ่งนั้นมาให้อย่างถูกที่ ถูกเวลา และราคาถูก เกิดเป็น B2B E-Commerce ที่ต่อยอดจาก Unfair Advantage ของ Data ที่ไม่มีใครมีมากและลึกเท่า Builk
เมื่อ Big Data ก็เอาผู้รับเหมาไทยไม่อยู่
ตอนเริ่มต้นขายวัสดุก่อสร้าง คุณโบ๊ทซึ่งเป็น CEO โทรไปขายด้วยตัวเองจากการดู Data ว่าผู้รับเหมารายไหนน่าจะมีความต้องการใช้อะไร แล้วก็เจ็บด้วยตัวเอง ด้วยความที่ธรรมชาติของวงการผู้รับเหมารายเล็กจำนวนมากจะมีปัญหาเรื่องการจ่ายเงิน หมุนเงินมาจ่ายไม่ทัน แต่ด้วยความมั่นใจในพลังของ Big Data บน Platform คิดว่าน่าจะหา Model ที่คาดการณ์ได้ว่าผู้รับเหมารายไหนการเงินดีหรือไม่ดี เพื่อขายเป็น Credit Term แต่ปรากฏว่า.. “Big Data ก็เอาผู้รับเหมาไทยไม่อยู่” แม้โดยรวมยอดขายจะเพิ่มขึ้นเป็นหลักร้อยล้าน แต่ก็ได้รับผลกระทบพอสมควรจากการที่คาดการณ์พฤติกรรมการเงินของผู้รับเหมาได้ไม่แม่นยำนัก ทำให้นอกจากต้องรับบทคนขายของด้วยตัวเอง ยังต้องโทรไปทวงหนี้ด้วยตัวเอง!
ต่อจิ๊กซอว์สู่บริการด้านการเงิน
นอกจากทำงานกับผู้รับเหมา และฝั่งผู้ขายวัสดุก่อสร้าง Builk ยังได้โอกาสไปทำงานกับต้นน้ำอย่างผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯ (Real estate Developer) เท่ากับว่าได้เข้าใจและทำงานร่วมกับผู้เล่นหลักทั้งหมดใน Supply Chain ของวงการก่อสร้าง นั่นเป็นจุดที่ทำให้ต่อยอด Platform ให้มีบริการครอบคลุมทั้ง Ecosystem
คุณโบ๊ทเล่าถึงคอนเซปต์ของการทำทั้ง Supply Chain ว่ามี 3 ส่วนหลักๆ คือการเคลื่อนข้อมูล เคลื่อนของ และเคลื่อนเงิน เรื่องของข้อมูลก็ทำ Software บริหารงานก่อสร้างมาตั้งแต่แรก ทำให้ได้ Data ว่าแต่ละคนใน Ecosystem กำลังทำอะไร ต้องการอะไร เคลื่อนของก็เป็นเรื่องของ E-Commerce ที่ต่อยอดทำไปแล้วเช่นกัน ต่อมาคือการเคลื่อนเงิน
Pain Point อย่างหนึ่งในวงการก่อสร้างคือเรื่องความยากในการพิจารณาเครดิต ฝั่งธนาคารเองก็หา Model ในการพิจารณาเครดิตของผู้รับเหมาไม่ได้ ฝั่งผู้รับเหมาก็ไม่สามารถหาแหล่งเงินกู้ได้ เป็นปัญหาความท้าทายเรื่องการเงินสำหรับผู้รับเหมามาตลอด
เป็นที่มาของการสร้าง Software อีกตัวหนึ่งที่ให้ผู้รับเหมาสามารถบริหารหน้างานก่อสร้าง ในมุมของ User อย่างผู้รับเหมาเองก็มี Software ที่ช่วยตรวจสอบความคืบหน้าไซต์งาน ในมุมของ Builk ก็เห็น Progress ของงานก่อสร้างต่างๆ เพื่อเอามาช่วยในการพิจารณาเครดิตทางการเงินได้
ปิดความเสี่ยงให้ผู้รับเหมาด้วย Insurance
“งานก่อสร้างในประเทศไทย ความเสี่ยง 90 กว่าเปอร์เซนต์อยู่ที่ผู้รับเหมา” วันที่รับสร้างบ้านไปแล้ว เกิดน้ำท่วม ฟ้าผ่า ไฟไหม้ คนที่รับความเสี่ยงส่วนใหญ่คือผู้รับเหมา นี่คือหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้รับเหมาเป็นอาชีพที่เจ๊งบ่อยเจ๊งง่ายที่สุด
สิ่งที่ Builk เติมจิ๊กซอว์เข้ามาคือการใช้ Data มาดูเรื่องความเสี่ยงของโครงการก่อสร้างเพื่อนำเสนอเรื่องการประกันภัยได้
อย่างที่เราเห็นกันว่าทุกวันนี้เส้นแบ่งระหว่างวงการต่างๆ จะไม่ชัดเหมือนแต่ก่อน เราเห็นธนาคารเข้ามาในธุรกิจด้าน Life Stlye หรือ Platform เรียกรถแท็กซี่ก็กระโดดไปทำบริการทางการเงิน เช่นเดียวกับที่ Builk One Group ที่เริ่มต้นจากวงการก่อสร้าง ก่อนจะต่อจิ๊กซอว์สร้าง Software ที่ทำให้ Value เพิ่มขึ้นๆ Connect คนเข้ามาได้มากขึ้น และเชื่อมทั้งหมดเป็น Ecosystem ได้ในที่สุด
Digital Leadership Bootcamp : หลักสูตรผู้บริหารดิจิทัล 7 สัปดาห์ ที่ได้เรียนกับตัวจริงในวงการ
Case Study จาก Builk เป็นหนึ่งในตัวอย่างของการทำธุรกิจในยุค Digital Business ที่มีการใช้เรื่องของเทคโนโลยีมาเปลี่ยนวิธีคิด สร้าง Platform สร้าง Ecosystem ต่อยอดไปสู่ Business Model ที่หลากหลาย หากคุณสนใจและอยากเรียนรู้วิธีคิดในการทำ Digital Business มากขึ้น Skooldio เปิดสอนหลักสูตร Digital Leadership Bootcamp รุ่น 5 พร้อมพาคุณทำความเข้าใจ Pitfall ที่สำคัญในการสร้างกลยุทธ์ธุรกิจยุคดิจิทัล
คุณโบ๊ท ไผท ผดุงถิ่น เป็นหนึ่งใน Guest Speakers ของหลักสูตร หากคุณสนใจการทำ Busines Model ในยุคดิจิทัล มาฟัง Insight จากตัวจริง และโอกาสในการปรึกษากลยุทธ์ธุรกิจกับผู้เชี่ยวชาญตัวท๊อปในวงการมาถึงแล้ว !
🗓️ เรียนทุกวันศุกร์ ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย. – 16 ส.ค. 2567
⏰เวลา 9:30 – 17:30 น.
📍 เรียนแบบ Onsite ที่โรงแรมในกรุงเทพฯ
ออกแบบหลักสูตรโดย ดร.วิโรจน์ จิรพัฒนกุล ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์การเป็นนักวิจัยที่ MIT และการทำงานใน Silicon Valley ซึ่งจะมาไขคำตอบในการทำธุรกิจยุคดิจิทัลไปกับคุณ
